ตอนที่ 243 ตัดสินใจแต่งงานอย่างเด็ดเดี่ยว
ฟู่หมิงเซิงกับภรรยายังคงก่นด่า แต่หลังจากได้ยินคำพูดนี้ทั้งสองก็รู้สึกตกใจ จากนั้นก็ค่อย ๆ หันหลังกลับไปด้วยสีหน้าแตกตื่น เมื่อพบว่าเป็นคุณปู่ฟู่จริง ๆ ทั้งสองก็รีบก้มหน้าก้มตาแล้วบอกกล่าว “พ่อ พ่อฟังผิดแล้วล่ะ”
“อะไรนะ แกคิดว่าฉันแก่แล้วหูหนวกอย่างนั้นเหรอ”
คุณปู่ฟู่มีท่าทางไม่พอใจขณะมองตรงไปที่ฟู่หมิงเซิงกับภรรยาของเขา แม้เขาจะไม่มีความสุขที่หลานชายขัดขวางอุดมการณ์ของพวกเขา ไม่เดินตามเส้นทางที่เขียนเอาไว้ให้ แต่หลานชายคนโตก็ยังคงเป็นหลานชายคนโต สุดท้ายแล้วเขาก็คือหลานชายคนโตแห่งตระกูลฟู่ ตอนนี้เป็นเพราะความไม่ใส่ใจของสองสามีภรรยาคู่นี้ ทำให้หลานชายคนโตต้องถูกบีบคั้นจนคิดแต่งออกเรือนไป
เมื่อเห็นสีหน้าฉุนเฉียวของชายชรา ฟู่หมิงเซิงกับภรรยาก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่บอกเล่าเรื่องราวคร่าว ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงประเด็นใหญ่ หลังจากนั้นคุณแม่ฟู่ก็อดจะเอ่ยไม่ได้ “เป็นเพราะซวี่ตงยืนกรานว่าหากไม่ใช่ลูกสาวตระกูลเสิ่นแล้วจะไม่ยอมแต่งกับใครอื่น พวกเราไม่เห็นด้วย เขาจึงอยากจะแต่งออกเรือนไป ทำไมเขาช่างไม่เห็นแก่หน้าพวกเราเลย”
“ฉันขอถามพวกแกหน่อยว่าทำไมพวกแกถึงไม่เห็นด้วย พวกแกดูถูกตระกูลเสิ่นอย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่ค่ะพ่อ เป็นเพราะลูกสาวตระกูลเสิ่น เสิ่นหรูฮวนคนนั้น ก่อนหน้านี้โดนลักพาตัวไป ใครจะไปรู้ว่าหลายวันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง” นี่เป็นประเด็นที่คุณแม่ฟู่ให้ความสนใจมากที่สุด
แต่ถึงอย่างนั้น คุณปู่ฟู่ก็มองตรงไปที่คุณแม่ฟู่ก่อนจะเอ่ยขึ้น “แล้วมันเป็นความผิดของลูกสาวตระกูลเสิ่นที่โดนลักพาตัวไปเหรอ หล่อนอยากจะหายตัวไปเองงั้นเหรอ ภารกิจครั้งนั้นซวี่ตงก็ได้เข้าร่วมด้วย เขาเป็นคนช่วยหล่อนออกมาเอง คิดว่าเขาไม่คิดอย่างนั้นเหรอ เธอเองก็เป็นผู้หญิงด้วยกัน ทำไมถึงได้มีความคิดแบบนี้”
“ฉัน…”
คุณแม่ฟู่พูดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่ง ได้แต่รู้สึกขายหน้านิดหน่อยตอนที่ชายชรามองมายังตน
ฟู่หมิงเซิงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นท่าทางของชายชรา เขาก็ไม่กล้าเปิดปาก
“พวกแกสองคนรีบไปที่บ้านตระกูลเสิ่นเดี๋ยวนี้ แล้วตกลงเรื่องการแต่งงานนี้แทนฉัน หากซวี่ตงแต่งเข้าตระกูลเสิ่นขึ้นมาจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นพวกแกทั้งคู่ก็อย่าได้เสนอหน้ากลับมา” เมื่อเอ่ยจบ คุณปู่ฟู่ก็สบถด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ก่อนจะเดินจากไปทันที ตอนแรกเขาอยากมาถามว่าหลานชายคนโตหายไปไหน กลับไม่คิดเลยว่าจะได้ยินเรื่องแบบนี้
หลังจากคุณปู่ฟู่ไปแล้ว คุณแม่ฟู่ก็อดหันมองสามีแล้วเอ่ยถามเสียไม่ได้ “เราจะต้องไปหาตระกูลเสิ่นจริง ๆ อย่างนั้นเหรอคะ?”
ฟู่หมิงเซิงยิ้มขมขื่น ก่อนจะเอ่ย “หรือคุณมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ล่ะ คิดว่าเมื่อกี้พ่อพูดเล่นอย่างนั้นเหรอ พ่อเป็นคนทำตามคำพูดเสมอ หากว่าฟู่ซวี่ตงแต่งเข้าตระกูลเสิ่นขึ้นมาจริง ๆ พวกเราสองคนก็คงไม่ได้อยู่ตระกูลฟู่อีก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คุณแม่ฟู่ก็รู้สึกเหมือนกำลังขาดอากาศหายใจ
แต่หล่อนเข้าใจแล้วว่าชายชราได้เข้ามาแทรกแซงเรื่องของฟู่ซวี่ตงกับเสิ่นหรูฮวนแล้ว ทำให้พวกเขานึกเสียใจขึ้นมาที่จะต้องแบกหน้าไปที่บ้านตระกูลเสิ่น แล้วตกลงเรื่องการแต่งงานในครั้งนี้
สุดท้ายฟู่หมิงเซิงและภรรยาของเขาก็ไปที่บ้านตระกูลเสิ่น
เซี่ยเจ๋อหลี่แปลกใจนิดหน่อยเมื่อได้พบฟู่หมิงเซิงกับภรรยาของเขา ด้วยไม่ทราบว่าพวกเขามาที่นี่เพื่ออะไร แต่หลังจากที่ได้ทราบจุดประสงค์ในการมาของพวกเขาแล้วก็รู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น และเมื่อเห็นท่าทางแปลก ๆ ของลุงเสิ่น ฟู่หมิงเซิงกับภรรยาของเขาก็ตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมพ่อแม่ของฟู่ซวี่ตงถึงได้เปลี่ยนใจกะทันหัน แต่ตอนนี้เมื่อเห็นชัดว่าเป็นเรื่องระหว่างสองครอบครัว เขาจึงเอ่ยลา แล้วออกมาก่อน
ฉินมู่หลานเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมา ก็รีบเอ่ยถามทันที “ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้างคะ หรูฮวนเสียใจมากไหม แล้วหลังจากฟู่ซวี่ตงไปที่บ้านตระกูลเสิ่น ได้พูดตกลงกับลุงเสิ่นหรือยัง”
“วางใจเถอะมู่หลาน ตอนนี้ตระกูลฟู่กำลังมาตกลงเรื่องแต่งงานอีกครั้งแล้วล่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของฉินมู่หลานก็ดูประหลาดใจ “อะไรนะ? เกิดอะไรขึ้นอีกครั้งเหรอคะ?”
เซี่ยเจ๋อหลี่เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฟัง หลังจากนั้นก็พูดขึ้น “ถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็เถอะ แต่ตอนนี้ตระกูลเสิ่นถือไพ่เหนือกว่าแล้ว หลังจากนี้เดี๋ยวคงได้ข่าว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ”
หลังจากฉินมู่หลานทราบเรื่องนี้ ก็รู้ได้ทันทีว่าหรูฮวนคงไม่เศร้าใจอีกแล้ว ดังนั้นจึงรู้สึกโล่งใจ
และไม่นานนักฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ได้รับข่าว ไม่ทราบว่าฟู่หมิงเซิงกับภรรยาไปพูดคุยกับตระกูลเสิ่นอย่างไร แต่ได้กำหนดฤกษ์งานแต่งของฟู่ซวี่ตงกับเสิ่นหรูฮวนไว้เรียบร้อยว่าเป็นภายในปีนี้อีกประมาณสามเดือนต่อจากนี้
ฉินมู่หลานยังไม่ทันได้ไปหาเสิ่นหรูฮวน เสิ่นหรูฮวนก็มาหาด้วยตัวเองเสียก่อนแล้ว
“มู่หลาน ฉันกับซวี่ตงกำหนดวันแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เธอต้องมาร่วมงานแต่งฉันนะ” ขณะที่เสิ่นหรูฮวนกำลังพูด รอยยิ้มก็ปรากฎอยู่บนใบหน้าไม่ขาด
เมื่อเห็นเสิ่นหรูฮวนมีความสุขแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ยิ้มขึ้นมา แล้วเอ่ย “ได้สิ ถึงตอนนั้นพวกเราจะไปร่วมงานแน่นอน เมื่อวานเห็นทำท่าจะล่มไปแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงตกลงวันแต่งอีกครั้งได้เร็วขนาดนี้”
เสิ่นหรูฮวนเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฟังอย่างหมดเปลือก หลังจากนั้นก็เอ่ยขึ้น “เป็นเพราะผู้อาวุโสฟู่เขาบอกให้พ่อแม่ของซวี่ตงมาตกลงวันแต่งงานกับครอบครัวของเรา ไม่คิดเลยว่าคนที่ชี้ชะตาสุดท้ายจะเป็นผู้อาวุโสฟู่ รู้ตั้งแต่แรกคงคุยกับผู้อาวุโสแทนแล้ว หากเป็นอย่างนั้นเรื่องก็คงไม่บานปลายขนาดนี้”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนี้ก็อดยิ้มไม่ได้ “ตอนนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ถึงจะระหกระเหินไปบ้าง แต่ตอนจบก็ราบรื่นดี แล้วยังได้รู้ด้วยว่าซวี่ตงจริงใจกับเธอมาก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แก้มของเสิ่นหรูฮวนก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที
การที่ฟู่ซวี่ตงเต็มใจจะแต่งเข้าตระกูลเสิ่นเพื่อหล่อนทำให้เสิ่นหรูฮวนทราบถึงความจริงใจของฟู่ซวี่ตงที่มีต่อหล่อนได้มากขึ้น และยิ่งชอบเขามากขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองจึงใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม
เมื่อคิดเช่นนี้ ใบหน้าของเสิ่นหรูฮวนก็แดงขึ้น
ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้ ก็อดหยอกล้อไม่ได้ “หรูฮวน เธอกำลังคิดอะไรอยู๋น่ะ ทำไมหน้าแดงขนาดนั้น”
เสิ่นหรูฮวนจ้องมองฉินมู่หลานด้วยความตะลึง หลังจากนั้นก็เอ่ยพูดด้วยสองคำ ก่อนจะกลับไป
เหยาจิ้งจือก็ได้ทราบเรื่องที่เสิ่นหรูฮวนกับฟู่ซวี่ตงตกลงเรื่องวันแต่งงานแล้ว จึงรู้สึกดีใจกับพวกเขา
นอกจากเรื่องน่ายินดีนี้แล้ว ยังมีอีกหนึ่งสิ่งซึ่งเป็นสิ่งที่ฉินมู่หลานรอคอยมาระยะหนึ่งแล้วด้วย
“มู่หลาน เธอดูหนังสือพิมพ์ฉบับนี้สิ”
ตอนแรกฉินมู่หลานไม่ได้คิดอะไร แต่หลังจากเธอเห็นข้อความหนึ่งบนนั้น สีหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “มีปฏิรูปการสอบเข้ามหาวิทยาลัยขึ้นมาใหม่แล้ว ต่อไปจะได้สอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยอีกครั้งแล้วค่ะ”
“ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้เธออ่านหนังสืออยู่ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้จะได้ลองไปสอบแล้ว”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ ก็ยกยิ้มแล้วพยักหน้าก่อนจะเอ่ย “ใช่ค่ะ สุดท้ายที่อ่านมาก็มีประโยชน์” หลังจากเอ่ย เธอก็หยิบกระดาษและปากกามาก่อนจะเริ่มเขียนจดหมาย “ฉันต้องรีบบอกเคอวั่งให้เขารีบเตรียมอ่านหนังสือ ถ้าเป็นไปได้ให้เขาอ่านให้เยอะขึ้นก็จะดีค่ะ”
ฉินมู่หลานเคลื่อนไหวเร็วมาก หลังจากเขียนจดหมายเสร็จก็ให้คนรีบออกไปส่ง
อันที่จริงข่าวนี้เคยแพร่มาก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่เพิ่งประกาศอย่างเป็นทางการ ดังนั้นทุกคนจึงแตกตื่นขึ้นมา