บทที่ 217 ผู้นำที่มีชีวิตสั้นที่สุดของตระกูลฮวงฟู่

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 217 ผู้นำที่มีชีวิตสั้นที่สุดของตระกูลฮวงฟู่

บทที่ 217 ผู้นำที่มีชีวิตสั้นที่สุดของตระกูลฮวงฟู่

เซี่ยงไฮ้เป็นที่ตั้งของบ้านบรรพบุรุษตระกูลฮวงฟู่

ฮวงฟู่เหวินเยว่กำลังดูข้อมูลอุตสาหกรรมของตระกูล และเมื่อเธอได้ยินว่าฮวงฟู่จินซุนกลับมาแล้ว เธอจึงรีบเดินออกไปที่ห้องนั่งเล่นด้านนอกทันที

“สำเร็จไหม?” ฮวงฟู่เหวินเยว่ถาม สายตาของเธอจับจ้องไปที่กระเป๋าเดินทางสีดำที่ฮวงฟู่จินซุน สะพายอยู่

“ศีรษะของเขาอยู่ในนี้” ฮวงฟู่จินซุนมอบกระเป๋าเดินทางสีดำให้กับฮวงฟู่เหวินเยว่

“จะเอามาด้วยทำไม?” ฮวงฟู่เหวินเยว่แสดงท่าทีไม่พอใจ แต่เธอยังคงเปิดซิปและมองไปข้างใน

อะไรกัน!?

ฮวงฟู่เหวินเยว่เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ซึ่งมันทำให้สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที

ทันใดนั้น มีดสั้นก็แทงเข้าที่หัวใจของฮวงฟู่เหวินเยว่!

“ทำไม…?” ดวงตาของฮวงฟู่เหวินเยว่เบิกกว้าง เธอเงยหน้าขึ้นมองฮวงฟู่จินซุนที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่เหลือเชื่อ

เธอคิดไม่ออกว่าทำไมจู่ ๆ ลุงสองถึงทำร้ายเธอ?

ลุงสองสนับสนุนเธอให้เป็นผู้นำตระกูลฮวงฟู่ อีกทั้งยังสัญญากับเธอว่าเขาจะช่วยเธอทำให้ตระกูลเติบโตและกลายเป็นตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเซี่ยงไฮ้

“ทำไมน่ะเหรอ! เพราะฉันไม่ต้องการฝังตระกูลฮวงฟู่ทั้งหมดไปกับเธอและเจิ้งเทียนเหอยังไงล่ะ!” ฮวงฟู่จินซุนเผยสีหน้าดุดัน ก่อนจะดึงมีดออกแล้วก้าวถอยหลัง เขาชี้ไปที่หัวของเจิ้งเทียนเหอที่อยู่ในกระเป๋าเดินทางและพูดด้วยความโกรธว่า “เธอรู้ไหมว่าไอ้สวะตัวนี้ไปล่วงเกินใคร แล้วเธอรู้ไหมว่าเธอขอให้ฉันไปฆ่าใคร?”

“แค่ก ๆ..ใคร…” ฮวงฟู่เหวินเยว่กระอักเลือดออกมาเต็มปากขณะเอามือกุมหัวใจ

“โจวอี้ ศิษย์ของประมุขสำนักโอสถ ฉู่เทียนฮุ่ย!!” ฮวงฟู่จินซุนตวาดด้วยความโกรธ

“แล้วไงล่ะ? แค่ฆ่าเขาเงียบ ๆ ก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ? ถึงสำนักโอสถจะแข็งแกร่ง แต่ถ้าพวกเขาไม่รู้ว่าเราเป็นคนลงมือ พวกเราก็รอดตัว ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าเราควรฆ่าเขาเงียบ ๆ ไม่เหลือทิ้งร่องรอยไว้!” ฮวงฟู่เหวินเยว่เองก็ตะคอกด้วยความโกรธ

“นังเด็กโง่! เขาเป็นทายาทของประมุขสำนักโอสถ และจะเป็นประมุขนิกายรุ่นต่อไป เธอคิดว่าเขาจะไม่ได้รับการปกป้องจากสำนักโอสถที่ทรงพลังเลยรึไง!?” ฮวงฟู่จินซุนมองไปที่ฮวงฟู่เหวินเยว่ด้วยความรู้สึกผิดหวัง ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าฮวงฟู่เหวินเยว่รู้ว่าโจวอี้เป็นผู้สืบทอดของ สำนักโอสถมาก่อน แต่เธอไม่ได้บอกเขา

“ลุง…” ฮวงฟู่เหวินเยว่ต้องการที่จะพูดอะไรมากกว่านี้ แต่หัวใจของเธอกำลังจะหยุดเต้น เธอรู้สึกเย็นไปทั้งตัว พลังชีวิตของเธอกำลังสูญเสียไปอย่างรวดเร็ว

“ฮวงฟู่เหวินเยว่ ฉันเคยคิดว่าความแน่วแน่และความไร้ปรานีของเธออาจทำให้ตระกูลฮวงฟู่ของเราแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต แต่ตอนนี้เห็นชัดแล้วว่าเธอโง่เกินไปและเกือบจะผลักเราไปสู่จุดจบ!”

“เธอรู้ไหมว่าใครบ้างถูกส่งมาเป็นผู้คุ้มกันโจวอี้!”

“ผู้ฝึกยุทธ์ระดับปรมาจารย์ที่อยู่แค่วัยยี่สิบต้น ๆ อัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งได้รับการฟูมฟักจากสำนักโอสถ!”

“แถมยังมีแม่เฒ่าเทียนจี้ สัตว์ประหลาดเก่าแก่อายุเกือบหนึ่งร้อยสี่สิบปี ระดับพลังยุทธ์ของเธอได้ทะลวงเข้าสู่ระดับเซียนแล้ว!”

“เธอรู้ไหมว่าระดับเซียนหมายถึงอะไร? มันคือระดับที่คนคนเดียวก็สามารถฆ่าล้างตระกูลฮวงฟู่ทั้งหมดได้ง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ!”

“เธอมีสมองบ้างไหม!?”

ยิ่งฮวงฟู่จินซุนพูดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเดือดดาลมากขึ้นเท่านั้น

ฮวงฟู่เหวินเยว่เข้าใจ

และเสียใจยิ่งกว่า!

เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พลังชีวิตที่ใกล้จะหมดลงทำให้เธอคิดว่ามันคงสายเกินไปที่จะพูดอะไรในตอนนี้

เธอไม่อยากจะยินยอม!

เธอเกิดในตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ความทะเยอทะยานที่มากล้นของเธอยังไม่ได้ถูกเติมเต็ม

ฮวงฟู่จินซุนมองฮวงฟู่เหวินเยว่ที่ล้มลงกับพื้นโดยไม่นึกสงสาร เขาหันกลับและเดินออกไปสองสามก้าว จากนั้นก็หยุดกะทันหัน

“เป็นเพราะเธอ! ญาติส่วนใหญ่ที่ฉันพาไปที่จินหลิงถึงถูกฆ่าตาย เป็นเพราะเธอ พวกเราสมาชิกตระกูลฮวงฟู่ถึงไม่สามารถก้าวเข้าไปในเมืองจินหลิงได้อีกสามปี และเป็นเพราะเธอ เราต้องจ่ายค่าขอขมาเป็นเงินหนึ่งพันล้านหยวนเพื่อดับโทสะของอีกฝ่าย! ดังนั้นฉันขอบอกเอาไว้เลย ความตายของเธอมันสาสมแล้ว!” ฮวงฟู่จินซุนกล่าวอย่างเย็นชา

“อา…”

ฮวงฟู่เหวินเยว่เปล่งเสียงคล้ายกับเสียงคำรามของสัตว์ร้าย แต่เสียงนั้นคงอยู่เพียงไม่กี่วินาที แล้วหยุดลงเมื่อเธอสิ้นใจ

สองวันต่อมา

เมืองจินหลิงไม่มีหิมะตกลงมาแล้ว แต่ลมที่พัดมานั้นเย็นยะเยือกยิ่งกว่าเก่า

ในไป๋หลัววิลล่าซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ นอกจากคนรับใช้และแม่บ้าน ก็มีเพียงโจวอี้เท่านั้นที่อยู่ในโกดังเพื่อปรุงยา ข้างหน้าเขามีหม้อยาที่กำลังเดือดปุด ๆ อยู่สิบหม้อ และกลิ่นยาที่รุนแรงก็โชยออกมา

“เข้ามาได้” โจวอี้โบกมือให้ผู้หญิงที่ประตูโกดัง

ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะหันไปส่งเสียงเรียกที่ด้านนอก ทันใดนั้น คนรับใช้สี่คนก็ตามเธอไปหาโจวอี้ ก่อนจะหยิบหม้อยาแล้วเดินไปที่โกดังข้าง ๆ

โจวอี้รับผิดชอบในการทำยาต้มอี้เฉิน ในขณะที่พวกเขารับผิดชอบในการบรรจุขวด เขาเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก เหลือบดูเวลาก็พบว่าสองทุ่มแล้ว

“กี่ขวด?” โจวอี้ถาม

“เมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว สี่พันขวดที่คุณต้มเสร็จถูกขนออกไป ถ้าคุณนับสองร้อยขวดที่คุณเพิ่งต้ม มันก็จะรวมเป็นสี่พันสองร้อยขวดในสองวันที่ผ่านมา”

“ไม่นับรวมพันขวดที่ขายไปแล้วใช่ไหม?” โจวอี้ถามย้ำ

“ไม่!”

“นี่ฉันทำไปแล้ว 5200 ขวดเลยเหรอ ไม่เลวเลย” โจวอี้พูดกับตัวเองพลางยิ้มด้วยความพึงพอใจและหันไปสั่งว่า “ล้างหม้อยาทั้งหมดรอเอาไว้ และคอยเฝ้าวัตถุดิบยาเอาไว้ดี ๆ พรุ่งนี้จนถึงมะรืนนี้ผมจะไม่มา ผมจะกลับมาได้เฉพาะวันพุธหน้าเพื่อทำมันต่อ”

“ได้ค่ะ ฉันจะดูแลทุกอย่างให้เรียบร้อย” ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้า

ในความเป็นจริง เธอรู้ว่าขณะที่โจวอี้กำลังปรุงยาที่นี่ รอบบริเวณไป๋หลัววิลล่าทั้งหมดจะเงียบสงบไม่มีใครอยู่เลย แต่เมื่อไหร่ที่โจวอี้จากไป จะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายสิบคนพร้อมอาวุธครบมือมาปิดล้อมไป๋หลัววิลล่าทั้งหมดทันที หากไม่ได้รับอนุญาตเป็นพิเศษก็จะไม่มีใครสามารถเข้าหรือออกได้ตามความประสงค์

โจวอี้เดินออกจากโกดังไปที่ลานจอดรถ

แม้ว่าเขาจะไม่มีใบขับขี่ แต่เขาก็เคยชินกับการขับรถแล้ว เขาขับรถจากช็องเซลิเซ่มายังไป๋หลัววิลล่าในสองวันมานี้

แน่นอนว่าเขาไม่กลัวที่จะขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต

เนื่องจากหวงไห่เทาตบหน้าอกตัวเองอย่างมั่นใจและรับรองว่าแม้ว่าโจวอี้จะถูกตำรวจเรียกตรวจใบขับขี่ แต่ทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหา

โจวอี้เข้าใจว่าหวงไห่เทาคงรู้จักคนของรัฐบาลที่มีตำแหน่งสูงมากมายหลายคน

เมื่อมีอิทธิพลมากพอ บางอย่างที่ไม่เป็นไปตามกฎก็สามารถทำได้เช่นกัน

ติ๊ง!

เสียงแจ้งเตือนทาง SMS ดังขึ้น โจวอี้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูก็พบว่าเป็นการแจ้งการได้รับเงินโอนจำนวนเงินหนึ่งพันล้านหยวน

ในขณะนั้นเอง เสียงโทรเข้าก็ดังขึ้น

โจวอี้เห็นว่าเป็นเบอร์แปลกจากเซี่ยงไฮ้ ดังนั้นเขาจึงเดาได้ว่าใครโทรมา

หลังจากรับสาย เขาก็พูดตอบรับเบา ๆ ว่า “ผมได้รับเงินแล้ว”

“ฉันได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งหมดแล้ว ฮวงฟู่เหวินเยว่ตายและโอนเงินให้แล้ว ไม่มีสมาชิกคนใดในตระกูลฮวงฟู่จะก้าวเข้าสู่เมืองจินหลิงได้ในสามปีนี้ ดังนั้นฉันหวังว่านายจะรักษาคำพูดและบุญคุณความแค้นของเราเป็นอันถูกลบล้าง ” เสียงของฮวงฟู่จินซุนดังออกจากปลายสาย

“เป็นไปตามนั้น!”

หลังจากโจวอี้พูดจบ เขาก็วางสายทันที

แม้ว่าเขาจะไม่ชอบตระกูลฮวงฟู่ แต่เขาก็จะไม่ผิดคำพูด ตราบใดที่ตระกูลฮวงฟู่ไม่ยั่วยุเขาอีกในอนาคต เขาก็จะถือว่าอีกฝ่ายไม่มีตัวตนอยู่ในสมอง

“รวย รวย ฉันรวยแล้วโว้ย!”

“ฉันเคยคิดว่าหวงไห่เทาเป็นคนรวย แต่ตอนนี้เงินฝากในธนาคารของฉันไม่น้อยไปกว่าของเขาหรอกใช่ไหม?”

โจวอี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ยิ้มร่า

ความร่ำรวยไม่ควรอวดกับคนนอก

ทว่าหวงไห่เทาไม่ใช่คนนอก แต่เป็นพี่ชายที่ไว้ใจได้

ยิ่งไปกว่านั้น การร่วมมือกับหวงไห่เทา ทำให้เขาได้รับรายได้หลายพันล้านในไม่ช้า ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องซ่อนความร่ำรวยต่ออีกฝ่าย

เขาเซฟภาพหน้าจอของยอดเงินคงเหลือและส่งไปให้หวงไห่เทาผ่าน WeChat แล้วพิมพ์ไปว่า “จากนี้ไป คุณจะไม่มีวันเป็นคนร่ำรวยในสายตาของผมอีกแล้ว!”