บทที่ 187 การร่วมมือกันของพิชญากับเมธาวี

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

วารุณีก้มมองกุญแจในมือแล้วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กำไว้แน่น“ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณค่ะประธานนัทธี ฉันจะรับรถไว้ แต่ว่าราคาที่เกินออกมา ฉันจะคืนให้คุณทั้งหมดเอง ลาก่อน!”

พูดจบก็ไม่รอให้นัทธีพูดต่อ วารุณีกดปุ่มปลดล็อครถเบนซ์จากกุญแจ จากนั้นก็เปิดประตูออก เธออุ้มเด็กทั้งสองขึ้นรถแล้วขับออกไป

มารุตเดินมาอยู่ข้างๆนัทธีพร้อมกับมองรถคันสีแดงที่ขับแล่นออกไป“ท่านประธาน คุณวารุณียังคงทำตัวห่างเหินกับท่านอยู่เลย ขนาดเรื่องเงินยังแบ่งชัดเจนขนาดนี้ เมื่อคืนวานท่านไม่ได้บอกความในใจกับเธอหรอ?

นัทธีเม้มริมฝีปากบาง“ฉันไม่รีบ รอให้เธอชินกับการมีอยู่ขอฉันก่อนแล้วค่อยบอก ถึงตอนนั้นก็ยังไม่สาย ไปเถอะ ไปบริษัท”

“ครับ”มารุตพยักหน้าตอบ

วารุณีขับรถคันใหม่พาไอริณไปส่งที่โรงเรียนอนุบาล แล้วก็พาอารัณไปส่งที่โรงพยาบาลเพื่อฝากให้ปาจรีย์ดูแล แล้วตัวเองก็ไปสมาคมเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันวันนี้

เมื่อเข้าไปในห้องประชุมของสมาคม วารุณีก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศอันตึงเครียดทันที

นอกจากพิชญาแล้ว ดีไซเนอร์อีกหกคนก็งุ่นง่านพะว้าพะวังอยู่ไม่เป็นสุข บนหน้าล้วนเต็มไปด้วยความกังวล

“เกิดอะไรขึ้นหรอ?”วารุณีเดินเข้าไป แล้วถามดีไซเนอร์คนหนึ่ง

เมื่อดีไซเนอร์คนนี้เห็นเธอ“คุณไม่รู้เหรอ?”

“รู้อะไร?”วารุณีกระพริบตาปริบๆด้วยความสงสัย

ดีไซเนอร์คนนั้นกระซิบเบาๆที่ข้างหูของเธอ“เมื่อกี้พวกเราได้ยินมาว่า การแข่งขันรอบต่อไปนี้นายท่านวัชระจะเป็นคนให้หัวข้อ”

“แล้ว?”วารุณีหันไปมองดีไซเนอร์คนนั้น

เธอไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงทำเหมือนต้องเผชิญหน้ากับศึกใหญ่

“แล้วก็กังวลอยู่นี่ไง ใครๆก็รู้ว่านายท่านวัชระออกหัวข้อยากขนาดไหน”ดีไซเนอร์คนนั้นฟุบลงบนโต๊ะด้วยท่าทางทุกข์ทรมาน“เขาไม่เคยประกาศหัวข้อออกมาตรงๆว่าต้องการอะไร แต่จะพูดสุภาษิตออกมาหนึ่งประโยค แล้วให้เราเดาหัวข้อจากในสุภาษิตเอง นี่มันยากมากเลยนะ”

“ก็ยากจริงๆแหละ”วารุณีพยักหน้าเห็นด้วย

เมื่อก่อนเธอก็เคยได้ยินอาจารย์พูดถึงนายท่านวัชระว่ามีนิสัยชอบออกหัวข้อยากๆแบบนี้

นั่นเป็นเพราะก่อนที่นายท่านวัชระจะเข้ามาในวงการการออกแบบ เขาเคยเรียนจีนโบราณมาก่อน

“แล้วคุณไม่กังวลว่าตัวเองจะเดาไม่ออกบ้างหรอ?”ดีไซเนอร์คนนี้เห็นว่าวารุณียังมีท่าทีนิ่งสงบ อยู่ หล่อนจึงอดสงสัยไม่ได้

วารุณียิ้มออกมา“กังวลไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ว่าข้าศึกจะมาในรูปแบบไหนเราก็หาวิธีรับมือให้ได้ อีกอย่างนายท่านวัชระชำนาญเรื่องการออกแบบสไตล์จีนมากที่สุด เพราะงั้นหัวข้อก็ต้องเกี่ยวข้องกับความเป็นจีนอยู่แล้ว เพียงแค่คุณเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นจีนก็คงจะเดาได้คร่าวๆแล้วว่าหัวข้อคืออะไร”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของดีไซเนอร์คนนั้นก็เป็นประกายออกมา“จริงด้วย ทำไม่ฉันคิดไม่ถึงเลยนะ ขอบคุณคุณวารุณีมากๆเลย”

วารุณีส่ายหน้าเป็นการบอกว่าไม่ต้องขอบคุณ

จากนั้นเธอก็ยกข้อมือขึ้นมาเพื่อดูเวลา ยังเหลือเวลาอีกสิบกว่านาทีที่การแข่งขันจะเริ่ม

ทันใดนั้นเองจู่ๆเธอก็เห็นพิชญาที่อยู่ไม่ไกลนักเข็นรถเข็นออกจากห้องประชุมไปพร้อมกับโทรศัพท์ในมือ หล่อนทำท่าหลบๆซ่อนๆ เห็นได้ชัดว่ากำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่

เมื่อวารุณีเห็นก็ตาเป็นประกายขึ้นมา เธอลุกขึ้นเดินตามออกไป

หลังจากออกไป เธอก็เห็นว่าพิชญามุ่งหน้าไปที่บันไดหนีไฟ เธอเม้มริมฝีปากแดงแน่น จากนั้นก็ก้มลงไปถอดรองเท้าส้นสูงออกพร้อมกับถือรองเท้าเดินตามไป

เธอตามไปถึงหน้าประตูบันไดหนีไฟ วารุณีได้ยินเสียงพิชญาดังลอดออกมา“การแข่งขันใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว ฉันขอย้ำกับคุณอีกทีนะว่าสุภาษิตประโยคนั้นของคุณปู่คุณคือหัวข้อจริงๆใช่ไหม?”

คุณปู่งั้นหรอ?

เมื่อได้ยินสองคำนี้ วารุณีก็หรี่ตาลงทันที

ไม่นึกเลยว่าคนที่ติดต่อกับพิชญาจะเป็นเมธาวี!

ดูท่าก่อนหน้านี้พิชญาจะถามเกี่ยวกับรอบคัดเลือกสี่คนมาได้ว่าคนที่ออกหัวข้อคือนายท่านวัชระ จากนั้นก็เลยติดต่อเมธาวี เพื่อให้เมธาวีช่วยถามเรื่องหัวข้อให้ วางแผนมาดีจริงเลยนะ!

“อื้ม ฉันเข้าใจแล้ว วางใจเถอะ ฉันจะช่วยคุณกดวารุณีลงให้ได้เป็นอันดับสองเอง”เสียงของพิชญาดังขึ้นอีกครั้ง

เมื่อวารุณีได้ยินชื่อของตัวเอง บวกกับประโยคที่พิชญาพูด เธอก็เดาได้เลยทันทีว่าเมธาวีพูดกับพิชญาว่าอะไร

คงขอร้องให้พิชญา กดเธอลงในการแข่งขันสินะ

ดูเหมือนว่าเมธาวีจะเกลียดเธอจริงๆนะเนี่ย!

วารุณียิ้มออกมาอย่างหมดปัญญา จากนั้นก็หันหลังกลับไปที่ห้องประชุม

กลับไปได้สองนาที พิชญาก็หมุนรถเข็นกลับเข้ามา

วารุณีเห็นสีหน้าที่มั่นอกมั่นใจของหล่อนแล้ว สายตาของเธอเย็นชาขึ้นมาทันที

พิชญาก็รู้สึกได้จึงหันมาดูแล้วทำหน้ายั่วโมโหวารุณี

“เหอะ……”วารุณีอดหัวเราะไม่ได้

ไม่รู้จริงๆเลยว่าคนที่ไม่มีความสามารถอะไร แถมยังใช้วิธีนี้เพื่อเข้ามา มีสิทธิ์อะไรถึงมายั่วโมโหคนอื่นแบบนี้

วารุณีไม่ได้สนใจพิชญา เธอเตรียมสมุดกับดินสอเพื่ออีกเดี๋ยวจะได้วาดออกแบบ

ไม่นานการแข่งขันก็เริ่มขึ้น นายท่านวัชระถือไม้เท้าไว้ แล้วมีเลขาฯ ภูมิเป็นคนนำทางให้ขึ้นมาบนเวที จากนั้นก็หยิบไมค์ออกมาประกาศหัวข้อของตัวเอง

โจทย์เป็นสุภาษิตที่วารุณีไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ถ้าเดาจากน้ำเสียงและความหมายของสุภาษิต มันเหมือนกับสุภาษิตของชนเผ่ากลุ่มน้อยเลย

เป็นไปได้ไหมว่าหัวข้อของนายท่านวัชระจะเกี่ยวกับเสื้อผ้าอาภรณ์ของชนเผ่ากลุ่มน้อย

วารุณีครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่นานแล้วก็มองไปยังนายท่านวัชระที่อยู่บนเวที

นายท่านวัชระนั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วมองผู้ชมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พวกดีไซเนอร์ต่างก็เอามือจับหัวจับหน้าเพราะหัวข้อที่เขาให้มันยาก พอเห็นแบบนี้เขาจึงถือไมค์ขึ้นมาแล้วพูดออกไปด้วยเสียงหัวเราะ“ทุกคนคงคิดว่าหัวข้อที่ฉันบอกเป็นสุภาษิตมันยากที่จะเดาได้ใช่ไหมล่ะ?”

ทุกคนพยักหน้า

มีแม้กระทั่งบางคนบอกให้นายท่านวัชระประกาศหัวข้อออกมาตรงๆ อย่าทำให้พวกเขาต้องลำบากไปกว่านี้เลย

นายท่านวัชระไม่ได้โต้ตอบ เขากระแอมเสียงออกมาเบาๆแล้วพูดขึ้น“ฉันยอมรับว่าหัวข้อนี้แค่เดาคงเดาไม่ถูกหรอก ดังนั้นฉันเลยเอาคำตอบมาบอกทุกคนแล้ว มันอยู่บนตัวฉัน เพียงแค่ทุกคนมองดูดีๆก็จะรู้เอง”

พูดจบ นายท่านวัชระก็วางไมค์ลงแล้วหลับตา ไม่พูดไม่จาอะไรออกมาอีก

ทุกคนต่างก็รีบมองมาที่ตัวเขา เพื่อหาคำตอบ

วารุณีก็เหมือนกัน เธอหรี่ตาไล่มองอย่างละเอียด สุดท้ายก็พบว่าที่คอเสื้อของนายท่านวัชระมีรูปสัญลักษณ์ประจำเผ่าติดอยู่

พอเห็นอย่างนี้แล้ว วารุณีก็ยิ้มออกทันที“เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ!”

เธอเดาไว้ไม่ผิดเลย หัวข้อมันก็คือเสื้อผ้าอาภรณ์ของชนเผ่า

ถึงแม้ชนเผ่ากลุ่มน้อยจะมีหลายๆชนเผ่า แต่ในเรื่องเสื้อผ้าอาภรณ์ล้วนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันนั่นก็คือ การเย็บปักถักร้อย

วารุณีหัวแล่นขึ้นมาทันที เธอรู้แล้วว่าจะออกแบบอะไร เธอหยิบดินสอขึ้นมาแล้วก้มหน้าวาดภาพลงในสมุดวาดรูป

การแข่งขันวันนี้ไม่ได้ซับซ้อนเหมือนเมื่อวาน ไม่ต้องทำเสื้อ และก็ไม่ต้องทำโชว์ เพียงแค่วาดรูปออกแบบแล้วส่งให้นายท่านวัชระก็พอ

ถ้านายท่านวัชระรู้สึกว่าใครออกแบบดี คนนั้นก็จะเข้ารอบ

ในขณะที่ดีไซเนอร์คนอื่นๆกำลังงงงวยอยู่กับหัวข้อ พิชญาก็ได้ร่างแบบไว้แล้ว

หล่อนหันไปมองวารุณีที่อยู่ไม่ไกลนัก

เมื่อเห็นวารุณีกำลังวาดรูปอย่างจริงจัง หล่อนก็กำดินสอแน่นขึ้นมาทันที แถมยังทำหน้าบึ้งตึง

หล่อนไม่คิดเลยว่าวารุณีจะเข้าใจหัวข้อได้เร็วขนาดนี้ แถมยังลงมือวาดรูปแล้วด้วย

แต่แล้วยังไง!

“ฉันไม่เชื่อฝีมือการออกแบบของเธอหรอกว่าจะเทียบกับรูปในมือของฉันได้”พิชญามองภาพวาดการออกแบบที่สวยสดงดงามภายในมือของตัวเอง จากนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจ

เวลาค่อยๆผ่านไป หลังจากผ่านไปสองชั่วโมงการแข่งขันก็สิ้นสุดลง

วารุณีส่งภาพผลงานการออกแบบไปแล้ว นายท่านวัชระกำลังพลิกดูแต่ละรูป

ระหว่างนั้นสีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดเดียว พวกดีไซเนอร์ที่อยู่ด้านล่างเวทีต่างก็ดูไม่ออกว่าสิ่งที่ตัวเองออกแบบออกมานั้นได้รับการยอมรับรึเปล่า

จนกระทั่งนายท่านวัชระเลือกรูปออกมาสี่รูปแล้วฉายแสดงขึ้นบนหน้าจอ พวกดีไซเนอร์ด้านล่างเวทีถึงได้รู้ว่าตัวเองเข้ารอบหรือตกรอบ

เมื่อวารุณีเห็นผลงานของตัวเองถูกฉายอยู่บนหน้าจอก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแล้วยิ้มขึ้น

เพียงแต่ว่าเมื่อเห็นผลงานออกแบบที่ถูกฉายอยู่บนหน้าจออีกอันหนึ่งก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที