ตอนที่ 237 ผู้หญิงคนนั้นเป็นอาสะใภ้รองของเธอเหรอ

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 237 ผู้หญิงคนนั้นเป็นอาสะใภ้รองของเธอเหรอ?

ตอนที่ 237 ผู้หญิงคนนั้นเป็นอาสะใภ้รองของเธอเหรอ?

เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาจริงจังของเซี่ยไห่และถุงอาหารเช้าที่เขาหยิบยื่นให้ หลินเซี่ยก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับมันไว้ “ขอบคุณค่ะ”

ครั้นหลินเซี่ยยินดียอมรับมัน ทันใดนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซี่ยไห่

เขามองไปที่หลินจินซานซี่งเดินตามหลินเซี่ยมา จากนั้นก็ทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม “จินซาน นายก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ? ขอโทษด้วย ฉันไม่ได้เตรียมข้าวมื้อเช้ามาเผื่อ”

หลินจินซานรีบตอบ “หัวหน้า ผมกินมาเรียบร้อยแล้วครับ”

หลินจินซานอดไม่ได้ที่จะไม่ชินกับเซี่ยไห่ในภาคใจดีและสุภาพขนาดนี้

เขารู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะหลินเซี่ย

วันนี้เขามาทำงานสายแท้ ๆ ถ้าเป็นเวลาปกติ เซี่ยไห่คงจะตะโกนดุด่าเขา บอกว่าเขารักอิสระเกินไปจนไม่รู้จักระเบียบวินัย และไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับของพนักงานในห้องเต้นรำของพวกเขา

เซี่ยไห่บอกกับหลินจินซานว่า “นายเข้าไปก่อนเถอะ การสัมภาษณ์จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ นายกับเฉิงจื่อเข้าไปทำความสะอาดสถานที่ได้เลย”

หลินจินซานตอบกลับด้วยความเคารพ “ครับ”

เขาเหลือบมองหลินเซี่ยแล้วรีบไปทำงาน

เซี่ยไห่มองหลินเซี่ยด้วยสายตาอ่อนโยน น้ำเสียงเจือความห่วงใย “กินเร็วเข้า เธอต้องให้ความสำคัญกับอาหารเช้าให้มากนะ ดื่มนมเยอะ ๆ จะยิ่งดีต่อสุขภาพ เธอยังเด็กอยู่ ไม่แน่ว่าอาจสูงขึ้นกว่านี้ก็ได้”

หลินเซี่ยคลี่ยิ้มอย่างเชื่องช้า “เถ้าแก่เซี่ย ฉันแต่งงานแล้วนะคะ จะสูงขึ้นยังไงได้อีก?”

ผู้ชายคนนี้สวมบทบาทเร็วมาก ไม่ทันไรก็ถือว่าเธอเป็นหลานสาวของเขาแล้ว

หลินเซี่ยเดินเข้าไปในร้านตัดผม จากนั้นเซี่ยไห่ก็รีบตามเข้าไป

เขาอยากถามว่าหลิวกุ้ยอิงเห็นรูปถ่ายของพี่ใหญ่เขาหรือยัง สรุปว่าเขาเป็นคนคนเดียวกันหรือเปล่า?

ตราบใดที่หลิวกุ้ยอิงตอบว่าใช่ คราวนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็จะชัดเจนบราวนี่ออนไลน์

หลินเซี่ยกำลังกินอาหารมื้อเช้า ชุนฟางก็กำลังยุ่งอยู่กับการทำความสะอาด ส่วนเซี่ยไห่นั่งเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้

ตรงทางเข้าร้านเสริมสวย หลิวลี่ลี่ที่เพิ่งมาทำงานและกำลังทำความสะอาดร้านอยู่บังเอิญเหลือบไปเห็นว่าชายตรงหน้าหลินเซี่ยผู้มองแวบแรกก็รู้ว่าเป็นเจ้าคนนายคนพยายามยัดถุงอาหารเช้าใส่มือเธออย่างกระตือรือร้น แถมเมื่อครู่ยังเดินตามหลินเซี่ยเข้าไปในร้านตัดผมอีก หล่อนก็สาปแช่งอย่างไร้ยางอาย เดินกลับเข้าไปในร้านเสริมสวยด้วยความโกรธและบ่นกับถังหลิง

ถังหลิงก็เห็นฉากนั้นผ่านทางหน้าต่าง หญิงสาวหรี่ตาลงเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

จากนั้นก็คว้าลิปสติกมาทา เปลี่ยนไปใส่รองเท้าส้นสูง และเดินข้ามฝั่งไปที่ร้านตัดผมของหลินเซี่ย

ขณะที่เซี่ยไห่กำลังจะคุยกับหลินเซี่ยเกี่ยวกับธุระสำคัญ ถังหลิงก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มสดใส ขัดจังหวะการสนทนาของพวกเขา

“เถ้าแก่เซี่ย วันนี้งานไม่ยุ่งเหรอคะ?”

เมื่อถูกรบกวนความเป็นส่วนตัว เซี่ยไห่ก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย ตอบกลับว่า “ยุ่งสิครับ ค่อนข้างยุ่งเลยล่ะ”

“งานคุณยุ่งมากแต่ก็ยังมีเวลามานั่งคุยกับเสี่ยวหลินที่นี่เนี่ยนะ? หรือว่าเถ้าแก่เซี่ยอยากตัดผมกัน?” ถังหลิงถามด้วยรอยยิ้มเช่นเคย

เซี่ยไห่ยื่นมือออกไปเสยผมเพราะติดเป็นนิสัย “ยังไม่ตัด ผมของผมยังไม่ยาวพอ”

หลินเซี่ยเพิกเฉยต่อหล่อน ขณะถังหลิงยืนบิดอย่างเคอะเขินแล้วพูดกับหลินเซี่ยว่า “เสี่ยวหลิน ฉันอยากสระผมน่ะ”

“ต้องขอโทษด้วยค่ะ ถ้าคุณไม่คิดจะตัดผมหรือดัดผม เราไม่มีบริการสระผมแค่อย่างเดียว”

หลังจากได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย ถังหลิงก็แสดงความประหลาดใจ “หืม? สระผมอย่างเดียวก็ไม่ได้เหรอ? ร้านตัดผมขนาดใหญ่พวกนั้นต่างก็มีบริการสระผมอย่างเดียวกันทั้งนั้น”

รอยยิ้มการค้าปรากฏบนริมฝีปากของหลินเซี่ย “คุณก็บอกเองนี่ว่าร้านพวกนั้นเป็นร้านตัดผมขนาดใหญ่ ร้านของเราเป็นแค่ธุรกิจขนาดเล็กที่มีกำลังคนจำกัด ก็เลยไม่มีบริการนี้รองรับค่ะ จริงสิ ข้างหน้าก็มีร้านเสริมสวยไม่ใช่เหรอ? คุณจะไปสระผมที่นั่นก็ได้นะคะ”

หลินเซี่ยดื่มนมที่เซี่ยไห่ซื้อมาให้ ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม และชี้ไปทางร้านเสริมสวยอีกแห่งบนถนนด้วยท่าทางสบาย ๆ

ถังหลิงเริ่มลนลานทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะถามอีกครั้ง

“งั้นเธอมีแชมพูดี ๆ สักขวดไหม? ฉันขอซื้อขวดหนึ่ง”

หลินเซี่ยส่ายหน้า “ไม่มีค่ะ เราขายให้เฉพาะคนที่เป็นลูกค้าเท่านั้น ไม่ขายแยก คุณไปซื้อแชมพูจากบนห้างสรรพสินค้าเอาน่าจะง่ายกว่า”

แม้แต่เซี่ยไห่ยังรู้สึกได้ว่าหลินเซี่ยดูเหมือนจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับถังหลิง ในฐานะที่เขาเป็นอารองของหลินเซี่ยที่ยังไม่ทันได้นับญาติกันอย่างจริงจัง จากเดิมที่เซี่ยไห่ต้องการคุยกับถังหลิง พอรู้แบบนี้ เขาก็เริ่มรักษาระยะห่างจากถังหลิง

ทันใดนั้น เฉียนต้าเฉิงก็เดินเข้ามาแล้วพูดกับเซี่ยไห่ว่า “หัวหน้าครับ คนมากันครบแล้ว”

“โอเค ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” เซี่ยไห่ไม่มีเวลาคุยกับหลินเซี่ยเรื่องธุระส่วนตัวอีก ผู้สมัครของทุกตำแหน่งมาถึงครบแล้ว เขาต้องออกไปสัมภาษณ์อย่างตรงเวลา

ถังหลิงถือโอกาสตามเขาออกไปด้วย “เถ้าแก่เซี่ย ก่อนหน้านี้คุณไปไหนมาเหรอคะ?”

เซี่ยไห่เดินนำหน้า ก้มติดกระดุมชุดสูทไปด้วย “ผมไปทำธุระส่วนตัว”

“คุณมีนัดสัมภาษณ์ใช่ไหม? ฉันขอตามไปนั่งข้าง ๆ เพื่อเรียนรู้กระบวนการหน่อยสิคะ? ร้านของเราก็กำลังวางแผนจะรับสมัครพนักงานอยู่เหมือนกัน จะได้ดูคุณเป็นตัวอย่าง”

“แล้วแต่คุณสะดวก”

ก่อนหน้านี้เซี่ยไห่ได้ลงประกาศรับสมัครงานผ่านทางหนังสือพิมพ์ ทำให้วันนี้มีคนนับสิบคนสนใจมาสัมภาษณ์

แม้กระทั่งผู้หญิงหลายคนจากร้านเสริมสวยด้านหน้าก็มาสัมภาษณ์ในตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟเช่นกัน

ถังหลิงเดินตามขึ้นมา จากนั้นก็ลากเก้าอี้มานั่งข้างเซี่ยไห่ วางท่าทำตัวเหมือนเป็นนายหญิง

ตอนเที่ยง หลินจินซานเดินฮัมเพลงเข้ามาในร้านอย่างอารมณ์ดี

หลินเซี่ยเหลือบมองเขาแล้วถามว่า “ดูอารมณ์ดีจริง ๆ เลยนะ วันนี้ได้ตำแหน่งอะไรล่ะ?”

หลินจินซานตอบกลับ “หัวหน้างาน มีหน้าที่ดูแลพนักงานเสิร์ฟกับบาร์เทนเดอร์ เรียกได้ว่าเป็นเจ้านายย่อม ๆ แล้ว”

สำหรับหลินจินซานที่ไม่มีวุฒิการศึกษาหรือทักษะความสามารถเฉพาะเจาะจง ไม่แปลกที่เขาจะพึงพอใจมากเมื่อตัวเองได้รับตำแหน่งหัวหน้างานตัวน้อยแบบนี้

หลินเซี่ยมองไปที่ชายหนุ่มซึ่งกำลังภาคภูมิใจ เตือนเขาว่า “อย่าชะล่าใจไป อีกหน่อยพี่ต้องรู้จักมีไหวพริบให้มากกว่านี้ ถ้าทำผลงานออกมาได้ดีก็อาจได้รับการเลื่อนตำแหน่ง แต่ถ้าทำได้ไม่ดีจะโดนไล่ออกสถานเดียว คราวนี้ต้องหอบกระเป๋ากลับไปบ้านเกิดเลยนะ ตัดสินใจเอาเองแล้วกัน”

หลินจินซานส่ายคอเสื้อของเขา เต็มไปด้วยความมั่นใจ “ไม่ต้องกังวล เธอยังไม่เห็นความสามารถของฉัน ฉันน่ะเป็นคนหัวไวและเรียนรู้งานเร็วมากเลยนะ”

หลินจินซานมองออกไปข้างนอก ลดระดับเสียงลง ก่อนจะถามเรื่องซุบซิบ “อารองของเธอกับคุณถังกำลังคบกันอยู่หรือเปล่า?”

หลินเซี่ยเลิกคิ้ว ถามว่า “ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?”

“ระหว่างการสัมภาษณ์ของเรา หล่อนมานั่งอยู่ข้าง ๆ เถ้าแก่เซี่ย ถามคำถามกับผู้สมัครเป็นครั้งคราว ใคร ๆ ก็มองออกว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา”

หลินเซี่ยอดไม่ได้ที่จะแค่นยิ้มเยาะเย้ยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ แน่นอนแล้ว หล่อนกำลังเปลี่ยนเป้าหมาย

ต้องบอกเลยว่าหล่อนเป็นผู้หญิงที่ฉลาดจริง ๆ

ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนที่จะรักชอบใครไปทั่ว หล่อนแค่รังเกียจความยากจนและบูชาความมั่งคั่ง ทั้งชีวิตคิดแต่จะจับผู้ชายคุณภาพสูงที่มีเงินและอำนาจเท่านั้น

รอก่อนเถอะ สักวันหนึ่งสามีที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนพิการของหล่อนและลูกชายที่หล่อนเคยทิ้งไปจะต้องมาตามหาแม่ ฉะนั้นปล่อยให้หล่อนหลงระเริงจนพอใจ

“เซี่ยเซี่ย เถ้าแก่เซี่ยเป็นอารองของเธอนะ ถ้าอย่างนั้นผู้หญิงคนนั้นก็จะกลายเป็นอาสะใภ้รองของเธอน่ะสิ?”

“อย่าเอาแต่อยากรู้เรื่องส่วนตัวของเจ้านายเลย สนใจแค่หน้าที่ของตัวเองก็พอ ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเซี่ยไห่ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างสมบูรณ์ พี่ต้องเก็บเป็นความลับ อย่าเพิ่งเปิดเผยให้คนอื่นในห้องเต้นรำรู้”

“เข้าใจแล้ว” หลินจินชานชี้ไปฝั่งตรงข้าม แล้วพูดว่า

“ดูสิ หล่อนเพิ่งจะกลับไปร้านของตัวเอง หล่อนเป็นช่างเสริมสวยไม่ใช่เหรอ? ทำไมตลอดทั้งช่วงเช้าถึงไม่เฝ้าอยู่ในร้านเพื่อรอให้บริการลูกค้ากัน? หล่อนกังวลธุรกิจห้องเต้นรำมากกว่าธุรกิจของตัวเองซะอีก”

หลินเซี่ยหัวเราะเบา ๆ “ก็เพราะหล่อนไม่มีลูกค้าไงล่ะ”

อุตสาหกรรมด้านความงามถือเป็นอุตสาหกรรมเฉพาะกลุ่มสำหรับยุคสมัยนี้ มีเพียงผู้หญิงที่ฐานะทางบ้านร่ำรวย มาจากชนชั้นสูง หรือทำอาชีพดาราและนักแสดงเท่านั้นที่ให้ความสำคัญกับการดูแลผิวหน้า

เพื่อจะได้ใกล้ชิดกับเฉินเจียเหอ ถังหลิงจงใจเปิดร้านในบริเวณอุตสาหรรมโรงงานที่มีคนฐานะปานกลางมารวมตัวกันเป็นส่วนใหญ่ ถ้าการประชาสัมพันธ์ไม่เพียงพอ ใครบ้างจะยินดีจ่ายเงินเพื่อซื้อบริการที่พวกเขาไม่คุ้นเคย?

ลำพังเงินเดือนของทุกคนก็ไม่ได้สูงอะไรมากมายนัก ไม่มีใครโง่พอที่จะนำเงินที่มีอยู่อย่างกระเบียดกระเสียรไปเสี่ยง

“ฉันขอตัวก่อนนะ วันนี้เรามีนัดฝึกอบรมก่อนเริ่มงานด้วย เถ้าแก่เซี่ยได้เชิญหัวหน้าฝ่ายบริหารจากเชินเฉิงมาอบรมให้พวกเรา”

“ไปเถอะ”

ตอนเที่ยง เซี่ยไห่มาส่งอาหารให้หลินเซี่ยอีกครั้ง รอบนี้นำกล่องอาหารกลางวันติดมือมาถึงสองกล่อง ดูแล้วน่าจะมากินข้าวมื้อกลางวันกับหลินเซี่ยเลย

เซี่ยไห่กระตือรือร้นเกินไป จนหลินเซี่ยไม่อาจทำใจให้ชินได้จริง ๆ “เถ้าแก่เซี่ย อย่าเป็นธุระให้ลำบากเลยค่ะ เฉินเจียเหอพักเที่ยงแล้วอาจจะหิ้วกับข้าวมาฝากฉันทีหลังก็ได้ คุณเก็บเอาไว้กินเองเถอะ”

“ฉันอยากกินอยู่พอดี ก็เลยสั่งอีกกล่องมาด้วย จะได้กินด้วยกัน” เซี่ยไห่พูด “ไว้ฉันจะบอกเจียเหอให้ว่าอีกหน่อยไม่ต้องมาส่งอาหารให้เธออีก ฉันจะซื้อกับข้าวมาส่งให้เธอเอง”

หลินเซี่ย “!!!”

เซี่ยไห่วางกล่องอาหารกลางวันของเขาลง แล้วพูดกับชุนฟางว่า “ชุนฟาง ไปกินข้าวกับจินซานและคนอื่น ๆ เถอะ วันนี้ร้านฉันมีอาหารกลางวันเลี้ยงในที่ทำงาน”

ชุนฟางไม่ทราบความตั้งใจของเซี่ยไห่ จึงรีบปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะเถ้าแก่เซี่ย ฉันค่อยออกไปกินบะหมี่ทีหลังก็ได้”

“ออกไปกินข้าวที่ร้านเราเถอะ” เซี่ยไห่ไม่ให้โอกาสหล่อนปฏิเสธ

เขาออกไปและเรียกหลินจินซานเข้ามา กำชับให้เขาช่วยพาชุนฟางออกไป

โดยปกติแล้วตอนนี้จะไม่มีลูกค้าแวะมาที่นี่เพื่อตัดผม ในร้านจึงเหลือเซี่ยไห่กับหลินเซี่ยเพียงสองคน

เซี่ยไห่เปิดกล่องอาหารกลางวัน นอกจากข้าวแล้ว ยังมีกับข้าวอีกหลายอย่าง และที่สำคัญที่สุดคือมีน่องไก่ขนาดใหญ่อยู่ด้วย ค่อนข้างหอมเครื่องเทศมากทีเดียว

ขณะที่ส่งตะเกียบให้หลินเซี่ย เขาก็คว้าโอกาสนี้และถามอย่างรวดเร็วว่า “เซี่ยเซี่ย เธอเอารูปพี่ใหญ่ของฉันให้แม่เธอดูหรือยัง?”

หลินเซี่ยพยักหน้า “ดูแล้วค่ะ”

เซี่ยไห่มองเธออย่างประหม่าพลางถามว่า “แล้วหล่อนว่ายังไงบ้าง?”

หลินเซี่ยมองดูดวงตาที่กระตือรือร้นและวิตกกังวลของเซี่ยไห่ แล้วพูดว่า “หล่อนสะเทือนใจมากค่ะ ทันทีที่เห็นรูปใบนั้นหล่อนถึงขั้นร้องไห้ออกมาเลย จากนั้นก็ให้คำตอบเชิงบวกกับฉัน”

“ถ้าอย่างนั้นก็ยอดเยี่ยมไปเลย” เซี่ยไห่รู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินข่าวดี ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นแดงก่ำทันที “เธอคือหลานสาวของฉันจริง ๆ ฉันเป็นอารองของเธอ พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน”

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เมื่อไหร่สามีกับลูกยัยถังจะมานะ รอเรื่องบันเทิงเลย

พี่ไห่เว่อร์มาก อาการเห่อหลานสาวกำเริบสินะ

ไหหม่า(海馬)