ตอนที่ 393 เกลี้ยกล่อมเด็กน้อย ตอนที่ 394 ปากอย่างใจอย่าง

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

บทที่ 393 เกลี้ยกล่อมเด็กน้อย

เงินขวัญถุงจากโรงย้อมผ้าได้เพียงปีละสองครั้งเท่านั้น ซ่งฝูซานอยู่ที่โรงย้อมผ้าโดยนับว่ามีฐานะสำคัญอยู่เล็กน้อย ดังนั้นทุกครั้งที่มีการมอบเงินประจำปีก็ได้จะได้สองสามตำลึงเงิน หรือกรณีที่ได้มากหน่อยก็ประมาณห้าตำลึงเงิน

“เพียงแต่การจะคืนเงินให้เจ้าทั้งหมด เกรงว่าต้องใช้เวลาไม่น้อย…” ซ่งเหล่าเกินยิ่งคิดยิ่งไม่เหลือความมั่นใจ “หากเจ้าต้องใช้เงินในเร็วๆ นี้ เช่นนั้น…ข้าก็จะให้ครอบครัวเหล่าต้าขายที่ดินเสีย หากไม่รีบใช้เงิน อาจขอให้อะลุ่มอล่วยเวลาให้เขาสักหน่อย”

ซ่งเหล่าเกินก็ลำบากใจเช่นกัน เขาแก่จนจะลงโลงอยู่แล้ว ยังต้องมาคอยห่วงลูกหลานในตระกูล

ตอนนี้ซ่งอิงก็ใช้จ่ายไม่ค่อยคล่องมือจริงๆ

แม้ว่าเงินที่ให้ท่านอาสี่เอาไปเปิดร้านค้าจะจัดการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ถึงช่วงได้ค่าตอบแทนหลังคำนวณบัญชี ยาสระผมทางด้านตัวอำเภอแม้ยังคงเอาไปฝากขายอย่างต่อเนื่อง แต่พ่อค้าต่างถิ่นเหล่านั้นงดรับสินค้าแล้ว รายได้จึงไม่ได้มากเท่าเมื่อก่อน ตัวนางก่อนหน้านี้ก็มัวยุ่งแต่กับร้านของบิดามารดา ไม่มีเวลาทำยาสระชนิดใหม่ขึ้นมาเช่นกัน

เป็นผลให้ตอนนี้นางมีเงินเหลือในมือเพียงสามสิบตำลึงเงินเท่านั้น

หากไม่มีเงินที่หลอกได้มาจากขุนนางหนุ่มเมืองยงในตอนนั้น เวลานี้นางคงขัดสนยิ่งกว่านี้

โชคดีที่นางยังมีเป้าหมายเล็กๆ อีกอย่าง

ใช้สบู่หาเงินสักหนึ่งล้าน

สัดส่วนของน้ำด่างกับไขและน้ำมันกำลังอยู่ระหว่างการศึกษา แต่ซ่งอิงคิดว่าอีกไม่นานก็จะคิดค้นสูตรที่ดีที่สุดที่สำเร็จ และถึงตอนนั้น…

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซ่งอิงก็แย้มยิ้ม “ข้าเงินขาดมือจริงๆ แต่ยังไม่ต้องถึงขั้นต้องให้ขายที่ดินหรอก เอาเช่นนี้แล้วกัน ต่อไปเงินเดือนที่ท่านลุงได้จากการทำงานทุกเดือน หักให้ข้าครึ่งหนึ่งก็แล้วกันเจ้าค่ะ”

ผู้เฒ่าซ่งหนังตากระตุก

“ได้ ข้าจะบอกกล่าวลุงเจ้าให้” ผู้เฒ่าถอนหายใจเฮือกใหญ่

โชคดีที่บุตรชายคนโตของเขามีความสามารถ หาเงินแต่ละเดือนมาได้ไม่น้อย ไม่อย่างนั้น เงินตั้งสี่สิบตำลึงเงินเชียวนะ กว่าจะคืนหมดคงอีกสิบกว่าปีเป็นอย่างต่ำ!

เงินจากการทำงานของซ่งฝูซานเป็นจำนวนที่มากจริงๆ แต่ละเดือนอย่างน้อยๆ ก็น่าจะได้สามตำลึงเงิน หากงานยุ่งต้องเร่งรีบผลิตสินค้าส่ง ก็อาจได้ถึงสี่ห้าตำลึงเงิน

เงินเยอะเพียงนี้ มากพอที่จะทำให้เหล่าผู้ชายในหมู่บ้านนึกอิจฉา

แน่นอนว่าซ่งฝูซานก็ใช้จ่ายมากกว่าคนทั่วไปอยู่บ้างเช่นกัน ประการแรก เขามีบุตรชายที่ไม่เป็นโล้เป็นพายต้องเลี้ยงดู แต่ละเดือนต้องให้เงินสมทบอย่างน้อยหนึ่งตำลึงเงิน ประการที่สอง ของในตัวอำเภอนั้นราคาสูง สองพ่อลูกต่างก็ใช้จ่ายไปกับค่ากินดื่มไม่น้อย หลังจากเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่จัดสรรแล้ว เงินที่จะให้ผู้เฒ่าในแต่ละเดือนก็เหลือไม่มากนักแล้ว

ตอนนี้ซ่งฝูซานไม่ต้องมอบเงินให้เบื้องบนอย่างบิดามารดาดูแลแล้ว แต่จำเป็นต้องมอบให้เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่

ซ่งอิงเอ่ยปากขอครึ่งหนึ่ง นั่นหมายความว่า แม้ซ่งฝูซานใจอ่อนอยากแอบเอาเงินส่งให้บุตรชายตน ก็ย่อมไม่อาจทำได้

เดือนละหนึ่งตำลึงเงินครึ่ง รวมกับเงินขวัญถุง เช่นนั้นเงินสี่สิบตำลึงเงินนี้คาดว่าจะใช้คืนได้หมดภายในเวลาปีครึ่งกับอีกนิดหน่อย

ไม่เบียดเบียนทรัพย์สินของครอบครัวที่จะเก็บหอมรอมริบไว้ให้หลานต๋าในภายภาคหน้าด้วยเช่นกัน

หลายวันต่อมา ซ่งอิงทำตามที่พูดไว้ โดยมาหาผู้เฒ่าทุกวัน มีอยู่สองครั้งที่นางทนไม่ได้และเผลอดุผู้เฒ่าไป

นางเกือบได้ชี้หน้าต่อว่าผู้เฒ่าว่าโง่เขลาเสียแล้ว

ทำเอาสามสะใภ้ตระกูลซ่งตกใจเสียจนไม่กล้าออกมา สายตาที่มองซ่งอิงคล้ายสายตาของสะใภ้สาวที่มองเห็นแม่สามีผู้ใจร้ายอย่างไรอย่างนั้น

ซ่งอิงเองก็จนปัญญา ผู้เฒ่าห่วงศักดิ์ศรีตนเหลือเกิน ให้เรียนอู่ฉินซี่ก็ไม่ตั้งใจเรียน หลายท่าทางเขาเอาแต่คิดว่าทำแล้วขายหน้าคนอื่น ดังนั้นมักจะทำอย่างขอไปที นางเห็นเข้าก็เป็นอันต้องโมโห เสียงที่เอ่ยพูดออกไปจึงดังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

ทว่าผู้เฒ่าซ่งก็มีนิสัยเสียอยู่อย่างหนึ่งเช่นกัน

เมื่อก่อนตอนที่ซ่งอิงเอาใจเขา ผู้เฒ่าก็วางหน้าบึ้งตึงและมักจะอาศัยความเป็นญาติผู้ใหญ่เอ่ยสั่งสอนนาง คราวนี้กลับกัน เขาไม่ได้เอ่ยวาจาอะไร มิหนำซ้ำยังเริ่มกลัวซ่งอิงขึ้นมาเสียอีก

ครั้นซ่งอิงถลึงตาใส่ ผู้เฒ่าก็รู้สึกเกร็งไปทั่วทั้งร่าง

ผ่านไปห้าวัน ในที่สุดก็ค่อยดูเป็นรูปเป็นร่าง

“ถือว่าผ่านเกณฑ์แล้ว ต่อไปก็ฝึกอย่างนี้ละเจ้าค่ะ ใกล้จะฉลองเทศกาลแล้ว ข้าต้องเข้าเมืองไปหารือการค้าสักหน่อย ท่านอยู่ที่บ้านก็อย่าได้เกียจคร้าน หากท่านฝึกได้ดี ขากลับข้าจะซื้อขนมจินเฉียนชื่อดังจากเมืองยงมาฝาก” ซ่งอิงปั้นหน้าคล้ายกับกำลังเกลี้ยกล่อมเด็กน้อย

บทที่ 394 ปากอย่างใจอย่าง

ซ่งอิงไม่ได้อยากเอาแต่จับตาดูผู้เฒ่าซ่งอย่างนี้เช่นกัน แต่นั่นเป็นเพราะ..ชะตาชีวิตน้อยๆ ของผู้เฒ่าซ่งช่างสำคัญเหลือเกิน!

หากชายชราอายุสั้น บิดาของนางก็จะถูกหญิงชราบงการ ถึงตอนนั้นทั้งครอบครัวคงหายนะกันพอดี!

ดังนั้นในสายตาของนาง ซ่งเหล่าเกินเป็นดั่งหมีแพนด้าตัวใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเลี้ยงให้อ้วนท้วนสมบูรณ์เข้าไว้ จะยอมให้สูญพันธุ์ไม่ได้เด็ดขาด

แต่ถึงกระนั้นผู้เฒ่ากลับรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงแห่งความห่วงใยจากผู้เป็นหลาน

“ขนมจินเฉียนอะไรกัน…เสียเงินเปล่าๆ ข้าฝึกๆ ไปก็สิ้นเรื่อง อีกทั้งนี่ไม่ใช่เรื่องเสียหายสักหน่อย…” ผู้เฒ่าแย้มยิ้มอย่างผู้อาวุโสที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา หลังคลี่ยิ้มแล้วก็กระแอมไอออกมา “ว่าแต่ขนมจินเฉียนคืออันใดหรือ”

ซ่งอิงพลันรู้สึกตงิดใจ “ข้างนอกกรอบๆ สีเหลืองทอง ข้างในเนื้อนุ่มหวานละมุน ชิ้นเล็กๆ หนึ่งชิ้นก็ราคาหลายสิบอีแปะ ท่านอายุมาจนปูนนี้ เกรงว่ายังไม่เคยเห็นด้วยซ้ำกระมัง”

“แพงถึงเพียงนั้นเชียว? เช่นนั้น…ไม่ต้องซื้อมาเยอะ…ข้าลองชิมชิ้นเดียวก็พอ…” ผู้เฒ่าไม่ได้เห็นแก่กิน แต่เมื่อเห็นหลานสาวกตัญญูห่วงใยเช่นนี้ จึงเริ่มเกิดความอยากกินขึ้นมา

ซ่งอิงถอนหายใจ

อะไรที่เรียกว่าปากอย่างใจอย่าง?

ก็อย่างนี้ไงล่ะ

“ฉลองเทศกาลครั้งนี้จะส่งของขวัญให้ตระกูลเผยหรือไม่?” ผู้เฒ่าเอ่ยถามนางอีก

“ท่านมีเงินก็มอบให้สิเจ้าคะ” ซ่งอิงยิ้มตาหยี

ซ่งเหล่าเกินเข้าใจในทันที “เช่นนั้นก็ไม่ต้องให้หรอก ข้าว่าก็ดีเหมือนกัน เมื่อก่อนครอบครัวของเหล่าต้าส่งของขวัญไปให้ถมเถ มีของดีอะไรก็ให้ตระกูลเผยไปหมด ข้าไม่เห็นได้เลยสักนิด”

หลายวันมานี้ ซ่งเหล่าเกินคิดๆ ดูก็เข้าใจกระจ่างแจ้งแล้วไม่น้อยเช่นกัน ก็ขนาดทางด้านบ้านใหญ่ยังนึกตำหนิซ่งเสี่ยนมากขึ้นทุกวัน

อย่างไรเสียหากตอนแรกซ่งเสี่ยนหนีไปเพราะความกลัว เช่นนั้นตอนนี้เล่า?

ผ่านไปตั้งหลายวันแล้ว เขาควรกลับมาดูดำดูดีบ้างกระมัง?

แต่กลับไม่มีเลยแม้แต่น้อย

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เข้าใจนิสัยใจคอบุตรชายแล้วเช่นกัน หลังจากคิดได้ นางถึงขั้นเข้าใจว่า นี่บุตรชายกำลังรอให้นางและซ่งฝูซานยอมอ่อนข้อ อยากให้นางและสามีไปเชิญตัวเขากลับมาจากบ้านตระกูลเผย

ดังนั้นเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ก็ไม่คิดทรมานตนเองอย่างนี้แล้วเช่นกัน

เหตุที่ซ่งอิงต้องเข้าเมืองยง เป็นเพราะในช่วงหลายวันที่ผู้เฒ่าฝึกอู่ฉินซี่ สบู่ชุดแรกของนางก็ทำเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นี่เป็นสินค้าชุดแรก ไม่ได้มีกลิ่นพิเศษใด ทำออกมาทั้งหมดแปดร้อยชิ้น ซ่งอิงเตรียมจะลองวางขายในร้านดูก่อน และถือโอกาสหารือเรื่องกำหนดราคากับซ่งหม่านซานเสียหน่อย

นอกจากเรื่องนี้ก็คือ นางต้องมอบของขวัญให้ใต้เท้าฮั่วผู้นั้น

นี่เป็นเพียงของขวัญตามเทศกาล นางจึงไม่ได้ตั้งใจไปมอบด้วยตนเองถึงที่

ณ เมืองยง

หลังจากซ่งหม่านซานเห็นซ่งอิง ก็เผยท่าทีเป็นกันเองกับนางอย่างยิ่ง “ท่านพ่อข้ายังสุขภาพแข็งแรงดีอยู่กระมัง”

ก่อนนี้มีจดหมายส่งมาถึงซ่งหม่านซานแล้ว แต่เขาไม่มีเวลาจริงๆ ตั้งใจว่าเมื่อจัดการธุระในมือแล้วค่อยกลับบ้าน แต่ในวันเดียวกัน ตระกูลซ่งก็ส่งจดหมายมาอีกฉบับ โดยบอกว่าผู้เฒ่าอาการดีขึ้นแล้ว ไม่ต้องกลับบ้านไปเยี่ยมแล้ว

แม้ซ่งหม่านซานนึกเป็นห่วงในใจ แต่เขาก็ไม่อาจะทิ้งงานรอบตัวได้ ในที่สุดซ่งอิงก็มาหาเสียที เขาจะได้ถามไถ่ให้เต็มที่เสียหน่อย

“ตอนนี้ก็ถือว่าแข็งแรงดี กินอาหารได้ตามปกติ” ซ่งอิงเอ่ยตอบ

“ข้าได้ยินอาสะใภ้สี่เจ้าบอกว่า เจ้าให้ยืมเงินไปไม่น้อยทีเดียว ตอนนี้มีเงินใช้หรือไม่ หรือจะเบิกจากบัญชีไปใช้ก่อน” ซ่งหม่านซานกล่าว

ซ่งอิงส่ายหน้า “เก็บไว้ก่อนเถอะเจ้าค่ะ อีกไม่นานก็ต้องจ่ายค่าเช่าร้าน ต้องมีเงินค้างบัญชีไว้บ้าง”

“ของเหล่านี้ที่เจ้าส่งมาคือ…สิ่งที่ครั้งก่อนบอกว่าเป็นของดีอย่างนั้นหรือ” ซ่งหม่านซานหยิบของขึ้นมาถือไว้ในมือหนึ่งก้อนด้วยความประหลาดใจ

ของสิ่งนี้มองภายนอกดูประหลาดยิ่งนัก เหมือนก้อนอิฐก็ไม่ปาน แต่ละชิ้นถูกห่อไว้ด้วยกระดาษไข ให้ความรู้สึกพิเศษอย่างยิ่ง เมื่อลองสูดดมกลิ่นก็ไม่ฉุนจมูก ดูแล้วผู้คนน่าจะชอบ อย่างน้อยก็ดูดีกว่าจ่าวโต้วเป็นไหนๆ

“สิ่งนี้เรียกว่า…สบู่” ซ่งอิงเผยรอยยิ้มเล็กน้อย “จากนี้จะกลายเป็นสินค้าตัวเอกของร้านเรา ของสิ่งนี้ใช้อาบน้ำหรือซักผ้าได้ทั้งนั้น นี่เป็นสินค้าชุดแรก วิธีทำค่อนข้างเรียบง่าย ข้าจะฝากตำรับไว้กับท่าน เมื่อพ้นเทศกาลแล้ว ข้าจะลองคิดค้นกลิ่นอื่นๆ ออกมา จะใส่กลิ่นดอกไม้ใบหญ้าเข้าไปเล็กน้อย ทำให้ของสิ่งนี้ไม่เพียงสวยงาม แต่ยังให้กลิ่นหอมอีกด้วย”