บทที่ 196 มังกรอยู่ที่นี่ด้วยรึ? 1 (2)

“..น..นั่น…นายน้อยคาร์ล!!”

หนึ่งในชาวบ้านที่แอบดูสถานการณ์ด้านนอกเผลอตะโกนเรียกคาร์ลอย่างลืมตัวเมื่อเห็นร่างของนายน้อยคาร์ลปรากฏอยู่บนป้อมกำแพงเมือง

แสงสีเงินส่องแสงออกมาจากมือทั้งสองข้างของนายน้อยคาร์ลเมื่อกำลังเดินไปที่ป้อมปราการที่ตั้งอยู่กลางกำแพงเมือง คาร์ลค่อยๆยื่นมือขึ้นสู่ท้องฟ้า

อัศวินและทหารกำลังเฝ้าดูสิ่งนี้จากระยะใกล้ที่สุด

นี่คือสงครามครั้งแรกของพวกเขา

น้ำเสียงอันหนักแน่นและเต็มไปด้วยพลังลอดมาถึงหูพวกเขาในทันใดนั้น

“โล่จะไม่พัง!!”

มันเป็นเสียงของเคานต์เดอรัช

ใบหน้าที่แสนสุขุมและอ่อนโยนกลับดูเครียดขึงและน่ากลัวเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี

“ทุกคนตั้งสติ! พุ่งสมาธิไปยังหน้าที่ของตนเอง!!”

เสียงกระแทกกับโล่ป้องกันและเสียงคำรามของไวย์เวิร์นไม่ดังเท่ากับเสียงเคานต์เดอรัชในตอนนี้ คาร์ลเริ่มยิ้มเมื่อได้ยินสิ่งที่เคานต์เดอรัชพูด

‘ท่านพ่อช่างน่าทึ่งจริงๆ!’

มันเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่คาร์ลประเมินความสามารถของบิดาตนอยู่

ปั้งงงงงงง!!!!

เสียงที่กระแทกที่ดังกว่าครั้งไหนๆลั่นไปทั่วบริเวณ

คาร์ลเริ่มขมวดคิ้ว

15 เมตร! ไวย์เวิร์นขนาดใหญ่กำลังจ้องมาที่คาร์ลพร้อมกับอ้าปากกว้างราวกับกำลังจะกลืนกินร่างคาร์ลที่อยู่ภายในโล่ มันเป็นไปได้ยากที่ไวย์เวิร์นจะมีความยาวถึง 15 เมตรได้

ดูเหมือนไวย์เวิร์นสีขาวตัวนี้จะกลายพันธุ์

คาร์ลเริ่มพึมพำออกมา

“อยู่นี่แล้วสินะ”

คาร์ลรู้ดีว่าบุคคลผู้นี้จะต้องมาและเขาก็กำลังรอคนที่นั่งควบคุมไวย์เวิร์นสีขาวตัวนี้อย่างใจจดใจจ่อ

อัศวินผู้พิทักษ์ผู้มีเส้นผมสีขาวแห่งอาณาจักรพารัน ‘โคลเปย์ เซคก้า’

โคลเปย์รั้งร่างไวย์เวิร์นสีขาวเอาไว้ก่อนจะก้มมองคาร์ล

คนทั้งสองสบตาเข้าหากันพอดีก่อนที่โคลเปย์จะยิ้มเยาะและเอ่ยขึ้น

“หากเราทำลายโล่นี้ลง!..ทุกสิ่งทุกอย่างจะพังราบเป็นหน้ากลอง!”

โคลเปย์มีโอกาสได้เห็นภาพเมื่อตอนที่อาณาจักรโรมันประกาศจุดยืนทางสงครามเช่นกัน เขาจึงตัดสินใจที่จะทำลายอาณาจักรที่ไร้ซึ่งจุดเด่นใดๆแต่กลับมีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานที่สุดในทวีป

ความทะนงตนในตัวเขาอาจถูกทำลายลงหากเขาเลือกที่อื่นเป็นจุดเริ่มต้นสงครามเพราะมันดูเหมือนเขากำลังกลัวคำประกาศของอาณาจักรโรมัน นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้กลุ่มพันธมิตรไร้พ่ายเลือกโจมตีอาณาจักรโรมันเป็นที่แรก

นอกจากนี้เขายังพอรู้จักคนที่มีชื่อเสียงในอาณาจักรโรมันอยู่เช่นกัน

คนผู้นี้คือบุตรชายของขุนนางที่ครอบครองพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณโล่เงินเอาไว้

“น่าสนใจจริงๆ”

โคลเปย์จ้องไปที่โล่สีเงินที่กำลังส่องแสงเรืองรองออกมา หากกำจัดโล่ป้องกันและเจ้าขยะผมแดงนี้ได้ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของสงคราม นั่นคือสาเหตุที่โคลเปย์ลงมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่จะใช้พลังทั้งหมดที่เขามีเพื่อเขียนตำนานหน้าใหม่ขึ้นมา

เขาหยิบขลุ่ยขึ้นมาเป่าอย่างใจเย็น

วี๊ดดดดด~~~~~

ไวยเวิร์นหลายสิบตัวรีบพุ่งตัวมาหาเขาจากระยะไกลๆทันที

ทหารทั้งหมดต่างจับอาวุธของตนแน่นขึ้นด้วยความหวาดกลัว มันมีจำนวนไวย์เวิร์นมากกว่าที่พวกเขาเคยเห็นจากตอนที่องค์ชายรัชทายาทเคยฉายให้พวกเขาดูมากนัก ตอนนี้พวกมันค่อยๆปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าเหนืออาณาเขตเฮนิตัส

โคลเปย์จ้องไปที่ชายผมแดงอีกครั้ง

‘เขาชื่อ..คาร์ล เฮนิตัสสินะ?’

อีกไม่ช้าชายผู้นี้ก็จะตาย

พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณย่อมมีขีดจำกัดในการใช้งาน

โคล์เปย์ยกมือขึ้นก่อนจะตวัดลงอย่างรวดเร็ว

“ลงไปได้!”

ทันใดนั้นเอง

ร่างใหญ่โตของชายฉกรรจ์เริ่มกระโดดลงจากหลังของไวย์เวิร์น หลังจากกระโดดลงมาได้สักระยะพวกเขาก็เปิดใช้งานร่มชูชีพที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนทันทีจากนั้นก็ค่อยๆแตะเท้าลงบนพื้นดินอย่างปลอดภัย

ตึง!ตึง!ตึง!ตึง!ตึง!

บุคคลผู้มีร่างกายใหญ่โตรีบรวมพลและตั้งแถวนอกกำแพงของเมืองเรนทันที

จำนวนของพวกเขาหากประเมินจากสายตาคร่าวๆมีมากกว่าร้อยคน

ทหารนายหนึ่งอ้าปากค้างก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ

“…ผ..เผ่าหมี!”

เผ่าหมีเป็นหนึ่งในเผ่าสัตว์อสูรที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่งและมีจำนวนประชากรมากที่สุด พวกเขาทั้งหมดเริ่มกลายร่างเป็นหมีและเริ่มล้อมกำแพงเมืองเอาไว้ เผ่าหมีมาถึงที่นี่ได้โดยใช้ร่มชูชีพที่เผ่าคนแคระไฟเป็นคนทำให้

โคลเปย์สำรวจความพร้อมทั้งหมดและเริ่มออกคำสั่งอีกครั้ง

“โจมตี!!”

ไวย์เวิร์นทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังโล่เงินทันที ไวย์เวิร์นตัวใหญ่สีขาวก็มุ่งหน้าลงไปเช่นกัน

อัศวินผู้พิทักษ์โคลเปย์สามารถเห็นสีหน้าของกลุ่มคนที่ยืนอยู่บนป้อมปราการได้ถนัดมากขึ้น

ทหารทุกนายต่างมีใบหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว เขารู้ว่าประชาชนทั้งหมดต้องมีสีหน้าไม่ต่างจากทหารเหล่านี้ เขามั่นใจว่าตัวเองจะสามารถชนะศึกครั้งนี้ได้อย่างง่ายดาย

การโจมตีในครั้งนี้อาจดูรุนแรงกว่าการทิ้งระเบิดพลังเวทย์หรือบุกทำลายตามปราสาทต่างๆแต่มันก็ยังถือเป็นการโจมตีที่ใช้พลังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องใช้พลังโจมตีมากนักอาณาเขตเล็กๆแห่งนี้ก็สามารถราบเป็นหน้ากลองได้

จากนั้นเขาก็สบตาเข้ากับคาร์ลอีกครั้ง

นี่คือจุดจบ!

ปั้งงงงงงงงงงงงงง!! เปรี้ยงงงงงงงง!!!!! บู้มมมมมมม!!!!!!!

การปะทะกับโล่ป้องกันดูรุนแรงมากขึ้น เสียงดังก้องไปทั่วบริเวณจนแก้วหูแทบแตก

“….ร..เราจะทำยังไงดี?”

หนึ่งในทหารยามหมอบตัวลงด้วยความขี้ขลาด

‘โล่กำลังจะพัง..’

นั่นคือสิ่งที่เขาคิด

สายตาของทหารนายนี้จ้องไปที่คาร์ลทันที เขามองเห็นนายน้อยมีหน้าตาซีดเซียวและดูเหมือนจะล้มลงไปกองกับพื้นได้ทุกเมื่อ หากให้พูดตามจริงในขณะนี้ทุกๆสายตาต่างจับจ้องไปที่คาร์ลอย่างพร้อมเพรียง

ในขณะที่คาร์ลเองก็เริ่มคิดบางอย่างอยู่ในใจ

‘ทางเหนือก็ดูไม่ธรรมดาเช่นกัน’

พวกเขาดูแข็งแกร่งทีเดียว

อย่างไรก็ตาม

~มนุษย์! พวกไวย์เวิร์นตัวใหญ่ก็จริงแต่ก็อ่อนแอมากเลยล่ะ..อื้ม?!..มันดูน่ารักดี~

‘มังกรก็อยู่ที่นี่เช่นกัน’

โล่ของเขาจะไม่ถูกทำลายเพราะมันถูกปกคลุมด้วยโล่ของมังกรอีกชั้นหนึ่ง

ไวย์เวิร์นจะไม่สามารถทำลายโล่ป้องกันของมังกรลงได้

‘แม้ว่าฉันจะไม่สามารถเปิดเผยตัวตนของราอนได้แต่ก็ยังใช้ความสามารถของหมอนี่ได้เช่นเดิม’

คาร์ลยังคงรักษาพลังของโล่นิรันดร์กาลต่อไปแม้ว่าจะมีเสียงดังก้องไปทั่วบริเวณ

ปั้งงงงงงงงงงงงงง!! เปรี้ยงงงงงงงง!!!!! บู้มมมมมมม!!!!!!!

ไวย์เวิร์นกระแทกตัวเข้ากับโล่หลายสิบครั้งราวกับกำลังตีกลองอยู่

“…อ่า”

ทหารที่ทรุดตัวลงไปกองกับพื้นส่งเสียงครางผ่านลำคอ

หนึ่งครั้ง! สิบครั้ง! และมากกว่าร้อยครั้ง นั่นคือจำนวนครั้งที่ไวย์เวิร์นพุ่งชนโล่ป้องกันแต่ก็ดูเหมือนจะไม่สามารถทำลายโล่ได้เลยสักครั้งและโล่ก็กำลังเปล่งแสงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ทหารนายนี้นึกถึงสิ่งที่เคานต์เดอรัชได้เอ่ยเอาไว้

‘โล่จะไม่พัง!!’

นายน้อยคาร์ลที่ดูเหมือนจะล้มไปกองกับพื้นก็ยังคงยืนนิ่งอยู่เช่นเดิม

“ฮึ!!”

อัศวินผู้พิทักษ์โคลเปย์ส่งเสียงออกมาด้วยความแปลกใจ มันแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้ ตรงข้ามกับภาพลักษณ์ที่ดูอ่อนแอของนายน้อยผู้นี้ พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณของเขากลับดูแข็งแกร่งกว่าที่โคลเปย์คาดเอาไว้

อย่างไรก็ตามไม่มีสิ่งใดมาเปลี่ยนแปลงความมั่นใจของเขาได้

ในที่สุดโล่ก็จะพังลง ทั้งยังมีสถานที่อื่นๆนอกเหนือจากโล่ป้องกันที่พวกเขาสามารถทำลายมันได้ โคลเปย์พยายามสงบสติอารมณ์ของตนก่อนจะก้มมองคาร์ลอีกครั้ง

ทันใดนั้นคาร์ลก็ค่อยๆยิ้มออกมา

ชายผู้นี้กำลังยิ้มงั้นรึ?

ทันใดนั้นโคลเปย์ก็รู้สึกว่าแผ่นหลังตัวเองกำลังเย็นขึ้นเรื่อยๆ

‘..ข้างหลัง?’

ไวย์เวิร์นสีขาวถูกบังคับให้หันหลังกลับไปทันที

ในครั้งแรกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงกลุ่มเมฆขนาดใหญ่ เขาคิดแค่ว่ามันคือก้อนเมฆสีขาวที่เคลื่อนตัวลงจากท้องฟ้าเท่านั้น

อย่างไรก็ตามเขากำลังคิดผิด

“…โครงกระดูก?”

พวกมันคือโครงกระดูก!

โครงกระดูกนับร้อย!

โครงกระดูกของสัตว์ประหลาดกำลังเคลื่อนตัวลงจากท้องฟ้าและค่อยๆกระจายตัวเต็มไปทั่วท้องฟ้า

คาร์ลยิ้มกว้างเต็มใบหน้า

“เป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลวเลยจริงๆ”

เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มของตัวเองไว้ได้

ป่าแห่งความมืด

โครงกระดูกที่เคยอยู่ในหนองน้ำสีดำค่อยๆปรากฏตัวออกมา มันเป็นเพียงโครงกระดูกเดียวที่มีสีดำสนิท โครงกระดูกสีดำที่ไม่มีโครงกระดูกอื่นๆบดบังเอาไว้เริ่มกระพือปีกเร็วขึ้นเรื่อยๆ

ท่ามกลางโครงกระดูกสีขาวนับร้อยที่ลอยอยู่กลางอากาศ โครงกระดูกขนาดใหญ่เริ่มแหวกตัวเองออกมาให้ทุกคนได้เห็น

“..นั่นมัน!!”

ดวงตาของโคลเปย์เริ่มเบิกกว้าง

มันคือมังกร!

แม่ว่ามันจะเป็นเพียงโครงกระดูกแต่มันก็มีความยาวประมาณ 20 เมตรได้ แค่มองมันก็แทบลืมวิธีการหายใจแล้ว ปีกสีดำที่มีความยาวหลายเมตรสะบัดขึ้นเหนือท้องฟ้า

มันยังคงเป็นเจ้าแห่งสรรพสัตว์แม้ว่ามันจะตายไปแล้วก็ตาม

คาร์ลมองดูโครงกระดูกมังกรที่กำลังกางปีกของตนออกกว้าง

การต่อสู้ที่ได้เปรียบตั้งแต่เริ่มต้นย่อมสร้างความบันเทิงใจให้ได้มากทีเดียว