บทที่ 234 ผมของน้องสามกระดกขึ้นได้ด้วย

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

บทที่ 234 ผมของน้องสามกระดกขึ้นได้ด้วย

บทที่ 234 ผมของน้องสามกระดกขึ้นได้ด้วย

สุดท้ายหนานกงฉีซิวก็ไม่สามารถขัดขวางเจ้าก้อนแป้งจอมดื้อรั้นจนต้องยอมปล่อยมือ

“ว้าว…สวยจังเลย”

“เหวอ…หนาว!”

พูดไปพลางก็กอดแขนน้อย ๆ ของตัวเองตัวสั่นหงึก ๆ

หิมะเพิ่งจะตกลงมาเมื่อคืน อากาศหนาวเช่นนี้กลับสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น สวยก็สวยอยู่หรอก แต่มันหนาวจนไม่อยากทำอะไรเลยนี่สิ

หนานกงฉีซิวมองนางอย่างขบขัน “มานี่”

เสี่ยวเป่ารีบย้ายร่างเล็ก ๆ ของตนเข้าไปใกล้พี่ใหญ่ยิ่งขึ้นกว่าเดิม

หนานกงฉีซิวปลดเสื้อคลุมของตนออก จากนั้นก็ห่อเจ้าก้อนแป้งตัวนุ่มนิ่มไว้ข้างใน

บนตัวของพี่ใหญ่มีกลิ่นหอมละมุนของกล้วยไม้จาง ๆ เสี่ยวเป่าเอียงตัวพิงเขาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ขณะอุ้มเจ้าลูกจิ้งจอกขนปุยเอาไว้

“เช่นนี้ก็ไม่หนาวแล้ว”

เสี่ยวเป่ารู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง นางใช้หัวน้อย ๆ คลอเคลียพี่ใหญ่พลางตอบเสียงหวาน

“ไม่หนาว อยู่ใกล้ ๆ พี่ใหญ่ไม่หนาวเลยสักนิด!”

นางตัวติดหนึบราวกับเป็นลูกแมวน้อยน่ารักน่าชัง

หนานกงฉีโม่ขยับเข้าไปใกล้ด้วยสายตาดูมีเล่ห์กล นิ้วมือเย็น ๆ จิ้มลงไปบนแก้มชมพูระเรื่อของเจ้าเด็กน้อย

เสี่ยวเป่าสะดุ้งโหยงพลันมุดเข้าอ้อมกอดของพี่ใหญ่ยิ่งกว่าเดิม โผล่ออกมาให้เห็นเพียงดวงตากลมโตที่เปล่งประกาย กำลังจ้องพี่รองอย่างไม่พอใจราวกับลูกปลาทองน้อย

หลงนึกว่าท่าทางดุร้ายพอตัว แต่ในความเป็นจริงยิ่งเพิ่มความน่ารักให้กับใบหน้ากลมเกลี้ยงที่ปกคลุมไปด้วยขนสัตว์ ท่าทางดูนุ่มนิ่ม นอกจากจะไม่น่ากลัวแล้ว กลับชวนให้น่าแกล้งเข้าไปใหญ่

หนานกงฉีโม่ยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ทว่าชายหนุ่มรูปงามสง่าเป็นทุนเดิม ดวงตาและคิ้วโค้งงามแฝงไว้ด้วยปณิธานของชายหนุ่มผู้ไม่ยอมก้มหัวให้กับผู้ใด

เขาอยู่ในชุดสีแดงเพลิงเหมือนเช่นทุกครั้ง สวมเสื้อคลุมสีขาวไว้ด้านนอกสุด ดูหรูหราตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำเอาหญิงสาวที่มางานเลี้ยงต่างพากันหน้าแดงด้วยความเขินอาย

“เลิกแกล้งน้องได้แล้ว”

หนานกงฉีซิวเองก็ยิ้มอย่างอบอุ่น เขาส่งเตาอุ่นมือ*[1]ของตนไปให้น้องชาย

“บ่าวรับใช้ของเจ้าไม่ได้เตรียมเตาอุ่นมือให้หรือ เอาของข้าไปใช้ก่อนสิ”

เมื่อครู่เขาเผลอสัมผัสโดนนิ้วมือที่เย็นเฉียบของน้องรอง

หนานกงฉีโม่โบกมือปฏิเสธ “เตรียมแล้ว แต่ข้าไม่ใช้จึงไม่ได้พกมาด้วย ท่านขี้หนาว เก็บไว้ใช้เถอะ”

พูดจบสายตาก็พลันไปหยุดอยู่ที่เจ้าก้อนแป้ง

เสี่ยวเป่ากะพริบตาปริบ ๆ จากนั้นก็ชูจิ้งจอกที่ตนกำลังกอดอยู่อย่างเป็นห่วง

“เสี่ยวเป่าให้พี่รองยืมหงหงไว้อุ่นมือ”

จิ้งจอกน้อยที่ถูกเสี่ยวเป่าทำเป็นถุงน้ำร้อน “…”

นัยน์ตาเรียวยาวของหนานกงฉีโม่เผยรอยยิ้ม “เป็นห่วงข้าเพียงนี้เชียว เช่นนั้นเสี่ยวเป่าก็มาหาพี่รองสิ”

เสี่ยวเป่าแหงนหน้ามองพี่ใหญ่

“ไปเถอะ”

“อื้อ”

นางตอบรับอย่างว่าง่าย จากนั้นก็อุ้มเจ้าจิ้งจอกและปีนเข้าไปในอ้อมแขนของพี่รอง สองพี่น้องนั่งเคียงข้างกันพลางพูดคุยอย่างเงียบ ๆ มิได้สนใจการแสดงอันยอดเยี่ยมตรงหน้าเลยสักนิด

หนานกงฉีอวิ๋นที่อยู่อีกด้านแอบชำเลืองมองเสี่ยวเป่าและลูกจิ้งจอกขนนุ่มฟู แววปรารถนาพลันปรากฏขึ้นในดวงตาอย่างเงียบงัน

อ่า…ข้าก็อยากกอดบ้างนะ!

แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกไป แต่นัยน์ตากลับลุกโชนเกินบรรยาย หนานกงฉีโม่เห็นเข้าด้วยความตาไว ทันทีที่เขาเหลียวมองไป หนานกงฉีอวิ๋นก็รีบถอนสายตาอย่างรวดเร็ว ยกจอกสุราขึ้นจิบเล็กน้อย พร้อมกับทอดสายตาไปเบื้องหน้า ทำทีราวกับว่าคนที่แอบมองเจ้าก้อนนุ่มนิ่มสองตัวเมื่อครู่ไม่ใช่เขา

หนานกงฉีโม่ “…”

น้องสามคนนี้ หากเจ้าซ่อนสายตาเมื่อครู่ไว้สักหน่อย ข้าก็จะเชื่ออยู่แล้วเชียว!

หนานกงฉีโม่ไม่ได้เปิดโปงเขา แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นและขยำอุ้งมือนุ่มนิ่มของน้องสาวต่อไป

จากนั้นเพียงไม่กี่ลมหายใจต่อมา สายตานั้นก็หันมาอีกครั้ง มองไปที่เสี่ยวเป่าและลูกจิ้งจอกเหมือนเดิม

เสี่ยวเป่ากำลังแทะขนมอบอย่างตั้งอกตั้งใจ แก้มพองนุ่มนิ่มน่าฟัดราวกับกระรอกน้อยที่แอบขโมยของกิน ไม่ทันสังเกตเห็นสายตาของพี่สามที่กำลังมองมา

แต่ว่าจิ้งจอกน้อยขนลุกพองเพราะรับรู้ได้ถึงสายตาที่กำลังจดจ้อง มันหรี่นัยน์ตาคู่เล็กไปที่หนานกงฉีอวิ๋นหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดมันก็มุดหัวนุ่มฟูซุกอ้อมแขนของเสี่ยวเป่า แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นไปเสียอย่างนั้น

“น้องสาม”

หนานกงฉีโม่หันขวับทันที คราวนี้หนานกงฉีอวิ๋นถูกจับได้คาหนังคาเขา

ดวงตาของเขาฉายแววเลิ่กลั่ก หูพลันขึ้นสีแดงระเรื่อ

“พี่…พี่รอง”

นอกจากเสด็จพ่อแล้ว คนที่เขากลัวมากที่สุดก็คือพี่รองผู้ซ่อนความโหดเหี้ยมร้ายกาจเอาไว้ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มดูใจดีตลอดเวลา

ใครหลายคนอาจจะไม่รู้แก่นแท้ของพี่รอง แต่หนานกงฉีอวิ๋นที่มักจะนั่งหลบอยู่ในมุมมืด และชอบสังเกตผู้คนกลับรู้ดีกว่าใคร ว่าหากเผลอไปยั่วโทสะพี่รองผู้นี้เข้า ก็จะต้องพบเจอกับจุดจบที่น่าสังเวช

คนที่อเนจอนาถที่สุดก็คือน้องห้าจอมก่อเรื่องและเจ้าแปดผู้ขาดความยั้งคิด คนหนึ่งชอบก่อกวนเวลานอนของพี่รองในสำนักศึกษา ส่วนอีกคนก็ชอบพูดจาไร้แก่นสารโดยไม่ผ่านการกลั่นกรองจากสมอง

พวกเขามักจะถูกอาจารย์ขานชื่อให้ท่องหนังสือด้วยฝีมือของพี่รองที่แกล้งตีหน้าซื่อทุกครั้งไป หลังจากนั้น…เมื่อหมดคาบเรียนก็จะถูกลงโทษให้คัดลอกบทความในหนังสือ

แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ พวกเขาไม่แม้แต่จะฉุกคิดเลยสักนิดว่านี่เป็นฝีมือของพี่รอง

ด้วยเหตุนี้ หนานกงฉีอวิ๋นที่ถูกจับได้จึงตกใจสะดุ้งโหยงจนปอยผมชี้โด่

หนานกงฉีโม่จ้องปอยผมที่ชี้ขึ้นเพราะความตกใจของน้องสามอยู่หลายที

เมื่อก่อนเขาไม่เคยสังเกตเลยว่าเส้นผมของน้องสามตั้งชี้เช่นนี้ได้ด้วย

“อยากได้อะไรก็บอกพี่รองสิ ข้าไม่จับเจ้ากินหรอกนะ”

นัยน์ตาเรียวยาวมีรอยยิ้มเหมือนทุกครั้ง รู้สึกถึงความอ่อนโยนใจดี ทว่าหนานกงฉีอวิ๋นกลับตกใจกลัวยิ่งกว่าเดิม รีบโบกมืออย่างลุกลี้ลุกลน

“เปล่า ๆ!”

ตอนที่พี่รองจะขย้ำคนก็ชอบยิ้มแบบนี้!!!

หนานกงฉีโม่ “…”

เขาหันหน้าไปทางพี่ใหญ่ “ข้าน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นในดวงตาอ่อนโยนของหนานกงฉีซิว “น้องสามแค่ประหม่า เจ้าจะแกล้งเขาหาอันใด”

หนานกงฉีโม่เบะปาก “ข้าก็ไม่อยากปล่อยมือนี่นา เจ้าตัวเล็กนี่อุ่นมาก”

“เอ๋?”

เสี่ยวเป่ายังคงไม่รู้ตัว ใบหน้าเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

แต่เมื่อเห็นท่าทางเงอะงะของพี่สาม อีกทั้งแก้มยังแดงไปถึงใบหู ในที่สุดเสี่ยวเป่าก็เข้าใจ

“พี่รอง เสี่ยวเป่าจะไปเล่นกับพี่สาม”

“อะไรกัน ได้ใหม่แล้วลืมเก่าเลยหรือ” เขาใช้นิ้วจิ้มก้อนไขมันนุ่มนิ่มบนแก้มของนาง

เสี่ยวเป่าทำหน้ามุ่ย “เสี่ยวเป่ามีพี่ชายตั้งเยอะ พี่สามก็ต้องการเสี่ยวเป่าเหมือนกันนะ!”

หนานกงฉีโม่ส่งเสียงเชอะ และพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย

“ไปสิ”

“จุ๊บ ๆ”

เสี่ยวเป่าลุกขึ้นยืน ดึงพี่รองให้ก้มลงมาจากนั้นก็เขย่งปลายเท้า หอมแก้มของเขาเบา ๆ ก่อนจะอุ้มเจ้าจิ้งจอกพร้อมกับวิ่งไปหาพี่สาม

สีหน้าประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้างดงามของหนานกงฉีอวิ๋น เขาคลุมเสี่ยวเป่าและเจ้าจิ้งจอกไว้ใต้เสื้อคลุมของตนอย่างว่องไว แล้วใช้คางคลอเคลียศีรษะของน้องสาวไปมา จากนั้นก็มองหน้าพี่รองด้วยสีหน้าลำบากใจ

“พะ พี่รอง ต้องการเตาอุ่นมือหรือไม่”

เขาพูดเสียงแผ่วพร้อมกับยื่นเตาอุ่นมือของตนเองไปให้เงียบ ๆ

ห่อผ้าที่พันเตาอุ่นมือดูเก่านิดหน่อย อีกทั้งไม่ได้ประณีตงดงามเหมือนกับของหนานกงฉีซิว

แต่ว่าหนานกงฉีโม่ก็รับมาโดยไม่รังเกียจแม้แต่นิด “ขอบใจ จะใช้เมื่อใดก็บอกข้าแล้วกัน”

หนานกงฉีอวิ๋นรีบพยักหน้าหงึกหงัก จากนั้นก็ก้มมองน้องสาวตัวน้อยที่อยู่ใต้เสื้อคลุม บีบแก้มที่ทั้งนุ่มและอุ่นของนางไปพลาง ลูบหางปุกปุยของเจ้าจิ้งจอกไปพลาง ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มมีความสุขและพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง

น้องสาวตัวปุกปุยกำลังอุ้มเจ้าลูกจิ้งจอกงามสง่าขนฟูฟ่อง มองแล้วน่ารักเป็นที่สุด!

[1] เตาอุ่นมือ (手炉) คือ เตาไฟขนาดเล็กที่สามารถพกพาได้ เพื่อให้ร่ากายอบอุ่นตลอดในช่วงฤดูหนาว