ตอนที่ 65-1 ต้องเลือก

วันรุ่งขึ้นหลี่จางเล่อไปแสดงความเคารพมารดาของตนเองตั้งแต่เช้าตรู่

และเมื่อเห็นการแสดงออกที่สดใสอย่างเห็นได้ชัดของฮูหยินใหญ่ นางจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาว่า:

“ท่านแม่ มีข่าวดีอันใดหรือ?”

ฮูหยินใหญ่ยิ้มกว้าง ขณะที่จ้องมองไปยังดวงตาที่งดงามและมีเสน่ห์ของหลี่จางเล่อ:

“แน่นอน ข้าได้จัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เพียงแค่รอเวลาเท่านั้น เจ้ามั่นใจได้”

ใบหน้าของหลี่จางเล่อเผยให้เห็นร่องรอยแห่งความยินดี

เพราะนางสามารถคาดเดาได้แล้วว่า มารดาคงจะหาวิธีกำจัดหลี่เว่ยหยาง ผู้หญิงเลวคนนั้นได้แล้ว นางจึงกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า:

“ท่านแม่ ข้าได้จัดคนไว้สองสามคนเพื่อจับตาดูหลี่เว่ยหยาง…

“ไม่ เราจะมิแหวกหญ้าให้งูตื่น

ตอนนี้เรื่องของสาวใช้ที่ชื่อจื่อหยานยังคงตามหลอกหลอนในหัวสมองของแม่อยู่เลย

เจ้าต้องเข้าใจว่า ยิ่งคนรู้น้อยเท่าใดยิ่งดี”

“แต่…“

หลี่จางเล่อต้องการล้างแค้นหลี่เว่ยหยางด้วยมือของตนเองอย่างแท้จริง

ฮูหยินใหญ่กล่าวอย่างใจเย็นว่า:

“แค่รอดูอยู่เฉย ๆ ก็พอแล้ว”

นางตั้งใจเอาไว้ว่า จะมิเล่าแผนการทั้งหมดให้กับหลี่จางเล่อฟัง

ในอดีตเป็นเพราะนางมิต้องการให้บุตรสาวของตนเองต้องมือเปื้อนเลือด

แต่ตอนนี้นางมิต้องการให้บุตรสาวเบี่ยงเบนความสนใจของตนเอง

“ในตอนนี้สิ่งสำคัญที่เจ้าจะต้องทำคือ จะทำอย่างไรให้องค์รัชทายาทหรือองค์ชายเจ็ดชื่นชอบในตัวเจ้า”

หลี่จางเล่อขมวดคิ้ว:

“พวกท่านมักจะกล่าวถึงองค์รัชทายาท แต่พี่ชายใหญ่เคยเล่าให้ข้าฟังว่า เขาเป็นผู้ที่งี่เง่า

และองค์ชายเจ็ดผู้ที่มีอายุใกล้เคียงกับข้า เขาอาศัยเพียงแค่การประจบประแจงจักรพรรดิเพื่อสร้างตำแหน่งให้กับตนเอง

พี่ชายใหญ่ยังกล่าวอีกว่า องค์ชายองค์สามนั้นมิเหมือนกับองค์ชายองค์อื่น ๆ การกระทำของเขานั้นเป็นสุภาพบุรุษที่มีนิสัยสูงส่ง”

ฮูหยินใหญ่รับฟังขณะที่นางส่ายหัว:

ท“เจ้าจะเชื่อถือในสิ่งที่พี่ชายใหญ่ของเจ้ากล่าวได้อย่างไรกัน?

เขาเป็นเพียงผู้คงแก่เรียน และเขามิเคยเข้าใจถึงสถานการณ์ที่แท้จริงเลย

ไม่ว่าองค์ชายสามจะทรงพลังและความสามารถมากสักเพียงใด

เขาก็มิมีทางเทียบได้กับองค์รัชทายาทหรือองค์ชายเจ็ดได้”

แม้ว่าหลี่จางเล่อจะมืได้เปิดปากกล่าวอันใดออกมา

แต่ใบหน้าอันหล่อเหลาของทัวเป่าเจิ้นก็ยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของนางอยู่ตลอดเวลา

นางมิสามารถบีบบังคับหัวใจของตนเองให้รู้สึกชื่นชอบองค์รัชทายาทที่มิมีความคุ้นเคย และองค์ชายเจ็ดผู้เย็นชาได้เลย

การแสดงออกของฮูหยินใหญ่กล่าวถึงสิ่งที่สังเกตเห็นว่า:

“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอันใดอยู่ เป็นเพราะองค์ชายสามดูเป็นคนดีและมีความสุภาพอ่อนโยน

และข้ายังได้ยินมาว่า เขาพยายามเอาใจใส่เจ้าเป็นพิเศษ

เขาเอ่ยถามเกี่ยวกับสิ่งที่เจ้าโปรดปราน และนำมันกลับมาจากดินแดนที่ห่างไกล

แต่ข้ามีความรู้สึกเสมอว่า เขามีแรงจูงใจแอบแฝงอยู่ บางทีเขาอาจต้องการควบคุมเจ้าด้วยวิธีนี้ และจากนั้นก็จะควบคุมท่านพ่อของเจ้า”

สิ่งนี้เป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การกล่าวถึง แม้ว่าฮูหยินใหญ่จะเป็นผู้หญิง

แต่นางก็อยู่เคียงข้างท่านอำมาตย์หลี่มาเป็นเวลานาน ดังนั้นนางจึงสามารถกล่าวได้อย่างชัดเจน

และหากจางเล่อสามารถแต่งงานกับองค์ชายที่มีภูมิหลังที่น่าประทับใจคงจะดีมาก เพราะนางจะได้เป็นจักรพรรดินี

แล้วเหตุใดนางต้องเลือกเส้นทางที่เสี่ยงกว่า?

หลี่จางเล่อใช้ชีวิตอย่างสุขสบายและนางเริ่มมีอาการเบื่ออาหาร ที่พ่อครัวประจำครอบครัวทำให้ทาน

หลังจากที่ทัวเป่าเจิ้นรู้เรื่องนี้แล้ว จึงได้ส่งอาหารจานพิเศษของท่านพ่อครัวในวังผ่านหลี่หมินเฟิงมาให้

สิ่งนั้นคือเค้กเนื้อนุ่มชนิดพิเศษและแต่ละชั้นมีความบางและนุ่ม ทั้งยังมีรสชาติที่หวานละมุน

จึงทำให้หลี่จางเล่อเกิดความหลงใหลในตัวขององค์ชายสามมากยิ่งขึ้น และมิสามารถแยกแยะระหว่างความชื่นชอบกับความน่าจะเป็นได้

หลี่จางเล่อหายใจเข้าลึก ๆ และกล่าวอย่างใจเย็นว่า:

“ท่านแม่คิดมากเกินไป บางทีองค์ชายสามอาจจะมิได้เป็นอย่างที่ท่านกล่าว”

ฮูหยินใหญ่คร่ำครวญอย่างเย็นชาว่า:

“ข้าแค่กลัวว่า เจ้าจะใช้ความรู้สึกแทนสมองของตนเอง

จากภูมิหลังของทัวเป่าเจิ้น มารดาผู้ให้กำเนิดขององค์ชายสามนั้นมีกำเนิดที่ต้อยต่ำ

ซึ่งถือว่ามิคู่ควรเมื่อเทียบกับองค์รัชทายาทและองค์ชายเจ็ด

แต่เขามีความรอบคอบมาก และเขาเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังในทุกย่างก้าว ดังนั้นจักรพรรดิจึงเชื่อใจเขามาก

จักรพรรดินียังปฏิบัติกับเขาเป็นอย่างดี และดูเหมือนเขาจะรับใช้องค์รัชทายาทอย่างบริสุทธิ์ใจ…แต่เขาอาจจะมีแรงจูงใจแอบแฝงอยู่”

หลี่จางเล่อใจสั่น:

“หากเขามีแรงจูงใจอย่างจริงจัง และวันหนึ่งเขาได้เป็นจักรพรรดิ…”

ฮูหยินใหญ่ยิ้มอย่างเย็นชา ขณะที่กล่าวว่า

“แต่เขาเป็นแค่ผู้ที่ไร้วาสนา เขาจะกล้าหวังสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกินเอื้อมได้อย่างไร?

แต่หากว่าอุบายของเขาลึกซึ้ง?

โดยการอาศัยตระกูลที่มีอำนาจหนุนหลัง เพื่อให้เขาสามารถผงาดขึ้นมาได้

มันอาจจะสามารถปกปิดภูมิหลังที่ต่ำต้อยของเขาและมารดาได้

และหากเขามีมารดาที่สูงส่งเหมือนองค์ชายเจ็ด ท่านพ่อของเจ้าอาจจะสนับสนุนเขา แต่เขาก็เป็นเพียง…“

ทันใดนั้น ดูเหมือนว่าฮูหยินใหญ่จะนึกอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ และนางได้จ้องมองไปยังหลี่จางเล่อ

“อย่าบอกนะ ว่าเจ้าชอบเขา!”

และในท้ายที่สุด หลี่เสี่ยวหรันก็สามารถเดาความทะเยอทะยานของทัวเป่าเจิ้นได้บ้างแล้ว

แต่เขามิเต็มใจที่จะสนับสนุนและทำตามความทะเยอทะยานขององค์ชายสาม

ยิ่งไปกว่านั้น เขาจะมิวางเดิมพันข้างเขาเด็ดขาด

หลี่จางเล่อเปล่งเสียงอย่างแผ่วเบาขณะที่ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดง พร้อมกับกล่าวว่า:

“ผู้ใดกล่าวเช่นนั้น เพียงแค่พี่ชายใหญ่กล่าวชื่นชมเขาให้ข้าฟังบ่อยครั้ง…”

ฮูหยินใหญ่กล่าวอย่างเยาะเย้ยว่า:

“พี่ชายใหญ่ของเจ้าเดินทางไปด้วยกันกับเขา ดังนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาจึงเป็นไปด้วยดี

แต่มุมมองของเขาเกี่ยวกับทุกสิ่งนั้นเรียบง่ายเกินไป

เดิมทีท่านพ่อของเจ้าต้องการให้พี่ชายใหญ่ของเจ้ามีปฏิสัมพันธ์กับองค์รัชทายาท และองค์ชายเจ็ดให้มากกว่านี้ แต่เขามิต้องการ

จากนั้นเราต้องการให้เขามีปฏิสัมพันธ์กับองค์ชายห้ามากขึ้นเขาก็มิต้องการเช่นกัน

หมินเฟิงเชื่อว่า คนเหล่านี้มีตระกูลปูชนียบุคคลที่ทรงพลังหนุนหลังอยู่แล้ว

ดังนั้นเมื่อพวกเขาขึ้นครองบัลลังก์ตนเองจะไม่ได้รับความดีความชอบใด ๆ จึงต้องการที่จะเลือกเส้นทางอื่น

แต่เขามิรู้ว่าทัวเป่าเจิ้นจะทำอย่างไรจึงจะสามารถเอาชนะอุปสรรคทั้งหมดได้ หากมิมีพันธมิตรหนุนหลัง

เช่นนั้นเจ้ามิควรตกหลุมพรางพฤติกรรมที่มากไปด้วยกลอุบายของเขา”

หัวใจของหลี่จางเล่อมีเงาปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนอีกครั้ง แต่นางกล่าวออกมาอย่างแผ่วเบาว่า:

“ข้าเข้าใจแล้วท่านแม่”

ดวงตาของฮูหยินใหญ่เปลี่ยนไปเป็นมีประกายแวววาวอย่างมิอาจคาดเดา นางกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า:

“มิต้องกังวล แม่รับรองว่าเจ้าต้องพบกับคู่ครองที่ดี และจะต้องเป็นผู้สูงศักดิ์ที่มิมีผู้ใดเทียบได้”