ตอนที่ 387 เฆี่ยนตีเขาให้ตาย ตอนที่ 388 เป็นฝ่ายเอาไปส่งถึงที่

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 387 เฆี่ยนตีเขาให้ตาย

สายตาของซ่งเหล่าซานขณะมองปีศาจกบก็เหมือนกำลังมองญาติของตัวเอง อยากจะคุกเข่าลงให้เขาเสียด้วยซ้ำ

ปีศาจกบยังคิดจะเดินจากไป แต่ซ่งเหล่าซานดึงรั้งมือของเขาไว้แน่น ต้องการให้เขาอยู่ต่อให้จงได้ “ขอบคุณน้องชายมากที่เอายามาส่งให้ นี่เจ้าช่วยชีวิตบิดาข้าเอาไว้แท้ๆ! บัดนี้พ่อข้ายังไม่ฟื้น หลังฟื้นมาแล้วหากให้เขารู้ว่าข้าไม่แม้แต่เลี้ยงอาหารเจ้าสักมื้อ ท่านพ่อข้าคงได้เฆี่ยนตีข้ากันพอดี”

“…” ปีศาจกบมองไปทางซ่งอิงอย่างกล้าๆ กลัวๆ

อาของท่านอาจารย์เรียกเขาว่าน้องชาย นี่คงไม่ค่อยดีกระมัง

“ท่านอาสามพูดถึงขนาดนี้แล้ว เสี่ยว…” ซ่งอิงชะงักเสียงไปครู่หนึ่ง “อาชิงเหลียน ท่านก็อยู่ที่นี่สักครู่เถอะ”

“…” ชิงเหลียนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

จะเรียกอาไม่ได้นะ ตัวมันรู้สึกกลัวเหลือเกิน

ท่านอาจารย์เป็นถึงคนที่กำจัดปีศาจปลาดุกเฒ่าได้เชียวนะ วันนี้ขืนเขาหาประโยชน์จากเรื่องนี้ ไว้เดี๋ยวกลับไปจะไม่ถูกบดขยี้ดวงจิตปีศาจแตกกระจายหรอกหรือ

แต่คราวนี้จะเดินหนีไปก็คงไม่ได้แล้ว

ทำได้เพียงหลบไปอยู่ด้านข้างอย่างสงบเสงี่ยม

พวกเขาเรียกหมอผู้เฒ่ามา ให้คำชี้แนะในการนำยาสมุนไพรที่ราคาแพงนี้ตุ๋นออกมาหนึ่งหม้อ หลังได้ยาที่ดำปี๋หนึ่งหม้อจึงเอาป้อนใส่ปากชายชราซ่ง จากนั้นซ่งเหล่าซานก็จ้องมองดวงตาของผู้เฒ่าซ่งอย่างไม่วางตา กลัวว่ากะพริบตาครั้งเดียวก็จะพลาดวินาทีที่ชายชราได้สติ

“อย่าเพิ่งร้อนใจไป ยังต้องให้ร่างกายทำความคุ้นชินกับยาตัวนี้ก่อนเสียหน่อย หากจะให้ฟื้นขึ้นมาคงต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งถึงสองชั่วยาม” หมอผู้เฒ่ายิ้มเล็กน้อย บอกกล่าวคนตระกูลซ่งด้วยสีหน้าที่ถือว่าสุขใจ

ยาสมุนไพรที่ราคาแพงถึงเพียงนี้ ชั่วชีวิตนี้เขาจ่ายยาพวกนี้ไปหลายครั้ง แต่ได้ใช้จริงๆ นับครั้งได้

แล้วจะไม่ดีใจได้อย่างไรหรือ

ตอนบ่าย ซ่งฝูซานและซ่งจินซานกลับมาบ้านในเวลาไล่เลี่ยกัน

“ฟื้นแล้ว ฟื้นแล้ว! ท่านพ่อ! ท่านพ่อเป็นอย่างไรบ้าง หมอ ท่านรีบมาตรวจดูเร็วเข้า พ่อข้าฟื้นแล้ว!” ผู้เฒ่าซ่งลืมตาขึ้น ก็เห็นบุตรชายคนที่สามผู้นี้ส่งเสียงโวยวาย เกือบทำให้เขาตระหนกตกใจจนหมดสติไปเสียแล้ว

ซ่งเหล่าเกินอ้าปากพะงาบ อยากตำหนิสักสองสามประโยคตามจิตใจสำนึก แต่เมื่อสบตาเข้ากับดวงตาที่แดงระเรื่อของบุตรชายจึงหยุดเอาไว้

จากนั้น บุตรชายคนโตและบุตรชายคนรองก็เข้ามาเช่นกัน

บุตรชายคนโตคุกเข่าลงบนพื้น บุตรชายคนรองเดินเข้ามาด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน

ผู้เฒ่าซ่งที่เดิมทีเลือดลมโทสะทะยานขึ้นสูง กลับค่อยๆ ลดระดับลงในเวลานี้แล้ว

“ไม่เป็นอะไรมากแล้ว พยายามโมโหให้น้อยหน่อย ดูแลสุขภาพร่างกายให้มาก อย่าได้ทำงานเหน็ดเหนื่อยเกินไป อีกสักปีครึ่ง ร่างกายก็จะฟื้นฟูกลับมาเช่นเมื่อก่อน” หมอผู้เฒ่าเอ่ยพูดพลางลูบหนวดของตัวเอง

เจียวซื่อรีบยกโจ๊กร้อนๆ เข้ามาหนึ่งชามให้ผู้เฒ่ากินเป็นอันดับแรก

ตั้งแต่หมดสติไปจนถึงตอนนี้ นอกจากยาก็ไม่ได้กินของอย่างอื่นลงไปเลย จะต้องไม่มีเรี่ยวแรงเป็นแน่

ผู้เฒ่าซ่งไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน

“เหล่าต้าเข้ามานี่” ซ่งเหล่าเกินเอ่ยปากเสียงแผ่วเบา

ซ่งฝูซานที่อยู่บนพื้นใจหายวูบ เร่งรีบคลานเข่าเข้าไปด้านหน้า “ท่านพ่อ ล้วนเป็นข้าเองที่ไม่ได้ควบคุมไอ้ลูกสารเลวคนนั้นให้ดี… ตอนที่ข้ามาเขาก็หนีไปแล้ว มิเช่นนั้นข้าจะเฆี่ยนตีเขาให้หนักเป็นแน่…”

“พาเผยซื่อไปแล้วหรือ” ผู้เฒ่าเอ่ยถาม

“ขอรับ… แล้วยังเอาเงินและเห็ดหลินจือที่อยู่ในหีบของท่านไปด้วย” ซ่งเหล่าซานหดหัวลงเล็กน้อย อาศัยจังหวะนี้ที่หมอยังอยู่บอกเล่าออกไป เรื่องนี้ไม่ช้าก็เร็วผู้เฒ่าย่อมต้องรู้ ไม่สู้บอกเอาไว้แต่เนิ่นๆ จะดีกว่า

ซ่งเหล่าเกินถึงขั้นคาดการณ์ล่วงหน้าเอาไว้แล้ว จริงอยู่ที่ตัวเขาหมดสติ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความรู้สึก ท่ามกลางความวุ่นวายก็ยังได้ยินเสียงพูดคุยของคนภายนอกอย่างรางๆ ดังนั้นยามนี้จึงรู้สึกอารมณ์สับสนวุ่นวายยิ่งขึ้น

“ลูกชายเจ้าคนนี้กล่าวว่า หากไม่ให้สามร้อยตำลึงเงิน เขาก็จะเป็นเขยที่แต่งเข้าสู่ตระกูลเผย เจ้า… คิดเห็นว่าอย่างไรหรือ” ผู้เฒ่าซ่งเอ่ยถาม

โชคดีที่กินยาเข้าไปแล้ว ไม่เช่นนั้นคาดว่าขณะนี้เขาจะต้องหมดสติไปอีกครั้งเป็นแน่

แค่นึกขึ้นมาก็รู้สึกปวดหัวตื้อไปหมด

“อะไรนะ! สามร้อยตำลึงเงิน!?” ซ่งฝูซานกระโดดโหยงขึ้นมา “ให้ตายสิ ไอ้ลูกอกตัญญูผู้นั้นพูดเยี่ยงนี้จริงหรือ! ข้า ข้า ข้าจะไปหาเขาที่บ้านเผย เฆี่ยนตีเขาให้ตายไปเสีย!

ตอนที่ 388 เป็นฝ่ายเอาไปส่งถึงที่

อยู่ดีๆ บุตรชายก็จะเป็นเขยเข้าแต่งเข้าตระกูลฝ่ายหญิง? นี่มันหมายความว่าอะไร รังเกียจซ่งฝูซานบิดาอย่างเขาผู้นี้ที่เป็นบ่อเงินบ่อทองให้เขาไม่ได้สินะ!?

ซ่งอิงมองออก ซ่งฝูซานและซ่งเหล่าเกินเป็นพวกนิสัยประเภทเดียวกันโดยแท้

รักและเอ็นดูบุตรชายคนโต และรักในศักดิ์ศรีหน้าตาเสียยิ่งอะไรดี แต่ก็มีความผกผันในกรณีถูกหักหลังเช่นกัน บุตรชายคนโตผู้นี้เห็นคนนอกดีกว่าคนในครอบครัวก็คือการทรยศ เมื่อใดที่สัมผัสได้ ก็อยากจะเด็ดหัวของซ่งเสี่ยนให้หลุดออกมาเสีย

“ยานั่นยังเหลืออีกหน่อยหรือไม่ เจ้าจะรินออกมาดื่มสักหน่อยก็ได้เช่นกัน” ผู้เฒ่าซ่งชำเลืองมองเขาแวบหนึ่งแล้วกล่าว

ซ่งฝูซานกลับคิดเป็นจริงเป็นจัง ไม่พูดพร่ำทำเพลง วิ่งออกไปกระดกดื่มยาดังกล่าว

“ตอนข้าหลับอยู่ยังได้ยินว่ายานี้ราคาแพงมาก” ผู้เฒ่าเอ่ยปากกล่าวอีกครั้ง “พวกเจ้าจัดสรรกันอย่างไร”

ซ่งเหล่าซานรีบนำสถานการณ์บอกกล่าวอย่างชัดแจ้ง

ผู้เฒ่าพยักหน้า “ใช้ได้ เป็นเพราะผู้เฒ่าอย่างข้าเองที่ไม่เอาไหนจึงพานให้พวกเจ้าเดือดร้อนไปด้วย”

“ท่านพ่อ ท่านอย่าพูดเช่นนี้สิ เป็นลูกที่ไม่เอาไหนจึงจะถูก หากมีเงินก็ไม่ถึงขั้นต้องไปขอยืมเอ้อร์ยา เพียงแต่ท่านวางใจได้ เงินที่ติดค้างเอ้อร์ยาข้าจะชดใช้คืนแน่” ซ่งฝูซานดื่มยาแล้วเดินเข้ามา ก่อนจะกล่าวอีกครั้ง

“เจ้าพูดเช่นนี้ข้าก็วางใจแล้ว” ซ่งเหล่าเกินถอนหายใจ สีหน้าดีขึ้นมาเล็กน้อย “เช่นนั้นหลานเสี่ยนล่ะ เรื่องที่เขาต้องการเงินจะทำอย่างไร”

“ต่อให้ข้าเฉือนเนื้อไปขายก็ไม่มีเงินขนาดนั้นหรอก ครอบครัวเราไม่ใช่โรงฝากถอนเงินเสียหน่อย!” ซ่งฝูซานโมโห

ยานี้ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ หลังดื่มเข้าไปก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมากจริงๆ ไม่เหมือนเมื่อครู่นี้ที่ความเดือดดาลพลุ่งพล่านขึ้นสมองจนร้อนรุ่มหายไปเป็นปลิดทิ้ง

ที่แท้ของราคาแพงมันก็มีเหตุผลของมันนี่เอง

น่าเสียดายที่ตระกูลซ่งไม่มีเงิน มิเช่นนั้นจะซื้อเอากลับมาเตรียมไว้ใช้ให้มากหน่อย

ซ่งเหล่าเกินถอนหายใจ

นั่นสิ ไม่มีเงิน

แต่จะปล่อยให้หลานชายเข้าไปอยู่ในตระกูลฝ่ายหญิงจริงๆ หรือ ถึงเวลาเรื่องประเภทนี้แพร่งพรายออกไป เช่นนั้นตระกูลซ่งเขาก็คงได้กลายเป็นเรื่องชวนหัวเราะเยาะกันพอดี!

ซ่งเหล่าเกินสับสน!

“ท่านปู่ ก่อนหน้านี้ที่เราทั้งสองพนันกันไว้ยังยึดตามที่ว่าหรือไม่เจ้าคะ” ซ่งอิงขยับเข้ามา เอ่ยถามอย่างไม่เกรงกลัว

ชายชราจ้องมองนาง แล้วสบถฮึ “เจ้าชนะแล้ว!”

ซ่งจินซานงุนงง ไม่รู้ว่าบุตรสาวกำลังพูดอะไรกับบิดาอยู่ อยากจะเอ่ยถาม แต่แล้วกลับได้ยินซ่งอิงกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง “ในเมื่อท่านแพ้แล้ว เช่นนั้นก็ต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้ ใช่หรือไม่เจ้าคะ”

ชายชรานิ่งเงียบ

อย่าคิดว่าเขาโง่ ก็คิดจะให้เขาเลิกสนใจหน้าตาศักดิ์ศรี ขับไล่หลานชายคนโตออกไปเป็นอันสิ้นเรื่องใช่หรือไม่

แต่พูดน่ะมันง่าย นั่นเป็นหลานชายของเขานะ! หนีออกไปกลายเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลคนอื่น นี่ไม่เท่ากับการตบหน้าเขาหรอกหรือ!?

แน่นอนละว่า เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้เขาอยากทะนุถนอมหลานชาย แต่ยามนี้คงไม่อาจทำได้ไหว

เขายังจดจำได้ชัดกระจ่างแจ้ง ยามที่ตนเองล้มลง หลานชายเขาผู้นั้นไม่แม้แต่จะหันกลับมา ถึงขั้นว่าไม่แม้แต่จะโผล่หน้ามาเยี่ยมกันสักนิดด้วยซ้ำ! จะเห็นได้ชัดว่าในสายตาหลานชายคนนี้ ชีวิตของเขาไม่สำคัญเท่ากับเงินสามร้อยตำลึงเงินนั่น

ใช่ เงินมันสำคัญจริงๆ แต่จะร้ายจะดีก็ควรมาเยี่ยมเขาสักหน่อยสิ?

แต่ผลสุดท้ายเล่า เฮ้อ!

ชายชรานึกขึ้นมาก็รู้สึกใจเต้นถี่ จึงพยายามควบคุมอารมณ์ไม่ไปคิดให้มากมาย

“ท่านไม่พูด เช่นนั้นก็เท่ากับตกลงนะเจ้าคะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้…” ซ่งอิงหัวเราะ “นับแต่พรุ่งนี้ไป เมื่อคนอื่นถามถึงอาการป่วยท่านว่าเป็นอะไรไป ท่านก็พูดว่าเป็นผลจากความกังวลใจแทนตระกูลเผย”

“ข้ากังวลใจแทนตระกูลเขา?!” ชายชราอยากกระอักเลือดอีกครั้ง

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ก็กล่าวว่าบุตรชายคนเดียวของเผยเหล่าเอ้อร์ผู้นั้น อาจป่วยเป็นโรคอะไรที่รักษาไม่หายแล้ว หรือกล่าวว่าน่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน เผยเหล่าเอ้อร์จึงต้องการเด็กหนุ่มสักคนไปเป็นเสาหลักให้ครอบครัว” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง

ชายชราตะลึงงัน “เจ้าหมายความว่า พวกเราจะเป็นฝ่ายยกเขาออกไปส่งให้?”

หลานชายของเขา เขายังต้องเอาไปส่งด้วยตัวเองถึงที่อีกหรือ

“แล้วท่านรั้งพี่ใหญ่เอาไว้ได้หรือเจ้าคะ” ซ่งอิงหัวเราะเล็กน้อย “แทนที่จะรอให้พี่ใหญ่ถ่อมาตรงหน้าท่านเพื่อบีบบังคับให้ท่านเอาเงินให้ ไม่สู้รอพี่ใหญ่กลับมา จากนั้นจัดหาดนตรีบรรเลงไปตลอดทาง พาเขาส่งไปยังบ้านตระกูลเผยเสียเลย เขาอยากแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงนักมิใช่หรือ ตอนที่แต่งเผยซื่อเข้ามามีเกี้ยวแบกหามขนาดใหญ่ถึงแปดคัน เช่นนั้นบัดนี้ก็หาเกี้ยวเล็กมาสักหนึ่งคันพาเขาส่งออกไปเสียเลย!”