ตอนที่ 240 ไม่หล่อนก็ฉันต้องมีสักคนที่ติดคุก

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 240 ไม่หล่อนก็ฉันต้องมีสักคนที่ติดคุก

ตอนที่ 240 ไม่หล่อนก็ฉันต้องมีสักคนที่ติดคุก

ถังหลิงได้ยินว่าหลินเซี่ยขอให้เซี่ยไห่โทรไปบอกข่าวชายชราตระกูลเฉิน หล่อนก็หาข้ออ้างที่จะไปเข้าห้องน้ำ และโทรหาชายชราตระกูลเสิ่นบ้าง

ผู้เฒ่าเสิ่นได้ยินว่าหลานสาวสุดที่รักของเขาสะดุดล้มจนต้องเข้าโรงพยาบาล เขาจึงรีบวางสายและเดินทางมาโดยเร่งด่วน

คนแรกที่มาถึงโรงพยาบาลคือเฉินเจียซิ่ง และผู้อาวุโสของครอบครัวเฉิน

ทันทีที่เขาไปถึงทางเดินและเห็นหลินเซี่ย ผู้เฒ่าเฉินก็ถามว่า

“เซี่ยเซี่ย เกิดอะไรขึ้น?”

เฉินเจียซิ่งก็วิ่งไปหาถังหลิงอย่างใจจดใจจ่อ และสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์

ถังหลิงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เฉินเจียซิ่งฟัง “เสี่ยวเหมยสะดุดล้มหน้าร้านตัดผมของหลินเซี่ย จากนั้นหล่อนก็เลือดไหลไม่หยุด พวกเราช่วยกันส่งหล่อนมาที่โรงพยาบาล ตอนนี้อยู่ในระหว่างการรักษาค่ะ”

หลิวลี่ลี่มีท่าทางโมโหขึ้นมาทันที “แค่นั้นที่ไหนกัน? อาเสี่ยวเหมยบอกว่าหลินเซี่ยจงใจเหยียดขาออกมาจนหล่อนสะดุดล้มต่างหากล่ะ”

เมื่อเฉินเจียซิ่งได้ยินคำพูดของหลิวลี่ลี่ เขาก็จ้องไปที่หลินเซี่ยอย่างเดือดดาลทันที

ถังหลิงตีหน้าเศร้ามองเฉินเจียซิ่งและเตือนเขาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอาทร

“เจียซิ่ง เธอต้องเตรียมจิตใจไว้ให้ดี เสี่ยวเหมยเสียเลือดไปเยอะมาก บางทีเด็กอาจจะไม่รอด”

หลังจากคำพูดของถังหลิง เฉินเจียซิงไม่สามารถควบคุมโทสะของเขาได้อีกต่อไปและรีบปรี่ไปหาหลินเซี่ย มองไปที่เธอและถามอย่างคาดโทษ “หลินเซี่ย ทำไมเธอถึงเลวได้ขนาดนี้? ฉันรู้อยู่หรอกว่าเธอกับเสี่ยวเหมยไม่ถูกกัน แต่… ตอนนี้เธอกล้าทำร้ายแม้แต่เด็กในท้อง เธอยังมีความเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า? เมื่อก่อนเธอเคยเป็นอาหลานกัน ตอนนี้ก็กลายมาเป็นพี่กับน้องสะใภ้ เป็นครอบครัวเดียวกันแท้ ๆ ทำไมต้องลงมือกันขนาดนี้ด้วย?”

หลินเซี่ยตอบกลับอย่างเย็นชา “เฉินเจียซิ่ง เสิ่นเสี่ยวเหมยต่างหากที่เข้ามาในร้านของฉันโดยไม่มีเหตุผล หลังจากนั้นก็ล้มเองโดยไม่มีสาเหตุ จะเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไงถ้าไม่ใช่เพื่อหาจังหวะใส่ร้ายฉัน ฉันพยายามเลี่ยงหล่อนแล้วแต่ไม่สำเร็จ หล่อนแค่โชคร้ายมากกว่าที่มาแท้งในร้านของฉัน”

หลิวลี่ลี่ออกหน้าเปิดเครื่องด่าอีกครั้ง “แกเห็นว่าอาเสี่ยวเหมยท้อง ก็เลยรู้สึกอิจฉาตาร้อน หาทางกลั่นแกล้งจนหล่อนสะดุดล้ม เพื่อฆ่าเด็กในท้องของหล่อนให้ไร้มารกวนใจอย่างนั้นสินะ”

หลินเซี่ยทนไม่ไหว ฟาดฝ่ามือตบหน้าหลิวลี่ลี่ “ถ้าเธอยังกล้าพูดพล่ามเรื่องไร้สาระอยู่ เชื่อไหมว่าวันนี้ฉันจะตบเธอให้ตายตรงนี้กันไปข้าง?”

แรงฝ่ามือของหลินเซี่ยนั้นแข็งแกร่งมาก เธอตบหลิวลี่ลี่จนหน้าหันอย่างแรง ดวงดาววิบวับปรากฏขึ้นในดวงตาฉับพลัน จนหล่อนปิดหน้าแล้วเริ่มร้องไห้ คร่ำครวญกับทุกคนที่อยู่ตรงนั้นว่า “ดูสิ เห็นหรือยังว่าหล่อนเลวร้ายขนาดไหน?”

ผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลเฉินมองไปที่หลิวลี่ลี่และขมวดคิ้ว ถังหลิงดึงหลิวลี่ลี่ให้ไปหลบอยู่ข้างหลัง จากนั้นทำท่าทางเป็นเชิงเตือนให้หล่อนพูดน้อยลง

ตอนที่หลินเซี่ยมาถึงโรงพยาบาลครั้งแรก เธอรู้สึกสับสนและกระวนกระวายไม่น้อย แต่ตอนนี้อารมณ์เธอสงบลงแล้ว

เธอพูดกับผู้เฒ่าสองคนของตระกูลเฉินว่า

“คุณปู่ คุณย่า ฉันไม่รู้จริง ๆ ค่ะว่าเกิดอะไรขึ้น วันนี้เสิ่นเสี่ยวเหมยกระตือรือร้นกับฉันเป็นพิเศษ ยืนกรานจะให้ฉันตัดผมให้หล่อนให้ได้ ลูกค้าในร้านรวมถึงฉันต่างก็แนะนำหล่อนแล้วว่าถ้าท้องอยู่ไม่ควรตัดผม เพราะตามความเชื่อแล้วมันไม่ดีต่อทารกในครรภ์ จากนั้นก็ขอให้หล่อนกลับไป แต่หล่อนก็ไม่ยอมง่าย ๆ ฉันรู้สึกตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าหล่อนทำตัวแปลก ๆ ก่อนหน้านี้ฉันเลยหลบเลี่ยงหล่อน แต่ก็ป้องกันตัวเองไม่ได้ จู่ ๆ หล่อนกลับสะดุดล้มเอง นั่งกองอยู่กับพื้นแค่ครู่เดียวก็มีเลือดไหลเต็มกางเกงแล้ว ถึงตอนนี้ฉันยังสับสนไม่หาย”

เฉินเจียซิ่งเขม็งมองเธอด้วยความโกรธ ไม่ยอมฟังข้อแก้ตัวของเธอเลย “เธอก็ต้องแก้ต่างให้ตัวเองเป็นฝ่ายถูกอยู่แล้ว คิดว่าพวกเราจะเชื่อหรือไง?”

ทันใดนั้น ผู้เฒ่าเสิ่นก็เดินเข้ามาพร้อมกับไม้เท้า

ทันทีที่เขามาถึง ก็รีบถามเฉินเจียซิ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ เมื่อเขาได้ยินว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยมีสัญญาณเสี่ยงต่อการการแท้งบุตร ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดมาก

หลิวลี่ลี่ไม่ยอมเสี่ยงที่จะถูกหลินเซี่ยตบหน้าอีกครั้ง หล่อนโผล่หัวออกมาจากด้านหลังของถังหลิง แล้วบอกเขาว่า “หล่อนล้มลงในร้านตัดผมของหลินเซี่ยค่ะ หลินเซี่ยเหยียดขาไปขัดจนหล่อนสะดุดล้ม”

ท่ามกลางทางเดินที่เนืองแน่นด้วยผู้คน พยาบาลคนหนึ่งเข้ามาเตือนพวกเขาอย่างเย็นชา “อย่าส่งเสียงดังค่ะ ญาติ ๆ ทุกคนโปรดอยู่ในความสงบด้วย”

หลังจากนั้นไม่นาน เสิ่นเสี่ยวเหมยก็ถูกผลักเตียงออกมาจากห้องฉุกเฉินและส่งตัวไปยังแผนกผู้ป่วยใน

เฉินเจียซิ่งและคนอื่นๆ รีบถามหมอว่า “เป็นยังไงบ้าง”

คุณหมอที่สวมหน้ากากและเสื้อกาวน์สีขาวส่ายหน้าช้า ๆ “ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ เด็กไม่รอด”

คำพูดของหมอราวกับสายฟ้าที่ฟาดผ่าลงมาตอนกลางวันแสก ๆ เฉินเจียซิ่งยืนไม่มั่นคง ร่างกายโซซัดโซเซ

ผู้เฒ่าสองคนของตระกูลเฉินก็หน้าตาซีดเซียวเช่นกัน

คนที่ตื่นตระหนกมากกว่าพวกเขาคือผู้เฒ่าเสิ่น

“นังปีศาจ” เขายกไม้เท้าขึ้นในมือขึ้น แล้วฟาดลงมาทางหลินเซี่ยอย่างแรง

แต่จังหวะนั้นเซี่ยไห่ก็รีบเข้ามาขวาง ทำให้ไม้เท้าฟาดถูกตัวของเซี่ยไห่เต็ม ๆ

ถังหลิงเห็นแบบนั้นก็ตกใจมาก รีบเข้าไปดึงเซี่ยไห่ออกมา เพราะกลัวว่าเขาอาจถูกโจมตีเป็นครั้งที่สอง

หล่อนไม่เคยคิดเลยว่าเซี่ยไห่จะลงทุนปกป้องหลินเซี่ยได้ถึงขนาดนี้

ผู้เฒ่าเสิ่นถือไม้เท้ากระชับแน่น ตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธจัด เขามองไปที่หลินเซี่ยพร้อมกับพ่นคำสาปแช่ง “นังลูกหมาป่าตาขาว ตระกูลเสิ่นของเราเลี้ยงดูแกมาแท้ ๆ ไม่เพียงแต่แกจะเนรคุณเท่านั้น ตอนนี้แกยังตอบแทนความเมตตากรุณาของเราด้วยการแก้แค้นและทำลายชีวิตเด็กในท้องของหลานสาวฉัน นังอกตัญญู จิตใจชั่วช้าต่ำทรามตั้งแต่ยังเล็ก วันนี้ฉันจะทุบตีแกให้ตาย”

หลังจากที่เขาพูดจบ มือเหี่ยวลีบสั่นเทาของเขาก็ยกขึ้นอีกครั้ง ตั้งท่าจะใช้ไม้ฟาดหลินเซี่ย

หลินเซี่ยยกมือขึ้น จับไม้เท้าที่ผู้เฒ่าเสิ่นกวัดแกว่งไปมาไว้อย่างแน่นหนา ขณะที่จับยึดไม้เท้าไว้มั่นแล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณไม่มีสิทธิ์มาทุบตีฉัน”

“แก…”

หลินเซี่ยยังมีพละกำลังเนื่องจากวัยสาว ทันทีที่เธอคว้าไม้เท้าของผู้เฒ่าเสิ่นเอาไว้ได้ ชายชราพยายามจะดึงมันกลับสองครั้งแต่ก็สู้แรงไม่สำเร็จ

หลินเซี่ยสะบัดไม้เท้าออกไปอย่างดุเดือด “ตอนที่ฉันอยู่ในบ้านตระกูลเสิ่น ฉันถูกคุณรังแกและด่าทออย่างรุนแรงมาโดยตลอด ตอนนี้เราไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว อย่าได้คิดจะแตะต้องฉันอีก”

เซี่ยไห่ก้าวออกมายืนอยู่ตรงหน้าหลินเซี่ยอีกครั้ง ปกป้องเธอให้หลบไปยืนอยู่ข้างหลัง

“ลุงเสิ่น อย่าทำอะไรหุนหันพลันแล่นดีกว่าครับ เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อย่าหูเบาฟังคำว่าร้ายที่คนอื่นกล่าวหาหล่อนอย่างไม่ยุติธรรม”

หนวดเคราของผู้เฒ่าเสิ่นสั่นระริกด้วยแรงอารมณ์ “ใส่ร้ายเหรอ? หลานสาวฉันกำลังนอนเจ็บอยู่บนเตียงผู้ป่วย กล้าพูดได้ยังไงว่าหล่อนถูกใส่ร้าย?”

ทันใดนั้นเอง เสิ่นเสี่ยวเหมยที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น

ใบหน้าของหล่อนดูอิดโรยมาก ดวงตาหมองคล้ำกวาดมองไปรอบ ๆ ห้อง จากนั้นก็เปล่งเสียงถามด้วยความตื่นตระหนก

“ลูกของฉัน ลูกของฉันเป็นยังไงบ้าง?”

ถังหลิงรีบเข้าไปหา จากนั้นก็ปลอบโยนเบา ๆ “เสี่ยวเหมย อย่าเสียใจไปเลยนะ ในอนาคตเธอต้องมีลูกอีกคนแน่”

เมื่อเสิ่นเสี่ยวเหมยได้ยินแบบนั้น ดวงตาของหล่อนก็เบิกกว้าง แล้วพยายามลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจสุดขีด “พี่หลิง หมายความว่ายังไง? ลูกฉันไม่อยู่แล้วเหรอ?”

หล่อนมองไปที่เฉินเจียซิ่ง จากนั้นก็หลั่งน้ำตา “เฉินเจียซิ่ง ลูกของเราจากไปแล้ว”

เฉินเจียซิงเดินมานั่งอยู่ข้างเตียงพร้อมกับจับมือหล่อนไว้ ปลอบโยนเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร หลังจากนี้เราค่อยพยายามกันใหม่ก็ได้”

“เจียซิ่ง ฉันขอโทษ ฉันรู้สึกผิดกับคุณและตระกูลเฉินจริง ๆ ฉันไม่ควรไปที่ร้านหลินเซี่ยเพื่อขอตัดผมเลย ฉันไม่นึกว่าหล่อนจะเลวทรามขนาดนี้ แม้แต่เด็กในท้องฉันหล่อนยังไม่ปล่อยไว้ ฮือๆๆ”

เสิ่นเสี่ยวเหมยร้องไห้เหมือนน้ำตาจะหลั่งเป็นสายเลือด ทุกคนที่เห็นฉากนี้ต่างก็สงสารเห็นใจและรู้สึกเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับหล่อน

คนเป็นแม่ที่ต้องสูญเสียลูกในท้องไป ต้องรู้สึกเจ็บปวดขนาดไหนกัน

ในเวลาเดียวกัน ทุกคนรวมถึงผู้อาวุโสทั้งสองคนของตระกูลเฉินต่างก็หันไปมองหลินเซี่ยด้วยสีหน้าน่าเกลียด

หลินเซี่ยรู้สึกปวดหัวเมื่อเห็นฉากการร้องไห้ของเสิ่นเสี่ยวเหมยในเวลานี้ เธอพยายามอย่างหนักเพื่อสงบสติอารมณ์และตื่นตัวอยู่เสมอ เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้กำลังสาดน้ำสกปรกใส่เธอ ดังนั้นเธอจะต้องไม่โอนอ่อนผ่อนปรน

เธอสับสนมากจริง ๆ อะไรคือจุดประสงค์ของการจัดการศัตรูได้หนึ่งพันแต่ฝั่งตนสูญเสียไปแปดร้อยของเสิ่นเสี่ยวเหมย?

ถึงขั้นยอมสังเวยลูกในท้อง เพื่อที่จะขับไล่เธอออกจากตระกูลเฉินเชียวเหรอ?

เสิ่นเสี่ยวเหมยไม่ควรโง่เขลาขนาดนั้น หล่อนควรรู้ว่าคนอย่างเฉินเจียเหอไม่มีทางหลงเชื่อทักษะการแสดงอันย่ำแย่ของหล่อนซึ่งเต็มไปด้วยช่องโหว่

เซี่ยไห่ได้ยินว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยพยายามจะใส่ความหลินเซี่ย เขาจึงขมวดคิ้วและก้าวไปข้างหน้า จากนั้นพูดแทนหลินเซี่ย “คุณเสิ่น พวกเราก็เสียใจมากเช่นกันที่ลูกของคุณจากไป แต่ผมเชื่อว่าหลินเซี่ยไม่ใช่คนเลวร้ายแบบนั้น ผมสงสัยว่าเป็นคุณเองหรือเปล่าที่ล้มลงโดยลืมคิดถึงผลที่อาจตามมา แล้วโยนความผิดให้กับหลินเซี่ย?”

เสียงคร่ำครวญแหลมของเสิ่นเสี่ยวเหมยถูกกระตุ้นด้วยคำพูดของเซี่ยไห่ ทำให้หล่อนแทบกระโดดผึงขึ้นจากเตียง “แล้วคุณเกี่ยวอะไรด้วย? ทำไมถึงเอาแต่แก้ต่างแทนหล่อนอยู่เรื่อย?”

“ผม…” เซี่ยไห่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลินเซี่ยคว้าแขนเขาไว้

“โทรหาตำรวจ” เธอกวาดสายตามองทุกคนในวอร์ดด้วยสีหน้าเย็นชา อารมณ์สงบเยือกเย็น “โทรแจ้งตำรวจให้พวกเขามาทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงซะ ถ้าฉันเป็นคนฆ่าลูกในท้องของหล่อนจริงก็ให้ตำรวจจับฉันเลย แต่ถ้าผลออกมาแล้ว กลายเป็นเสิ่นเสี่ยวเหมยที่ใส่ความฉันอย่างร้ายกาจ ฉันจะฟ้องร้องหล่อนในข้อหาปรักปรำทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง ในเมื่อเรื่องทุกอย่างมันบานปลายมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่หล่อนก็ฉันต้องมีสักคนที่ติดคุก”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ในเมื่อเล่นสกปรกกันแบบนี้ก็ฟ้องร้องไปเลยค่ะ ทองแท้ไม่กลัวไฟอยู่แล้ว ใครปลอมใครจริงเดี๋ยวก็รู้เอง

ไหหม่า(海馬)