บทที่ 190 ประชุมผู้ปกครอง

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

ชายคนนั้นมองมาที่เด็กน้อยแล้วเลิกคิ้วขึ้น

เขาก็คิดว่าวันนี้ทำไมประตูบานนี้เปิดง่ายเหลือเกิน ที่แท้ก็เป็นหนูน้อยเปิดให้นี่เอง

เขาตามอารัณเข้าไปในห้อง นัทธีมองไปรอบๆก็ไม่เห็นวารุณี เห็นแต่ไอริณที่นั่งเล่นอยู่บนพรมก็เลยเอ่ยถามขึ้น“หม่ามี๊ของพวกหนูล่ะ?”

อารัณชี้ไปทางห้องน้ำ“หม่ามี๊กำลังอาบน้ำครับ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นนัทธีก็เดินไปที่ห้องน้ำ เมื่อได้ยินเสียงน้ำดังลอดออกมาจากข้างใน แววตาเขาก็นิ่งลงอย่างอดไม่ได้

“คุณอานัทธี มาหาหม่ามี๊มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ?”อารัณนั่งลงไปบนพรมอีกครั้ง

นัทธีหยิบเอกสารในมือออกมาแล้วนั่งลงบนโซฟา“มีธุระนิดหน่อยน่ะ”

“ถ้างั้นคุณลุงต้องรอสักครู่ก่อน เดี๋ยวหม่ามี๊ก็ออกมา”อารัณพูดจาท่าทางเหมือนเป็นผู้ใหญ่

นัทธีหัวเราะออกมาเบาๆอย่างอดไม่ได้“ได้เลย”

จู่ๆไอริณก็ลุกขึ้นแล้วเดินเตาะแตะมาอยู่ตรงหน้าเขา“คุณอานัทธี ไอริณขอร้องคุณลุงเรื่องหนึ่งได้ไหมคะ?”

เด็กน้อยยกนิ้วมือขึ้นมาแล้วมองตาหวานไปที่นัทธี

นัทธีก็มองมาที่เธอแล้วพูดออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้“พูดมาสิคะ”

“วันพรุ่งนี้ คุณลุงมาเป็นพ่อให้หนูได้ไหม แล้วก็ไปเข้าร่วมประชุมผู้ปกครองของหนู”ไอริณเอามือจับชายเสื้อไว้พร้อมกับพูดด้วยความเขินอายเล็กน้อย

อารัณกับนัทธีอึ้งไปเลย

แม้แต่วารุณีที่พึ่งอาบน้ำเสร็จแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำก็แปลกใจไปด้วย“ไอริณ เมื่อกี้ทำไมไม่บอกหม่ามี๊ว่ามีประชุมผู้ปกครอง?”

เธอไม่ได้สนใจถามว่านัทธีเข้ามาได้ยังไง เธอสวมชุดนอนและห่อผมเดินเข้ามาเพื่อดึงไอริณที่ยืนอยู่หน้านัทธีมาไว้ข้างกาย

นัทธีได้กลิ่นหอมจากร่างกายของเธอ เขาหรี่ตาลง พร้อมกลับกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่

ไอริณก้มหน้าลง“เพราะว่าพรุ่งนี้หม่ามี๊ต้องไปแข่ง ไม่มีเวลาไปร่วมงานประชุมผู้ปกครอง ดังนั้นหนูก็เลยไม่พูด”

“มิน่าล่ะระหว่างทางไอริณถึงดูไม่มีความสุขเอาซะเลย”อารัณลูบคางพลางพยักหน้าลง

วารุณีอ้าปากค้างไปเลย เธอไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี

จริงด้วยพรุ่งนี้เธอมีแข่งก็เลยไปไม่ได้

แต่ว่างานประชุมผู้ปกครอง เธอก็ไม่ไปไม่ได้ด้วยสิ……

พอคิดถึงตรงนี้วารุณีก็กัดริมฝีปากตัวเองออกมาเพราะคิดไม่ตก จากนั้นก็นั่งยองๆลงแล้วเอามือประคองหน้าหนูน้อยไว้“ลูกจ๋า ถ้างั้นพรุ่งนี้หม่ามี๊ไปแข่งก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยไปกับหนู……”

“ไม่ได้!”นัทธีพูดขัดเธอขึ้นพลางลุกพรวดออกจากโซฟา“พรุ่งนี้เป็นรอบรองชนะเลิศ ซึ่งมันสำคัญมาก คุณจะทิ้งไม่ได้ เพราะถ้าทิ้งไป คุณจะไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติได้ นี่เป็นความฝันของคุณไม่ใช่หรอ?และมันก็เป็นก้าวแรกสู่การไปสร้างชื่อเสียงในต่างประเทศของคุณด้วย”

วารุณีลุกขึ้น“ฉันรู้น่า แต่ว่างานประชุมผู้ปกครองก็สำคัญเหมือนกัน”

เนื่องจากเด็กทั้งสองไม่มีพ่อ ดังนั้นเธอจึงสัญญาว่าจะดูแลเด็กทั้งสองให้ดี จะไม่พลาดโอกาสสำคัญใดๆของเด็กทั้งสองเลยแม้แต่อันเดียว

เธอจะผิดสัญญาไม่ได้!

“งานประชุมผู้ปกครองมันสำคัญมาก แต่คุณไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ เมื่อกี้ไอริณก็บอกแล้วว่าให้ผมไปแทน แถมกิจกรรมพ่อลูกที่สนามเด็กเล่นครั้งก่อนผมก็เป็นคนไป ครูของพวกเขารู้จักผม คุณทำใจให้สบายแล้วไปเข้าร่วมการแข่งขันเถอะ”นัทธีลูบหัวไอริณแล้วเอ่ยพูดขึ้นกับวารุณี

อารัณพยักหน้าเห็นด้วย“ใช่ครับ หม่ามี๊ไปแข่งเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปกับคุณอานัทธีเอง”

“แต่ว่า……”วารุณีบีบฝ่ามือไปมาเหมือนมีอะไรจะพูด

นัทธีพูดขัดเธอออกมาอีกรอบ“ถึงพรุ่งนี้คุณจะไปร่วมงานประชุมผู้ปกครอง แต่การที่ต้องพลาดการแข่งขัน จะทำให้คุณต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่”

“คุณอานัทธีพูดถูก หม่ามี๊ไปแข่งเถอะ ไอริณไม่โทษหม่ามี๊หรอก”ไอริณดึงชายเสื้อวารุณีไว้พร้อมกับฉีกยิ้มร่ามองเธอ

เมื่อเห็นว่าเด็กทั้งสองเข้าใจและได้ฟังคำเตือนของนัทธี วารุณีก็ขยับริมฝีปากนิดหน่อยแล้วสุดท้ายก็ยอมแต่โดยดี

เธอถอนหายใจออกมาก่อน จากนั้นก็โค้งตัวให้กับนัทธี“ฉันเข้าใจแล้ว ถ้างั้นพรุ่งนี้ฝากเด็กทั้งสองไว้กับประธานนัทธีด้วยนะคะ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก”นัทธีโบกมือปัด

อารัณดึงไอริณมา“หม่ามี๊ คุณอานัทธีมีธุระกับหม่ามี๊ ผมกับไอริณขอตัวกลับห้องก่อนนะครับ”

พูดจบ เด็กทั้งสองก็วิ่งออกไป

ตอนนี้ภายในห้องนั่งเล่นเหลือเพียงวารุณีกับนัทธีสองคน วารุณีรินน้ำให้เขา“ประธานนัทธีมีธุระอะไรกับฉันรึเปล่าคะ?”

นัทธีรับแก้วน้ำมาแล้วเม้มริมฝีปากลง“คุณกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเป่าผมให้แห้งก่อนค่อยมาคุยกัน”

“หืม?”วารุณีก้มมองตัวเองแล้วหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที

ถึงแม้ชุดนอนของเธอจะไม่ได้เปิดเผยเนื้อหนังมาก แต่เนื่องจากมันเป็นผ้าไหม ดังนั้นจึงค่อนข้างบางจึงทำให้เห็นโครงของบราที่ใส่อยู่ข้างใน

เธอไม่นึกเลยว่าเขาจะเห็นเธอในสภาพนี้อยู่ตั้งนาน!

“ขอโทษด้วยค่ะ ฉันจะไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้”วารุณีฝืนยิ้มออกมาอย่างเขินอาย จากนั้นก็รีบพุ่งเข้าไปในห้อง

เมื่อเห็นเธอปิดประตูลงอย่างรวดเร็ว นัทธีก็หัวเราะออกมาเบาๆแล้วดื่มน้ำตามไป

หลังจากผ่านไปประมาณสิบกว่านาที วารุณีก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและเป่าผมจนแห้งแล้วเดินออกมา

นัทธีหยิบเอกสารบนโต๊ะยื่นให้เธอ

หลังจากที่วารุณีรับมาก็ก้มมองดู“นี่อะไรคะ?”

“หลักฐานที่พิชญาไปลอกผลงานคนอื่นมา”นัทธีพับขากางเกงของเขาขึ้นแล้วเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

วารุณีเลิกคิ้วขึ้นแล้วก้มลงแกะถุงเอกสารออก จากนั้นก็หยิบหลักฐานออกมากวาดดูครูหนึ่ง จากนั้นก็เอาหลักฐานยัดกลับเข้าไป แล้วเอาวางลงบนโต๊ะพร้อมกับมองไปยังผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า“ประธานนัทธีเอาของพวกนี้มาให้ฉันทำไม?”

“คุณไม่ต้องการหรอ?”นัทธีเอามือยันหัวไว้

วารุณียิ้มออกมา“ฉันไม่ต้องการหรอกค่ะ ฉันรู้แต่แรกแล้วว่าหล่อนลอกผลงานของคนอื่น และฉันก็มีหลักฐานบางส่วนอยู่ในมือแล้วด้วย

“ผมรู้ การแข่งเมื่อวานพิชญาไปลอกผลงานของDaphneมา ซึ่งDaphneเป็นอาจารย์ย่าของคุณ คุณไม่มีทางดูไม่ออกแน่นอน และก็ไม่มีทางปล่อยไปเฉยๆแน่”

“ถ้าง้นประธานนัทธีจะเอาหลักฐานมาให้ฉันอีกทำไม?”วารุณีหรี่ตามองด้วยความสงสัย เพราะเดาความคิดเขาไม่ออก

นัทธีมองไปที่ถุงเอกสาร“เมื่อกี้คุณยังดูไม่หมด ในนี้ไม่ได้มีแค่หลักฐานที่หล่อนลอกผลงานของคนอื่นมาใช้เมื่อวาน มันมีหลักฐานการลอกผลงานจากดีไซเนอร์ทุกคนตั้งแต่หล่อนเริ่มเข้าวงการมา ซึ่งรวมไปถึงชุดเครื่องแต่งกายของชนเผ่าในการแข่งขันวันนี้ด้วย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้วารุณีก็รู้สึกแปลกใจมากจนต้องรีบหยิบถุงเอกสารขึ้นมาตรวจสอบอีกรอบ

เมื่อดูจบเธอก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาในใจอย่างอดไม่ได้

เธอประเมินพิชญาต่ำไปจริงๆ พิชญาลอกผลงานคนอื่นมามากกว่าที่เธอคิดซะอีก และนอกจากจะลอกผลงานคนอื่นแล้ว หล่อนยังจ้างคนอื่นอีก และที่ทำให้เธอพูดไม่ออกมากที่สุดก็คือผลงานการออกแบบวันนี้

ผลงานการออกแบบวันนี้ของพิชญาเป็นเครื่องแต่งกายที่ใช้ในพิธีเซ่นไหว้เทพเจ้าของชนเผ่ากลุ่มหนึ่ง ซึ่งเครื่องแต่งกายชุดนี้เป็นชุดที่ถ่ายทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ ดังนั้นจึงไม่มีภาพต้นฉบับ และไม่รู้ว่าคนออกแบบเป็นใครด้วย ดังนั้นพิชญาก็เลยวาดแบบลงไปได้อย่างไร้ซึ่งความกังวล จากนั้นก็เอามาเป็นของตัวเอง นี่มันหน้าด้านจริงๆ

กว่าจะสงบสติอารมณ์ได้เธอต้องใช้เวลานานอยู่พอสมควร วารุณีวางถุงเอกสารลง“ประธานนัทธี ที่คุณเอาเอกสารพวกนี้มาให้ฉัน คุณอยากจะให้ฉันช่วยคุณทำอะไรกันแน่?”

นัทธีพยักหน้าลง“ผมรู้ว่าตอนนี้คุณยังไม่ได้เปิดโปงพิชญาคุณกำลังรอโอกาสอยู่ ซึ่งถ้าถึงโอกาสนั้นผมอยากจะให้คุณใช้สิ่งนี้กำจัดพิชญาให้สิ้นซากซะ”

นัยน์ตาของวารุณีฉายแววสงสัยออกมาแวบหนึ่ง“ทำไมคะ หล่อนกับประธานนัทธีไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกันนี่นา ฉันจำได้ว่าหล่อนเป็นถึงผู้มีพระคุณของคุณ”

“บุญคุณของหล่อนผมใช้คืนให้หมดไปตั้งนานละ”นัทธีเม้มปากแน่น“ที่จริงผมไม่มีความแค้นกับหล่อนหรอก แต่เรื่องที่หล่อนเอาความลับทางการค้าของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปไปขาย มันทำให้ผมโกรธ”

“อะไรนะ?”วารุณีเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ

นัทธีเอามือนวดขมับ“ผมก็พึ่งจะรู้ หลายปีมานี้ พิชญาแอบเอาความลับทางการค้าของบริษัทออกไปขายตั้งหลายครั้ง ถึงแม้มันจะไม่ได้ทำให้บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปเกิดความวุ่นวาย แต่มันก็ทำให้บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปขาดทุนไปไม่น้อย”

“ฉันเข้าใจแล้ว แต่ว่าก็ยังมีบางส่วนที่ฉันไม่เข้าใจ หลักฐานที่ประธานนัทธีเอามาให้พวกนี้ล้วนสามารถเอาออกไปจัดการเองได้ แล้วทำไมถึงให้ฉันจัดการล่ะคะ?”วารุณีจับถุงเอกสารไว้แล้วจ้องไปที่ผู้ชายตรงหน้า