ตอนที่ 200 อยากได้คนนี้มาเป็นภรรยา

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

ตอนที่ 200 อยากได้คนนี้มาเป็นภรรยา
เจินเหิงยืนก้มหน้าเขินอายอยู่ข้างๆ เจินซื่อเฉิงพอได้ยินเสียงนุ่มนวลจึงลืมตาขึ้นเล็กน้อย

วินาทีนั้น เจินเหิงเกิดความรู้สึกประหนึ่งเหมือนกับถูกฟ้าผ่า เขาจ้องหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามานิ่งราวกับสติได้หลุดออกไปแล้ว

นี่ นี่มันคนที่พบวันนั้นนี่…

เพียงก้าวข้ามประตู สายตาร้อนผ่าวนั่นก็ทำให้เจียงซื่อไม่สามารถมองข้ามมันไปได้ นางใช้หางตากวาดมองที่มาของสายตา รอยยิ้มจางๆ ตรงริมฝีปากชะงัก พลันมีความรู้สึกอยากจะวิ่งหนีออกไป คนที่นางพบเจอในวันที่นางกระโดดลงจากต้นไม้ มาปรากฏตัวอยู่ที่เรือนของนางได้อย่างไร

เสียงหัวเราะกังวานของเจินซื่อเฉิงดังขึ้น “คุณหนูเจียง เราได้พบกันอีกแล้ว”

เจียงซื่อสงบสติอาการพร้อมกับเดินเข้าไปน้อมทักทายเจียงอันเฉิงกับเจินซื่อเฉิง แต่สายตากลับตกอยู่ที่เจินเหิงอย่างห้ามไม่อยู่

เจินซื่อเฉิงแอบมองปฏิกิริยาการตอบสนองของบุตรชาย

ลูกคนนี้ไม่สนใจข้อเสนอแนะนำของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่รู้ว่าตอนนี้มีความคิดอย่างไร ตอนนี้เจินเหิงไม่มีความคิดอะไรทั้งนั้น ในสมองมีแต่ภาพของการพบโดยบังเอิญในวันนั้นสลับไปสลับมา

ภาพจำว่าหญิงสาวผมยาวดำเงาที่ตกมาจากฟ้าคือปีศาจค่อยๆ ถูกทำลายลง ที่แท้นางคือคุณหนูแห่งจวนตงผิงปั๋ว ไม่ใช่ปีศาจในป่าอย่างที่เขาคิด เมื่อเข้าใจเรื่องนี้แล้ว เขาไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ติ่งหูอันขาวสะอาดของหนุ่มน้อยพลันแดงระเรื่อ

เจินซื่อเฉิงเห็นปฏิกิริยาของลูกชาย ความโกรธที่อยู่ในใจ… ร้ายนักลูกคนนี้ ต่อหน้าพ่อแสดงอาการเหมือนจะไปบวชเป็นพระ ตอนนี้เหลือเพียงปล่อยให้น้ำลายไหลออกมา ช่างทำให้ขายหน้าเสียจริง!

แค่กๆ เจินซื่อเฉิงไอเสียงดังสองที

เจินเหิงเหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์ เขาก้มหัวลงต่ำกว่าเดิมอย่างรวดเร็ว แต่ความร้อนบนใบหน้ากลับไม่บรรเทาลง เขาถึงกับไม่รู้ว่าจะวางมือไว้ตรงไหน และไม่กล้ามองหญิงสาวอีก เพียงตั้งหูตรงและฟังนางพูด เสียงพูดของหญิงสาวเบาและนุ่มนวล น้ำเสียงที่สนทนากับพ่อนั้นดูคุ้นเคย ไม่มีความไม่ธรรมชาติเลยแม้แต่น้อย เจินเหิงเงี่ยหูฟังเงียบๆ พลันมีความคิดคลุมเครือเกิดขึ้นภายในใจ แท้จริงแล้ว ในบางครั้งท่านพ่อก็มีเวลาที่ให้น่าเชื่อถืออยู่บ้างเช่นกัน

เมื่อความคิดนี้เกิดขึ้น ติ่งหูของเขาแดงกว่าเดิม พลางด่าทอตนเองในใจว่าไม่ได้เรื่อง

สภาพเขาเช่นนี้ถูกนางเห็นเข้า คงเยาะเย้ยเขาแล้วล่ะสิ

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เจินเหิงแอบมองเจียงซื่อหนึ่งที

เจียงซื่อไม่ได้มองมาทางเจินเหิง

แม้ว่าคนนี้พบเห็นตอนที่นางกระโดดลงจากต้นไม้จนเกิดความรู้สึกทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง แต่มันก็เท่านั้น นางกับเขา อย่างไรเสียก็เป็นเพียงคนแปลกหน้า แล้วตอนนี้นางไม่สนใจความคิดของคนแปลกหน้าสักเท่าไหร่ เมื่อชาติที่แล้ว เพราะนางสนใจความคิดของผู้อื่นมากเกินไป ถึงได้มีชีวิตที่เหน็ดเหนื่อยมาก ความจอมปลอมเช่นนั้น สุดท้ายก็ทำให้นางต้องได้รับบทเรียนแสนแพง

ตรงประตูมีเสียงพูดดังขึ้นอีกครั้ง “ได้ยินว่าใต้เท้าเจินมาหา ข้ามิได้ออกไปต้อนรับ ใต้เท้าเจินโปรดอย่าถือโทษเลยนะขอรับ”

นายท่านรองเจียงเดินเข้ามาด้วยฝีเท้าที่มากับลม

เจินซื่อเฉิงขมวดคิ้วทันทีทันใด… เขาพาบุตรชายมาแอบดูว่าที่ลูกสะใภ้ คนนี้มาเพิ่มความวุ่นวายอะไร! แม้จะคิดเช่นนี้ ใบหน้าของเจินซื่อเฉิงไม่มีแม้ความปลี่ยนแปลง แต่กลับทักทายกับนายท่านรองเจียงอย่างสุภาพ

นายท่านรองเจียงรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเจียงซื่ออยู่ที่นี่ด้วย “ซื่อเอ๋อร์ก็อยู่ด้วยรึ”

เจียงซื่อยังไม่ทันตอบ เจินซื่อเฉิงก็กล่าว “ข้ามาขอบคุณคุณหนูเจียงน่ะ”

“ขอบคุณซื่อเอ๋อร์?” นายท่านรองเจียงขี้สงสัยจึงถามเจินซื่อเฉิงต่อพร้อมกับมองไปยังเจียงอันเฉิง

เจียงอันเฉิงกดความได้ใจลงไปแล้วพูดกับเจียงซื่อ “ผู้ใหญ่คุยกัน เจ้าออกไปก่อนแล้วกัน”

เจียงซื่อย่อเข่า “ใต้เท้าจิน ท่านพ่อ ท่านอา ข้าขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”

เจินซื่อเฉิงปัดมือยิ้มและกล่าว “ต่อไปคุณหนูเจียงเรียกข้าว่าท่านลุงเจินเถอะ เรียกใต้เท้าเจินดูห่างเหินเกินไป”

สายตาของนายท่านรองเจียงพลันมีความตะลึงตกใจแล่นผ่านไป ซื่อเอ๋อร์ไปทำสิ่งใดมา เหตุใดถึงทำให้ขุนนางชั้นสามปฏิบัติด้วยพิเศษถึงเพียงนี้ ให้เรียกท่านลุง…นี่หมายความว่าจะสานสัมพันธ์กับพี่ใหญ่?

เจียงซื่อคิดไม่ถึงว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงได้ถึงเพียงนี้ นางยิ้มและย่อตัวทำความเคารพต่อเจินซื่อเฉิง “ท่านลุงเจิน”

เมื่อชาติที่แล้ว ท่านพ่อถูกขับไล่ออกจากตระกูลจนตกอับ ท่านอารองสืบทอดตำแหน่ง ยังคงเป็นเรื่องที่เหมือนดาบคมที่ห้อยอยู่ในใจนาง นางแทบไม่กล้าลืมแม้เสี้ยวนาที

หากว่าท่านพ่อสามารถตีสนิทกับใต้เท้าเจินได้ก็มีแต่ผลดีอย่างไม่มีข้อสงสัย ส่วนนางก็รู้สึกเคารพในตัวและความสามารถของใต้เท้าเจินอย่างแท้จริง คำว่า ‘ท่านลุงเจิน’ คำนี้นางจึงเต็มใจเรียกมาก

เจินซื่อเฉิงเป็นคนฉลาดมากแค่ไหน เขาฟังความเต็มใจนั้นออกอยู่แล้ว จึงยิ้มกว้างและกล่าวกับเจียงอันเฉิง “น้องเจียง บุตรสาวของเจ้าช่างดีเสียจริง ข้านั้นชื่นชมยิ่งนัก”

เจียงอันเฉิงรีบกล่าวอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว “ที่ไหนกันๆ เด็กคนนี้รู้ผิดชอบตามวัยมากกว่าใครก็เท่านั้น”

เจินซื่อเฉิงพลันเกิดความรู้สึกเข้าอกเข้าใจ “เป็นเช่นนั้นจริงๆ…”

ทั้งสองคนเริ่มต่างคนต่างกล่าวถึงความไม่ได้เรื่องของบุตรชายของตน และยิ่งพูดก็ยิ่งเข้ากันได้ดี จนนายท่านรองเจียงถูกละเลยไปโดยปริยาย

เจินเหิงยิ่งฟังยิ่งกดดัน ไม่ว่าจะเป็นบิดาของตนหรือบิดาของคุณหนูเจียง ต่างก็ไม่ได้รู้สึกดีกับบุตรชายตัวเองสักเท่าไหร่… เขาเงยหน้าขึ้นมองร่างของหญิงสาว แต่กลับพบว่าฝ่ายตรงข้ามได้ออกไปแล้ว ซึ่งไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

พอออกจากจวนตงผิงปั๋ว ระหว่างทางกลับ เจินเหิงอยากพูดแต่ไม่ยอมพูดตลอดทาง

เจินซื่อเฉิงมีสายตาที่แหลมคม แต่เขากลับไม่สนใจบุตรชาย

หึ ก่อนหน้านี้ปฏิเสธครั้งแล้วเล่าครั้งเล่า ตอนนี้เกิดใจเต้นขึ้นมา อยากจะพูดอะไรก็อั้นไว้อย่างนั้นล่ะ เพราะเขาเองไม่ได้รีบร้อนอะไร

หลังจากที่กลับมาถึงจวนของศาลาว่าการพระนคร กำลังจะแยกจากกัน เจินเหิงทนต่อไม่ไหวจึงเอ่ย “ท่านพ่อ…”

“หืม?” เจินซื่อเฉิงเหล่ตามองบุตรชายที่หน้าแดง และเขาก็ไม่ยอมพูดมากกว่าหนึ่งคำ

วันนี้ข้าจะสั่งสอนลูกไม่รักดีว่าสิ่งใดที่เรียกว่าความโชคดีจะไม่เกิดขึ้นกับเจ้าเสมอไป!

เจินเหิงอดทนกับใบหน้าที่ร้อนผ่าว พร้อมกับพยายามแสดงท่าทางว่าตนนั้นสงบดี “คุณหนูที่ได้พบในวันนี้ คือคนที่ท่านพ่อเคยกล่าวชมไม่หยุดหรือขอรับ”

“ชมไม่หยุด?” เจินซื่อเฉิงกล่าวเหมือนประหลาดใจ “คงไม่กระมัง ข้าเคยชมหญิงสาวไม่หยุดเมื่อไหร่กัน”

ริมฝีปากของเจินเหิงกระตุก

สักวันหนึ่งในไม่ช้าและไม่เร็ว เขาต้องตีตาแก่ตรงหน้านี้สักครั้งแน่ๆ

“เอ่อ ว่าแต่ พ่อรู้สึกว่าอาซีเด็กคนนั้นไม่เลว เคยชมนางไม่หยุดอยู่หลายครั้ง เจ้าหมายถึงนางหรือ”

อาซีคือนักชันสูตรศพหญิงที่เป็นลูกน้องของเจินซื่อเฉิง เพราะนางเป็นสตรีอายุน้อย คนรอบข้างของเจินซื่อเฉิงจึงไม่มีใครไม่รู้จัก

สีหน้าของเจินเหิงพลันคล้ำเขียวลงทันที

นี่เขาคือพ่อแท้ๆ ของตนอยู่หรือไม่ ในที่สุดก็สบโอกาสสักทีสินะ จัดการเขาเต็มที่ขนาดนี้เชียวหรือ

เมื่อเจินซื่อเฉิงเผยรอยยิ้มประหนึ่งสุนัขจิ้งจอกเฒ่า เจินเหิงก้มหัวยอมรับชะตาชีวิต “ก็…เมื่อหลายวันก่อนท่านพ่อเคยบอกว่าได้มองหญิงสาวไว้คนหนึ่ง…”

อยากให้เขาพากลับมาแต่งงานด้วย!

เจินซื่อเฉิงพลันเข้าใจแจ่มแจ้ง “อ่อ ใช่ แต่ตอนนี้พ่อคิดว่าการทำอะไรโดยฝืนมักได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดี ดอกไม้มาอย่างฝืนทนก็มักจะไม่หอม เรื่องนี้ช่างมันเถอะ…”

เจินเหิงมองหน้าเจินซื่อเฉิงด้วยแววตาปริบๆ เหลือเพียงกล่าวออกไปว่าเขาไม่รักษาคำพูด

เจินซื่อเฉิงจับเคราด้วยท่าทางนิ่ง “พ่อมีธุระอื่น ขอกลับห้องหนังสือก่อนล่ะ”

ในเมื่อบุตรชายเริ่มร้อนใจ งั้นเขาไม่ต้องรีบแล้ว อย่างไรก็ตามใครที่อยากแต่งภรรยา คนนั้นนั่นล่ะที่จะใจร้อน แต่เจ้าลูกคนนี้ช่างเป็นคนตื้นเขินเสียจริง เขาพูดตั้งหลายครั้งกลับไม่สนใจ พอได้เจอเพียงครั้งเดียวถึงกับใจร้อนวูบวาบ เห็นได้ว่าสนใจในความงามของหญิงสาวล้วนๆ

เมื่อเห็นท่านพ่อกำลังจะเดินจากไปอย่างโหดร้าย เจินเหิงทนต่อไปไม่ไหวจึงกล่าว “ท่านพ่อ เรื่องนั้น…ไม่ถือว่าฝืนขอรับ…”

เจินซื่อเฉิงมองเจินเหิงนิ่ง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยถาม “อยากได้คนนี้มาเป็นภรรยา?”

เจินเหิงหน้าแดงและพยักหน้า “อยากได้ขอรับ”

นิยายเรื่องนี้จะหยุดอัพแค่ตอนนี้นะคะเรื่องจากแอดมินคนอัพไม่อยู่แล้ว