โครงสร้างของครอบครัวตระกูลเฟิง เฉินฮวนฮวนได้ยินแม่บ้านหลี่เล่าว่า
นายท่านของตระกูลเฟิงมีลูกชายสามคนคือ เฟิงเจิ้งหมิง เฟิงเจิ้งซวิน และเฟิงหานชวน
เฟิงเจิ้งหมิงมีลูกชายหนึ่งคน ก็คือเฟิงเฉินเหยี่ยน
ลูกสาวของเฟิงเจิ้งซวิน ชื่อเฟิงหย่า ปีนี้เธอก็อายุยี่สิบปีแล้ว กำลังศึกษาอยู่ต่างประเทศ
ปัจจุบันเฟิงหานชวนโสด ยังไม่แต่งงาน
แต่ว่า สิ่งที่ทำให้เฉินฮวนฮวนสงสัยก็คือ อายุของเฟิงหานชวนนั้นห่างจากพี่ชายสองคนของเขาประมาณยี่สิบปี
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากสำหรับเฉินฮวนฮวนที่จะไม่สงสัยว่า เฟิงหานชวนไม่ได้เกิดจากภรรยาคนแรกของนายท่านตระกูลเฟิง
ทว่า เธอไม่ได้ถามอะไรเรื่องพวกนี้มากนัก และเธอก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ด้วย
ใครให้กำเนิดเฟิงหานชวน ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ
“อะไรเกินไปไม่เกินไป เรื่องของฉัน พวกแกต้องมาวุ่นวายด้วยเหรอ” เฟิงเหลยถิงกระแทกไม้เท้าที่ถือในมือลงกับพื้น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอย่างมาก
เฉินฮวนฮวนเห็นว่าไม้เท้านั้นเป็นเพียงเครื่องประดับเท่านั้น เพราะว่านายท่านตระกูลเฟิงยังเดินเหินได้อย่างคล่องแคล่วมาก
“นี่แฟนใหม่ของพ่อเหรอ” ทันใดนั้น เฟิงเจิ้งหมิงก็สังเกตเห็นหญิงสาวแปลกหน้าคนหนึ่งยืนอยู่ข้างของเฟิงเหลยถิง
เฉินฮวนฮวนพบว่า สายตาของเฟิงเจิ้งหมิงกำลังมองมาที่ตัวเอง หรือว่าเฟิงเจิ้งหมิงเข้าใจผิดว่าเธอเป็นคนรักใหม่ของนายท่านตระกูลเฟิง?
“ถุย!” เฟิงเหลยถิงถุยน้ำลายใส่หน้าเฟิงเจิ้งหมิง และกล่าวด้วยความโมโห “นานาหลับอยู่ในห้องของฉัน เจ็ตแล็กอยู่!”
“แล้วคนนี้คือ?” เฟิงเจิ้งหมิงเช็ดน้ำลายบนใบหน้าอย่างเงียบๆ และมองไปที่เฉินฮวนฮวนอย่างสงสัย
เฉินฮวนฮวนถึงกับงุนงงไปชั่วขณะ เรื่องที่เธอแต่งงานกับเฟิงเฉินเหยี่ยน ไม่นึกเลยว่าเฟิงเจิ้งหมิงจะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย?
“สวัสดีค่ะ คุณอา ฉันชื่อเฉินฮวนฮวนค่ะ” เฉินฮวนฮวนออกจะประหม่าอยู่บ้าง เธอทำได้แค่ทักทายเฟิงเจิ้งหมิง
“เธอคือ…” เฟิงเจิ้งหมิงมองหญิงสาวตรงหน้า แล้วมองเฟิงหานชวนที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยความประหลาดใจทันที “ฉันรู้แล้ว เธอเป็นแฟนของเจ้าสาม?”
เฉินฮวนฮวนได้แต่แข็งค้าง นิ่งเป็นหินอยู่ตรงนั้น
“พ่อครับ เราไปบริษัทกันเถอะ!” เฟิงเฉินเหยี่ยนดึงแขนของเฟิงเจิ้งหมิง และลากเฟิงเจิ้งหมิงออกไป
ด้านนอก ได้ยินเพียงเสียงตวาดของเฟิงเจิ้งหมิง “ฉันยังไม่ได้ถามนายท่านให้ชัดเลยนะ!”
“ตอนเย็นพวกเรากลับมากินข้าว ตอนกินข้าวค่อยถาม!” จากนั้นก็เป็นเสียงตะโกนของเฟิงเฉินเหยี่ยน
ทันใดนั้น รถหรูที่จอดอยู่ในลานบ้านก็ขับออกไป
ตอนนี้เฉินฮวนฮวนยังคงมีสีหน้างุนงง เธอเกาศีรษะเงียบๆ อย่างไม่เข้าใจ
เธอรู้สึกว่าทุกคนในบ้านของตระกูลเฟิงช่างแปลกเหลือเกิน
“เอาล่ะ เอาล่ะ ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ! แค่เรื่องไร้สาระน่ะ” เฟิงเหลยถิงโบกมือ แล้วเดินไปที่โต๊ะอาหาร
เฉินฮวนฮวนก็ไม่ได้ถามอะไรมากนัก เธอเพียงเดินตามไปเท่านั้น
เดิมทีเฟิงหานชวนตั้งใจจะออกไปเลย ทว่าเขากลับหยุดฝีเท้าลง และเดินตามไป
หลังจากรับประทานมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อย เฉินฮวนฮวนกล่าวทักทายเฟิงเหลยถิง และกำลังจะไปเรียน ทว่าเฟิงเหลยถิงเรียกเธอเอาไว้ “ฮวนฮวน ให้ผู้ดูแลจางไปส่งเธอ ไม่ต้องนั่งรถเมล์ไปเองแล้ว”
เฉินฮวนฮวนหันกลับมา กำลังจะเอ่ยปฏิเสธ เธอเห็นเฟิงหานชวนลุกจากเก้าอี้ยืนขึ้น
“ผมไปส่งเธอเอง” เขากล่าวอย่างราบเรียบ
เฉินฮวนฮวนรีบเอ่ยขึ้นว่า “อาสาม ขอบคุณนะคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันนั่งรถเมล์ไปเองก็ได้”
เธอไม่กล้าอยู่ตามลำพังกับเฟิงหานชวนแล้ว เรื่องเมื่อคืนทำให้เธอรู้สึกอึดอัดจนวางตัวไม่ถูกจริงๆ
อีกอย่าง เธอกับนายท่านตระกูลเฟิงได้ตกลงกันไว้แล้ว ดังนั้น เธอจึงต้องอยู่ห่างจากเฟิงหานชวน
“ฮวนฮวน ให้เจ้าสามไปส่งเธอที่มหาลัยสิ ยังไงก็ทางผ่านอยู่แล้ว” ในตอนนี้เอง เฟิงเหลยถิงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
เฉินฮวนฮวนตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอมองเฟิงเหลยถิง ท่าทางดูไม่โกรธเลยสักนิด หรือว่าเขาไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเฟิงหานชวนจริงๆ?
“ฉัน…” เธออ้าปากจะพูด ทว่าเธอกลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
“ไปเถอะ” เฟิงหานชวนเดินผ่านเธอไป น้ำเสียงของเขายังคงเรียบนิ่ง
ราวกับเปลี่ยนไปเป็นอีกคน เห็นได้ชัดว่าเขายังโกรธเรื่องเมื่อคืน
ตอนนี้ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับว่าทั้งสองคนเป็นคนแปลกหน้า
เฉินฮวนฮวนเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เธอเพียงมองแผ่นหลังของเฟิงหานชวน เดิมทีเธอตั้งใจจะออกไปเลย แต่ไม่คิดว่า จู่ๆ นายท่านก็ออกมาส่งพวกเขา
ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือก เฉินฮวนฮวนทำได้เพียงนั่งในรถของเฟิงหานชวน ไม่อย่างนั้นเธอจะดูเหมือนกินปูนร้อนท้อง
ระหว่างทางบรรยากาศภายในรถเงียบมาก ไม่มีใครปริปากพูดอะไรสักคำ
จนกระทั่งเฟิงหานชวนจอดรถตรงปากทางด้านหน้ามหาวิทยาลัยA เฉินฮวนฮวนถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งใจอย่างเงียบๆ
บรรยากาศของเมื่อสักครู่ เธอรู้สึกว่าตัวเองแทบจะหยุดหายใจเสียแล้ว
“ขอบคุณค่ะ อาสาม” นี่เป็นประโยคแรกที่เธอพูดหลังจากเธอขึ้นรถมา
หลังจากพูดประโยคนี้จบ เธอก็ลงจากรถ
ทว่า ขณะที่เธอเอื้อมมือไปวางบนที่จับประตู กำลังจะเปิดประตู เธอกลับพบว่าประตูรถยังล็อกอยู่ เธอจึงเปิดประตูไม่ได้
“อาสาม รบกวนคุณปลดล็อกด้วยค่ะ” เฉินฮวนฮวนเอาแต่ก้มหน้า ไม่กล้ามองดวงตาคู่นั้นของเฟิงหางชวน
เธอไม่กล้ามองไปที่เฟิงหานชวน อย่างไรเสียระหว่างพวกเขาทั้งสองก็เกิดเรื่องน่าอายขึ้นหลายครั้งแล้ว
ทว่าโชคดีมากที่ทุกครั้งไม่ได้พัฒนาไปถึงขั้นสุดท้าย
ดังนั้น นี่อาจจะเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า พระเจ้าขัดขวางไม่ให้เธอพัฒนาความสัมพันธ์กับเฟิงหานชวน เพราะต้องการช่วยเธอรักษาตำแหน่งนายหญิงของตระกูลเฟิง?
ท่ามกลางความมืดมิด คุณแม่กับคุณยายกำลังช่วยเธออยู่ใช่ไหม
เพื่อให้ได้ครอบครองคฤหาสน์ เพื่อแก้แค้นตระกูลเฉิน เธอจะทำตามความต้องการของนายท่าน ทุกอย่างจะคืบหน้าอย่างมั่นคง
“เฉินฮวนฮวน นับวันฉันก็ยิ่งมองเธอไม่ออกจริงๆ” เฟิงหานชวนเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ
ก่อนนายท่านจะกลับมาเป็นอีกอย่าง หลังจากนายท่านกลับมาก็เปลี่ยนเป็นอีกอย่าง
พูดตามตรงว่า เฟิงหานชวนรู้สึกว่าตัวเองไม่เคยเห็นผู้หญิงที่กลับกลอกเช่นนี้มาก่อน!
“อาสาม ขอโทษนะคะ เรื่องที่ฉันรับปากคุณไว้ก่อนหน้านี้ ฉันเป็นคนผิดสัญญาก่อน ฉันขอโทษค่ะ!” อันที่จริงเฉินฮวนฮวนก็รู้สึกผิดในใจเล็กน้อย ถ้าเธอเป็นเฟิงหานชวน เธอก็คงจะโกรธมากเช่นกัน
เธอรับปากอย่างดีว่าจะเป็นผู้หญิงของเขา รับปากว่าจะออกไปจากตระกูลเฟิง และไปจากเฟิงเฉินเหยี่ยน แต่ตอนนี้เธอกลับผิดสัญญาเสียแล้ว
ดังนั้น แม้ว่าตอนนี้เฟิงหานชวนจะโกรธเธอมาก หรือเกลียดเธอมากก็ตาม เธอก็เข้าใจทุกอย่าง
“ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ คำพูดแบบนี้เป็นคำติดปากของเธอ แผนการของเธอ!” เฟิงหานชวนชี้ไปที่เฉินฮวนฮวน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเดือดดาล
ตอนนี้เขาเกลียดท่าทางยอมจำนนต่อเขาของเฉินฮวนฮวนมาก เพราะทุกครั้งที่เฉินฮวนฮวนทำแบบนี้กับเขา เขาจะหัวหมุนได้ทุกครั้ง
เฉินฮวนฮวนสบตาเข้ากับดวงตาที่มีแววกรุ่นโกรธของเฟิงหานชวน ขอบตาของเธอร้อนผ่าว สำหรับคำตำหนิของเฟิงหานชวน เธอไม่มีอะไรจะพูดทั้งนั้น
เธอไม่อยากจะอธิบายอะไรมากแล้ว
เพราะถึงแม้ว่าเธอจะอธิบาย เฟิงหานชวนก็ไม่เชื่อเธออีกแล้ว
ภายในรถเงียบไปชั่วขณะ
เฟิงหานชวนไม่รอคำอธิบายของเฉินฮวนฮวน เธอเหมือนกับลูกแกะดื้อรั้น ไม่ยอมพูดอะไรสักคำ
เขาเพียงรู้สึกโกรธจนร้าวรานไปถึงทรวงใน เสียง “คลิ๊ก” ดังขึ้น หลังจากที่เขากดปุ่มปลดล็อก
“ไป!” เขาตวาดขึ้นเสียงดัง
เฉินฮวนฮวนรีบเปิดประตูรถ และรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว