“กัดเธอ? ฉันไม่มีทางเอาปากของฉันไปใกล้อะไรก็ตามที่โสโครกแบบเธอหรอกนะ” เจย์ยักคิ้วอย่างยียวน
เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้หมุนที่บุด้วยหนังสีดำและเดินเข้าใกล้โรสทีละก้าวๆ เขาเหยียดตามองโรสด้วยความยะโสจากความสูง185ซม.ของเขา
“เอาล่ะ โรส เธอจะชดใช้สิ่งที่เธอทำกับฉันเมื่อห้าปีก่อนยังไงดีล่ะ?” เจย์กล่าวอย่างน่าขนลุก
ความทรงจำของคืนนั้นยังคงแจ่มชัดในหัวของโรส ห้าปีที่แล้ว ด้วยความกล้าหาญบางส่วนที่มาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ ทำให้เธอ…
เธอวางยาเขา จากนั้นเธอก็…
“ฉ-ฉันจ่ายค่าชดเชยให้นายไปแล้ว!” โรสพยายามแบบสุด ๆ ที่จะโน้มน้าวเศรษฐีผู้นี้
กลิ่นอายของความหงุดหงิดเริ่มปรากฏขึ้นบนสีหน้าอันมืดมนของเจย์
“เอาเป็นฉันจ่ายคืนให้เธอสิบเท่าเลย แต่เธอต้องไปนอนกับผู้ชายคนอื่นเป็นไง หืม?” เจย์เอื้อมมือออกไปคว้าแก้มน้อยๆของเธอ ความโกรธของเขาเป็นเหมือนราชสีห์ที่ยังไม่ถูกปลุก มันพร้อมที่จะเข้าตะครุบเหยื่อได้ตลอดเวลา
โรสสังเกตเห็นประกายสีแดงฉานในตาของเขา ชายคนนี้ดูเหมือนนักล่าที่ทำให้เธอตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว
“นายต้องการอะไร?”
มือของเจย์เลื่อลงไปที่คอเสื้อของเธอไปก่อนที่เขาจะกระชากเดรสที่ทำจากผ้าฝ้ายลินินอย่างแรง เสียงฉีกขาดของเนื้อผ้าพลันดังออกมา
“โรส จำตอนที่เธอฉีกหน้าฉันครั้งก่อนได้ไหม? วันนี้ฉันจะคืนให้เธอเป็นสองเท่าที่เธอทำกับฉัน” เสียงกระซิบอันชั่วร้ายของเขาดังขึ้นข้างหูของเธอ “บอกฉันสิ เธอชอบผู้ชายแบบไหน? ฉันจะได้แน่ใจว่าเธอจะพอใจ แล้วถ้าคนเดียวยังไม่พอล่ะก็ ฉันจะเพิ่มให้เป็นสองเลย”
โรสรู้สึกว่าทุกอณูในร่างกายของเธอจับตัวเป็นน้ำแข็งจากความโกรธอันเย็นยะเยือกของเจย์ ทุก ๆ คำที่เขาเปล่งออกมาล้วนเต็มไปด้วยความยินดีจากการได้ชำระแค้นและให้ความรู้สึกเหมือนมีดที่เชือดเฉือนผิวหนังของเธอ
“ฉันอยากให้เธอลิ้มรสว่ามันรู้สึกยังไงเวลาที่ต้องมีเซ็กส์กับคนที่เธอเกลียด! โรส เธอกล้าดียังไงมาปั่นหัวฉัน! ฉันจะแสดงให้เธอเห็นว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่กล้าทำเหมือนฉันเป็นของเล่น!”
โรสถูกเหวี่ยงลงบนโซฟา จากนั้นร่างสูงใหญ่ของเจย์ก็กดร่างของเธอไว้ เขาบีบแก้มของเธอแล้วบังคับให้เธอมองมาที่เขา
เขาหยิบมีดปอกผลไม้ที่อยู่ข้างๆขึ้นมาถือไว้ด้วยท่าทางที่น่ากลัวใกล้ใบหน้าของเธอ
“ฉันไม่อยากเห็นหน้าของเธออีก เพราะมันทำให้ฉันแทบอยากจะอาเจียน ฉันจะทำลายหน้าของเธอซะ แล้วโยนเธอเข้าไปในซ่อง เธอจะไม่มีทางเห็นแสงเดือนแสงตะวันอีก”
สายตาชั่วร้ายมองผ่านมาจากใบหน้าของเขา “ฉันจะทำให้เธอรู้สึกสิ้นหวังแบบที่ฉันเคยรู้สึก”
ใบมีดค่อยๆกรีดผ่านผิวหนังของเธอทีละน้อยๆ โรสรู้สึกถึงเจ็บปวดอย่างมากบนใบหน้าของเธอ
โรสจ้องมองเจย์ด้วยความรู้สึกเปล่าเปลี่ยว เธอยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “นายเกลียดฉันขนาดนี้เลยสินะ?” เธอกระซิบ
แค่ท่าทางรังเกียจของเขาก็เกินพอแล้วที่จะตอบคำถามนี้
โรสปิดตาลงด้วยความยินยอม
ช่างมันปะไร! ถ้านี่คือชะตาที่เธอต้องพบ งั้นก็ปล่อยให้มันเป็นไป
ในขณะที่โรสกำลังรอคอยความตายที่ไม่อาจเลี่ยง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ริงโทนที่ดังขึ้นเป็นเพลงแมงมุมแดงลิลลี่ มันถูกร้องโดยแองเจลีน เซเวียร์ เสียงของเธอช่างงดงามและชวนฝัน
ทั้งโรสและเจย์ต่างหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาโดยไม่รู้ตัวพร้อมกัน เจย์แสดงท่าทางเหยียดหยัน “โทรศัพท์ฉันดัง ทำไมเธอถึงคิดว่าเป็นของเธอ?”
โรสตกตะลึง ‘ทำไมเจย์ถึงตั้งเพลง Red Spider Lily ของแองเจลีนเป็นเสียงริงโทนของเขากันล่ะ?”
ในชีวิตที่แล้วของเธอ ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เธอร้องเพลง Red Spider Lily คือที่งานเลี้ยงจบการศึกษาของมหาวิทยาลัยของเธอ และมันก็บันทึกไว้ในเว็บของมหาวิทยาลัยที่เดียวเท่านั้น นี่เขาดาวน์โหลดมันมาจากที่นั่นงั้นเหรอ?”
เจย์หยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาแต่บนหน้าจอกลับมืดสนิท
เจย์อ้าปากค้าง เขามองไปที่โรสด้วยความไม่เชื่อ
“อะไรเนี่ย นี่แม้แต่ริงโทนเธอก็ขโมยเหรอ?” เจย์แค่นเสียง ใบหน้าของเขาแผ่ความโกรธเกรี้ยวออกมา
โรสพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
ตลอดมา เพลง ๆ นี้มันเป็นของเธอ ถ้าใครสักคนจะขโมยมันไป มันก็คือเจย์นี่แหละ
โทรศัพท์ยังคงดังอยู่อย่างนั้น เจย์ตะคอกด้วยความใจร้อน “รับโทรศัพท์เดี๋ยวนี้!”
โรสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา และเห็นว่า “สุดที่รักตัวน้อย” พยายามจะโทรหาเธอ ในตอนนั้นเอง โรสกังวลสุดขีดจนเผลอทำโทรศัพท์หลุดจากมือจนมันตกลงไปบนพื้น
เธอตกใจมากและพยายามก้มเก็บโทรศัพท์แต่ทว่าเจย์ใช้มือข้างหนึ่งหยิบมันไปก่อนเธอเสียแล้ว
“สุดที่รักตัวน้อย?”
เมื่อเจย์อ่านชื่อของคนที่โทรเข้ามา เจย์พลันเหยียดยิ้มขึ้นอย่างเย้ยหยัน
โรสกระวนกระวายมากว่าร่างกายของเธอจะแข็งเหมือนสายธนูที่ถูกดึงจนตึง
เธอกลัวว่าเจย์จะรับโทรศัพท์แล้วรู้ถึงการมีตัวตนของลูกชายอีกคนของเขา ร็อบบี้
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เจย์รับโทรศัพท์โดยไม่ลังเล
โรสตอบสนองอย่างรวดเร็ว เธอพุ่งเข้าใส่เจย์เหมือนลูกกระสุนปืนใหญ่และชนเข้ากับเขา เธอฉกโทรศัพท์มาแล้วตะโกนใส่ร็อบบี้ที่อยู่ปลายสายอย่างเร่งรีบ “ช่วยด้วย!” จากนั้นเธอก็วางสายด้วยความเร็วสูงที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้
เจย์ผลักเธอออกไป ปัดและจัดเสื้อผ้าที่ยับ ก่อนจะนั่งจ๋อมลงที่โซฟาด้วยการวางท่าอย่างผู้ดี
“ร้องขอความช่วยเหลือ?” น้ำเสียงของเขาสว่างใสแต่เต็มไปด้วยการถากถาง “ฉันคาดหวังว่าจะพบกับสุดที่รักตัวน้อยคนนี้ของเธอนะ บางทีเขาอาจจะช่วยเธอจากฉันด้วยหัวทั้งสามกับแขนหกข้างของเขา!”
โรสกระพริบตาถี่ด้วยความทุกข์ใจ เธอกำลังสงสัยว่าร็อบบี้น้อยของเธอจะกำลังสติแตกหลังจากที่ได้ยินเธอร้องขอความช่วยเหลือ
เขาจะเลือกโทรหาตำรวจรึเปล่านะ?
ถ้าเขารู้ว่าแม่ของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย เขาจะดูแลเซ็ตตี้ได้รึเปล่า?
ยังไงก็ตาม นั่นเป็นเรื่องของพวกเขาทั้งสองคน!
“โรส ฉันให้เวลาเธอหนึ่งวัน เพื่อให้คนรักของเธอมาช่วย” เจย์โพล่งขึ้น “ถ้าพวกเธอหนีจากคนที่เก่งที่สุดของฉันห้าคนได้ ฉันจะปล่อยพวกเธอไป ถ้าไม่งั้นล่ะก็…” ดวงตาของเจย์ลุกโชนไปด้วยไฟแห่่งการชำระแค้น
โรสตัวสั่นและเสียงของเธอก็สั่นเครือด้วยความกลัว “ไม่งั้นอะไร?”
“ไม่งั้นเธอทั้งคู่จะได้ลงนรกด้วยกัน” เจย์คำรามอย่างป่าเถื่อน
เจย์หยิบมีดปอกผลไม้บนพื้นขึ้นมา พื้นผิวสะท้อนแสงของมันฉายลำแสงเย็นๆบนหน้าของโรส บนใบมีดมีคราบเลือดแห้งๆจากใบหน้าของเธอติดอยู่ เจย์เดินเข้าไปหาโรสอย่างมุ่งมั่น พร้อมมีดในมือ
โรสปิดหน้าของเธอแล้วร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง
“เจย์ ถ้านายฆ่าฉัน ลูกของเราจะเกลียดนายตลอดไป!”
มีดปอกผลไม้ที่เจบ์ถือพลันตกลงบนพื้นเสียงดัง ทันใดนั้น เสียงของเจนสันก็ดังสะท้อนอยู่ในหัวของเขาซ้ำไปซ้ำมา “ผมอยากมีแม่! ผมอยากมีแม่!”
เจนสันไม่ใช่เด็กที่ช่างพูดเลยในหลายปีที่ผ่านมา แต่สามในห้าครั้งที่เขาเปิดปากพูด ก็คือคำพูดที่เขากำลังได้ยินในหัวตอนนี้ ในบางครั้งเขาถึงกับละเมอพูดคำนี้ออกมาในเวลาที่เขาหลับด้วย
เมื่อความทรงจำเข้าท่วมหัวของเจย์ เขาก็ปามีดออกไปข้าง ๆ ด้วยความหงุดหงิด แต่ความโกรธที่ปะทุขึ้นในตัวเขาไม่ลดลงเลย
“เธอกล้าดียังไงเรียกตัวว่าเป็นแม่ของเขา?” เขาแค่นเสียง “เธอทำอะไรเพื่อเขาบ้างในเวลาห้าปีที่ผ่านมา?”
หยดน้ำใสๆเริ่มไหลออกมาจากดวงตาของโรส การกล่าวหาของเจย์ฉีกหัวใจเธอเป็นชิ้นๆ “ไม่มีแม่คนไหนในโลกที่จะทอดทิ้งลูกของตัวเอง” เธอสะอื้น “ถ้ามันไม่ใช่เพราะเหตุจำเป็น ฉันคงกลับมาหาเขาตั้งนานแล้ว!”
แต่นั่นไม่ได้ดับความโกรธของเขาเลย “เธอมันก็แค่ยัยโง่โลภมากและขี้ขลาด” เขาคำราม
เธออยากจะเถียงเขาเรื่องนี้แทบขาดใจ เธอต้องตัดสินใจเลือกสิ่งที่น่าเศร้าอย่างการทอดทิ้งลูกคนแรก เพื่อให้ทารกน้อยอีกสองคนมีอนาคตที่ดี มากไปกว่านั้น เธอรู้ดีว่าลูกคนโตของเธอจะถูกเลี้ยงดูเป็นอย่างดีหากเขาอยู่ในตระกูลอาเรส
ยังไงก็ตาม นั่นเป็นความขับข้องใจที่เธอไม่สามารถบอกใครได้
“ใช่ ฉันมันเป็นยัยโง่” โรสโอดครวญ เธอต้องเก็บศักดิ์ศรีของเธอและอดทนต่อความอัปยศเพื่อให้รักษาชีวิตไว้