บทที่ 251 พร้อมลงมือ

บทที่ 251 พร้อมลงมือ

“ผมไปเองก็แล้วกันครับ” เห็นทั้งหวังจื่อหมิงและติงอวิ๋นมองมายังตนเอง อู๋ฝานจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยรอยยิ้มบางบนใบหน้า

ก็เหมือนหวังจื่อหมิง อู๋ฝานไม่ได้เห็นใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับจิ้นเฉิงสักเท่าใดนัก ในเมื่อจิ้นเฉิงกล้าที่จะขึ้นสังเวียนด้วยตัวเอง ก็หมายความว่าต้องเตรียมใจรับความพ่ายแพ้ หรือไม่ก็อาจถึงขั้นถูกสังหารเอาไว้ด้วย อีกทั้งจิ้นเฉิงยังเอาชนะต่อเนื่องมาถึงสิบห้านัดแล้ว ผู้คนที่ทั้งบาดเจ็บหรือพิการจากตัวเขาก็มีไม่ใช่น้อย กระทั่งว่ามีคนตายด้วยซ้ำ ดังนั้นชะตากรรมตอนนี้ของจิ้นเฉิงจึงถือได้ว่าสวรรค์ลงทัณฑ์ก็ไม่ใช่เรื่องผิด มันไม่มีส่วนใดต้องเห็นใจ

เพียงแต่อู๋ฝานไม่ค่อยชอบกับท่าทีอหังการของไหน่ไช เพราะอีกฝ่ายมีเจตนาทรมานผู้อื่นจนเกินไป

หากไหน่ไชต่อสู้ตามปกติจนเอาชนะจิ้นเฉิงได้ เช่นนั้นมันก็ไม่มีประเด็นอะไร ทว่าสถานการณ์ตอนนี้คือจิ้นเฉิงพ่ายแพ้อย่างหมดรูปแล้ว แต่ไหน่ไชกลับไม่ยอมรามือ กระทั่งว่าจงใจทรมานทีละน้อย มันเป็นความโหดร้ายเกินจิตใจมนุษย์ปกติ นับว่าเป็นอะไรที่อู๋ฝานมองว่าไม่ควรให้อภัย

อีกทั้งท่าทีของไหน่ไชที่ไม่เห็นคนจีนในสายตา ก็เป็นอีกประเด็นที่ทำอู๋ฝานไม่พอใจ เขาเองก็เป็นคนจีน และชาวจีนก็ไม่ใช่อยู่ในตำแหน่งที่ชาวต่างชาติจะกระทำการป่าเถื่อนโหดร้ายเช่นนี้ใส่ได้!

“นายจะไป?” หวังจื่อหมิงมองทางไหน่ไชที่ยังคงโอ้อวดตนเองบนสังเวียน ก่อนจะหันมามองอู๋ฝาน สุดท้ายเขาก็ส่ายศีรษะ “อู๋ฝาน นายไม่ไปจะดีกว่า นายไม่ควรมาแสดงความสามารถในที่แบบนี้”

หวังจื่อหมิงหวังให้มีคนไปจัดการไหน่ไชก็จริง แต่เขาไม่ต้องการเห็นอู๋ฝานได้รับบาดเจ็บ ชายหนุ่มถือเป็นเพื่อนของเขาคนหนึ่ง ดังนั้นเขาย่อมเป็นห่วงอีกฝ่าย ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นผู้ฝึกตนจริงและมีกำลังเอาชนะได้ แต่ไหน่ไชก็มีความดุร้าย หวังจื่อหมิงเกรงว่าเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไหน่ไช หากขึ้นสังเวียนไปแล้ว ด้วยความดุร้ายของอีกฝ่าย มันแทบจะเป็นเรื่องยากที่อู๋ฝานจะกลับมาครบส่วน

เหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ใช่อะไรที่หวังจื่อหมิงอยากได้เห็น

“อะไรกัน ไม่เชื่อในตัวผมเหรอครับ?” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ “คนเถื่อนตัวจ้อยแค่นี้ ทำอะไรผมไม่ได้หรอกนะครับ”

การที่อู๋ฝานกล่าวเช่นนั้นย่อมต้องมีความมั่นใจพอสมควร แม้เขาไม่ทราบความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน แต่จากการที่เคยเอาชนะเฟ่ยอวิ๋นผู้เป็นยอดฝีมือขอบเขตมืด แม้ว่าจะเป็นการลอบโจมตีโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ระวังก็ตาม ทว่ามันก็เป็นสิ่งพิสูจน์ว่ากำลังของชายหนุ่มไม่ได้อ่อนด้อย

นอกจากนี้แล้ว เลเวลของอู๋ฝานในปัจจุบัน หากเทียบกับตอนที่เจอเฟ่ยอวิ๋นแล้วก้าวหน้าขึ้นมากด้วยซ้ำ ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นระดับหนึ่งในทุกสัดส่วน ทำให้อู๋ฝานมีความมั่นใจว่าตนจะสามารถเผชิญหน้ากับขอบเขตสว่างขั้นกลางเช่นไหน่ไชได้

“แต่ว่า ถ้ามันเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นล่ะ?” หวังจื่อหมิงยังไม่วางใจ

“ถ้าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น ผมก็มีความสามารถพอปกป้องตัวเองได้ครับ” อู๋ฝานตอบรับ ก่อนจะหันมองทางติงอวิ๋น “คำถามคือผู้จัดการติงสามารถจัดการให้ได้หรือเปล่า?”

“เรื่องนี้…” ติงอวิ๋นมองทางหวังจื่อหมิงด้วยสายตาลำบากใจ

“ในเมื่ออู๋ฝานมีความมั่นใจ ก็ให้เขาขึ้นไปลองต่อสู้ ถ้าเกิดอะไรผิดคาด ฉันจะเป็นคนตะโกนยอมแพ้แทนเขาเอง” หวังจื่อหมิงตอบรับ

“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะจัดการให้” ติงอวิ๋นตอบรับโดยทันที

ตอนนี้ไหน่ไชกำลังแสดงศักยภาพถึงขีดสุดออกมา ติงอวิ๋นต้องการคิดใช้โอกาสนี้ฉกฉวยสร้างผลประโยชน์

ติงอวิ๋นไม่คิดว่าอู๋ฝานจะแข็งแกร่งอะไร ในใจของเขานั้น อู๋ฝานก็เพียงแค่ทายาทรุ่นที่สองของตระกูลที่มั่งคั่งซึ่งชื่นชอบในวิชาหมัดมวย แม้เผิงหย่วนกวงจะเคยกล่าวถึงชายหนุ่มมาก่อน แต่จากรายละเอียดที่อีกฝ่ายบอก อู๋ฝานเป็นเพียงมวยทั่วไป ลำพังแค่จิ้นเฉิงก็ไม่น่าเอาชนะได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับไหน่ไชที่สามารถจัดการจิ้นเฉิง

ดังนั้นแล้วติงอวิ๋นจึงคิดว่าอู๋ฝานเพียงแค่รู้สึกถูกกระตุ้น ถ้าปกติคนที่เล่นกับอีกฝ่าย ปล่อยให้เขาได้เปรียบ ทำให้เขามีความมั่นใจผิดเพี้ยนในกำลังของตนเอง จนกล้าที่จะท้าทายไหน่ไชขึ้นมา

“ต้องตั้งแต้มต่อเดิมพันข้างอู๋ฝานให้สูงด้วย ไม่งั้นคงไม่มีใครอยากวางเดิมพันว่าเขาจะชนะแน่” ติงอวิ๋นครุ่นคิดอยู่ในใจ

หลังได้เห็นไหน่ไชพิฆาตจิ้นเฉิงในชั่ววินาที หลายคนในที่นี้จึงต้องจัดลำดับความแข็งแกร่งของไหน่ไชเสียใหม่ ส่วนอู๋ฝาน คนที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรเลย ไม่มีใครทราบว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน ปกติแล้วคนที่วางเดิมพันย่อมไม่มีความมั่นใจพอที่จะเชื่อมั่น ดังนั้นเพื่อหาทางทำเงิน ติงอวิ๋นจึงเตรียมตั้งแต้มต่อให้อู๋ฝานสูงขึ้นกว่าปกติ เพื่อที่จะได้เกิดสมดุลทางการเดิมพัน ทำให้มีคนอยากที่จะลองเสี่ยงเดิมพันดู

“พี่หวัง อยากได้เงินที่เดิมพันก่อนหน้านี้คืนมาไหมครับ?” หลังติงอวิ๋นออกไปแล้ว อู๋ฝานก็เอ่ยกับหวังจื่อหมิง

“ก็แค่หนึ่งล้าน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” หวังจื่อหมิงตอบกลับ “ฉันหวังแค่ว่าจะไม่เกิดอุบัติเหตุอะไรกับนายก็พอ”

“ไม่ต้องห่วงครับ จะไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น” อู๋ฝานตอบรับ “ถ้าพี่หวังเชื่อใจผม ก็เดิมพันข้างผมชนะ ไม่ว่าแต้มต่อจะเป็นเท่าไหร่ก็ไม่ต้องสนใจ และช่วยผมวางเดิมพันสักสองล้านด้วยก็แล้วกันนะครับ”

“มั่นใจขนาดนั้นเลย?” หวังจื่อหมิงเอ่ยถาม

“แน่นอนครับ!” อู๋ฝานเผยความมั่นใจตอบรับ

“ก็ได้ ฉันเชื่อนายก็แล้วกัน” หวังจื่อหมิงตอบกลับ

ภายในโถงใหญ่ ไหน่ไชยังคงทรมานจิ้นเฉิงต่อไป ขณะนี้ผู้ซึ่งถูกทรมาณนั้นแทบจะถึงขั้นจดจำสภาพไม่ได้แล้ว

“ลุกขึ้นมา ไอ้ขยะเปียก!”

“ลุกขึ้นจิ้นเฉิง! ฉันวางเดิมพันข้างแกไปเป็นแสน จะมาแพ้แบบนี้ไม่ได้นะโว้ย!”

“เล่นงานมันกลับเดี๋ยวนี้ ฉันวางเดิมพันไว้ตั้งสองแสน จิ้นเฉิง ไอ้ขยะเปียก!”

บรรดาผู้คนที่ตื่นตะลึงเพราะความแข็งแกร่งของไหน่ไชก่อนหน้านี้ ปัจจุบันเริ่มมีอาการตอบสนองแล้ว ทว่าหลังพวกเขารู้สึกตัว แทนที่จะสบถประณามไหน่ไช พวกเขากลับก่นด่าจิ้นเฉิง เพราะพวกเขาต่างก็วางเดิมพันข้างจิ้นเฉิง แต่ผลลัพธ์ที่ออกมา จิ้นเฉิงกลับพ่ายแพ้อย่างหมดสภาพ พวกเขาไม่อาจยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นได้ พวกเขาไม่อยากเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์!

และการตอบสนองอันน่าเหยียดหยามเช่นนี้ กลับยิ่งทำไหน่ไชเผยสีหน้านึกดูแคลนและรังเกียจออกมา

ติงอวิ๋นเดินเข้ามา พร้อมกับมองทางไหน่ไชและกล่าว “คุณไหน่ไช พวกเรามีผู้เล่นใหม่ต้องการท้าทายคุณครับ เลยอยากจะถามว่าพร้อมรับคำท้าไหม?”

เพราะไหน่ไชได้สู้ไปแล้วหนึ่งแมตช์ แม้ว่าดูจะเป็นชัยชนะที่แทบไม่เสียเรี่ยวแรงอะไร แต่หากต้องการให้สู้แมตช์ที่สอง มันก็ยังจำเป็นต้องถามความเห็นชอบของอีกฝ่าย

“ใครหน้าไหนมันไม่กลัวตาย? ใครกัน?” ไหน่ไชลุกขึ้นยืนมองตอบติงอวิ๋น

“ฉันเอง!” ตอนนี้ที่อู๋ฝานก้าวเดินตามมา สายตามองไหน่ไชอย่างเฉยชาเป็นการตอบรับ

ไหน่ไชมองอู๋ฝานตั้งแต่หัวจรดเท้า สีหน้าที่แสดงออกชัดว่ารังเกียจ “ประเทศจีนไม่เหลือคนมีฝีมือแล้วหรือยังไง? ให้ไอ้ไก่อ่อนอย่างนี้มาท้าทายฉันเนี่ยนะ? กับคนอย่างมัน แค่ขึ้นมาก็ล้มลงไปกองกับพื้นแล้ว”

“ใครเป็นไก่อ่อน ไว้สู้ก่อนแล้วก็ได้รู้กัน” อู๋ฝานตอบรับ

“ถอยกลับไป อย่ามาทำให้ที่นี่ต้องอับอาย!”

“นายเป็นใคร อย่าขึ้นไป! ไม่งั้นจะทำคนอื่นคิดไปว่าแผ่นดินจีนของพวกเราไม่มียอดฝีมืออื่นอีก มีแต่จะทำพวกเราเสื่อมเสีย!”

“พูดจาอะไรไร้สาระ คนอย่างนายไม่คู่ควรได้ขึ้นสังเวียน กลับไปซะ!”

ไม่ใช่มีเพียงแค่ไหน่ไชที่ดูแคลนอู๋ฝาน แต่บรรดาผู้ชมในที่นี้ พวกเขาต่างไม่เห็นอู๋ฝานในสายตาเลยด้วยซ้ำ เพราะแม้ว่าร่างกายอีกฝ่ายจะสมส่วนได้รูป แต่หากเทียบเปรียบกับไหน่ไชและจิ้นเฉิง กลับกลายเป็นว่าเขาผอมบางและอ่อนแอ ไม่ว่าใครมองก็ให้ความรู้สึกว่าไร้เรี่ยวแรง ดังนั้นผู้ชมในที่นี้ จึงไม่เชื่อในตัวเขา มองว่าอย่างไรก็ต้องพ่ายแพ้

อู๋ฝานพ่ายแพ้ มันไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาต้องสนใจ เพียงแต่พวกเขาไม่คิดเปิดโอกาสให้ไหน่ไชเย้ยหยันแผ่นดินจีนมากไปกว่านี้ ไม่งั้นมันจะยิ่งทำให้ไหน่ไชมองว่าชาวจีนไม่มีน้ำยา!