บทที่ 174 มารดาแห่งดวงอาทิตย์ซีเหอ

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

“หมายความว่าอย่างไรกัน?”

หลังจากได้ยินคำตอบของเจียงหลาน ไป๋ชิวหรานถามกลับด้วยความประหลาดใจ

“ฐานะทางปุโรหิตของเทพเจ้าจะถูกยึดไปซึ่งหน้าด้วยวิธีนี้เลยหรือ?”

“ใช่แล้ว”

เจียงหลานอธิบาย

“เทพเจ้าเช่นเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษยิ่ง ครอบครองทั้งฐานะทางปุโรหิตอันเป็นชีวิตธรรมดาสามัญ และครอบครองฐานะทางปุโรหิตที่เป็นลักษณะเฉพาะ ซึ่งมันสามารถถูกแทนที่ได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง”

นางใช้นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือบีบปลายคางขาวผ่องของตนเบา ๆ ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วจึงอธิบายต่อไป

“เช่นเดียวกันกับจักรพรรดิสวรรค์รุ่นก่อนหน้า เคยมีจักรพรรดิสวรรค์องค์หนึ่งเสด็จขึ้นครองบัลลังก์ นามว่าตี้จวิน ไม่มีผู้ใดตรวจสอบได้ว่าฐานะปุโรหิตเดิมของเขาคืออะไรแน่ ทว่าช่วงระยะเวลาอันยาวนานที่ครองราชย์ในฐานะจักรพรรดิสวรรค์ ได้จัดพิธีสมรสขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทรงมีจักรพรรดินีกับโอรสธิดาหลายคน ทำให้ได้รับพลังทรงอานุภาพมากมาย ยกตัวอย่างเช่น พิธีสมรสครั้งโด่งดังที่สุดของเขากับมารดาแห่งดวงอาทิตย์ ‘ซีเหอ’ และมารดาแห่งดวงจันทร์ ‘ฉางซี’ ดังนั้นเทพธิดาทั้งสองนี้จึงให้กำเนิดบุตรเป็นอีกาทองสามขาเป็นดวงอาทิตย์หนึ่งองค์ และดวงจันทร์สิบสององค์เรียงตามลำดับ ตอนนี้เทพดวงจันทร์คือวั่งชู แต่อีกาทองสามขายังคงเป็นเทพดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า ส่วนจักรพรรดิตี้จวินก็ได้รับอำนาจจากทั้งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ทำให้พลังอำนาจอยู่เหนือกว่าบรรดาโอรสกับจักรพรรดินีทั้งสอง”

“เช่นนั้นการที่จักรพรรดิตะวันออกไท่อีต้องการให้ข้าแต่งงานกับเจ้า… เช่นนั้นก็หวังให้กำเนิดบุตรเช่นเดียวกัน เพื่อที่จะได้ครอบครองอำนาจเหนือกว่าเจ้าอย่างนั้นหรือ?”

ไป๋ชิวหรานครุ่นคิดตาม

“ฐานะของข้าเปรียบเสมือนขั้วตรงข้ามของเผ่าเทพ กอปรกับเมื่อไม่นานมานี้เจ้าได้กระทำความดีความชอบเป็นข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ เขาจึงต้องการถอดถอนฐานะทางปุโรหิตที่สำคัญเช่นเทพท้องสมุทรไปจากข้า”

สีหน้าของเจียงหลานดูบูดบึ้งไป

“ตราบใดที่ข้าถูกปลดจากอำนาจดังกล่าว และยังดื้อรั้นต่อไป เกรงว่าเขาอาจหาข้ออ้างอื่นเพื่อใช้กำจัดข้า”

ไป๋ชิวหรานลอบมองนางอย่างเงียบเชียบ เด็กสาวที่ดูเหมือนว่ามีอายุเพียงสิบสามหรือสิบสี่ปี กล่าวถึงเรื่องพรรค์นี้โดยไร้อารมณ์ความรู้สึก ทว่าไหล่บางกลับสั่นสะท้าน ภายในใจคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้างถึงจุดจบอันน่าเศร้าเช่นนี้

แต่ในขณะเดียวกัน การต่อต้านภายในจิตสำนึกของนาง รวมถึงความรู้สึกผิดชอบชั่วดีต่อเผ่ามนุษย์ยังเป็นสิ่งที่ขัดต่อความรู้สึกหวาดกลัวนี้ ทำให้ไม่คิดยอมพ่ายแพ้โดยง่ายเมื่อต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิตะวันออกไท่อี

ไป๋ชิวหรานนึกอยากสรรหาถ้อยคำมาปลอบโยนนางเสียจริง ทว่าเขาก็ทำได้เพียงนิ่งเงียบเท่านั้น เพราะตระหนักได้ว่าตนเองยังไม่รู้จักอีกฝ่ายดีพอ

ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนประเด็นคำถาม

“เช่นนั้นการแต่งงานครั้งนี้ จะปล่อยให้ดำเนินต่อไปหรือไม่?”

“ต่อให้ต้องปั้นหน้าหลอกลวงเพื่อแลกกับความไว้ใจจากจักรพรรดิตะวันออกไท่อี ถึงอย่างนั้นก็นับว่าคุ้มค่า”

เจียงหลานตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

“เผ่ามนุษย์ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ลำพังได้โดยปราศจากการปกป้องจากข้าในเวลานี้ ต่อให้คิดไม่ยอมเชื่อฟังโดยดี หรือแม้ว่าจักรพรรดิตะวันออกไท่อีจะไม่โจมตีมาโดยตรง เขาอาจจะหันปลายมีดเข้าไปยังเผ่ามนุษย์”

“เช่นนั้นก็ได้”

ไป๋ชิวหรานหยิบเครื่องรางบางอย่างออกมาจากแขนเสื้อ

“เช่นนั้น ข้าจะได้ตอบรับพระราชโองการของจักรพรรดิตะวันออกไท่อี”

“ช้าก่อน ขอเตือนไว้ก่อน ข้ายินดีเป็นภรรยาของเจ้า… หลังจากแต่งงานเราจะย้ายไปอยู่ด้วยกันเพื่อแสร้งแสดงบทบาทครอบครัวให้พวกเขาหลงเชื่อ แต่ถึงแม้เราสองคนจะแสร้งทำเป็นเสน่หาต่อกันภายนอก ทว่าข้าจะยังทำหน้าที่ของตนเองในฐานะภรรยา ช่วยเหลือเกื้อกูลงานของเจ้า และคอยจัดสรรงานบ้านเป็นอย่างดี”

เจียงหลานยื่นมือออกไปตรงหน้าพร้อมกล่าวต่อไป

“เราทั้งสองได้ให้คำมั่นต่อกันสามประการแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็ห้ามแตะต้องตัวข้าโดยปราศจากความยินยอมเป็นอันขาด!”

“เจ้ายังเป็นเดือดเป็นร้อนกับปัญหานี้อยู่อีก…”

ไป๋ชิวหรานพร่ำบ่น

“ข้ากล่าวไปตั้งแต่ต้นแล้ว ว่าไม่สนใจสตรีร่างเล็กเช่นเจ้า…”

“ถึงอย่างนั้นก็ต้องป้องกันไว้ก่อน เพื่อไม่ให้พลังอำนาจของข้าถูกเจ้าฉกฉวยไป”

เจียงหลานยังคงหวาดระแวง

“ใครจะล่วงรู้ได้เล่าว่าเจ้าเป็นมนุษย์จริงหรือไม่ หากตัวตนจริงเป็นเทพเจ้าขึ้นมา แล้วข้าสูญเสียพรหมจรรย์ไป… อำนาจที่เคยมีย่อมหายไปอย่างแน่นอน”

“ก็ได้”

ชายหนุ่มลอบกล่าวในใจว่า… ข้าไม่คิดฉวยโอกาสจากเจ้าเลยแม้แต่นิดเดียว ทว่าเขากลับตอบไปว่า

“ตราบใดที่เจ้าต้องการเช่นนั้น”

“เจ้าควรทูลรายงานเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นไปเสีย”

เจียงหลานกล่าว

“ก่อนแต่งงาน ข้าอยากไปสถานที่แห่งหนึ่ง”

ไป๋ชิวหรานมีความเห็นตรงกันกับนาง จากนั้นทั้งสองก็แยกทางจากกันไป ชายหนุ่มเดินทางกลับไปยังวิหารเพื่อร่างสาส์นถึงจักรพรรดิสวรรค์ อธิบายปฏิกิริยาตอบสนองของเจียงหลาน ขณะที่เจียงหลานอาศัยกลุ่มเมฆเหาะเหินเดินอากาศไปยังมหาสมุทรทางทิศตะวันออกอันไกลโพ้น

นางรีบข้ามผ่านดินแดนตะวันออกอันกว้างใหญ่ ก่อนดิ่งลึกลงไปสู่ใต้ทะเล หลังจากที่เข้าไปอยู่ใจกลางน้ำทะเลแล้ว เกลียวคลื่นพลันไหลวนเอื่อยโดยมีนางเป็นจุดศูนย์กลาง สัตว์อสูรทะเลตัวใหญ่หลายชนิดที่อาศัยอยู่ในท้องทะเลแถบนั้นพลันว่ายหนีไปด้วยความแตกตื่น หลีกทางให้นางแต่โดยดี

เทพเจ้าหลายองค์ที่ถือกำเนิดขึ้นตามหมู่เกาะกลางทะเลเห็นการมาของเจียงหลาน จึงพากันเผยสีหน้าราวพบเจอกับเรื่องโชคร้าย!

ทว่าเจียงหลานเพิกเฉยต่อปฏิกิริยาของพวกเขา ก่อนจะเดินไปทางทิศตะวันออกจนถึงก้นบึ้งของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ ซึ่งเติบโตขึ้นจากใจกลางมหาสมุทรที่ลึกลงไป

ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นี้มีลำต้นที่บิดเป็นเกลียวเข้าด้วยกัน แน่นขนัดไปด้วยรากไม้ที่พันทับซ้อนกันนับไม่ถ้วน ลำต้นสูงใหญ่กระทั่งเจาะทะลวงสู่ท้องฟ้า

เจียงหลานหยุดชะงักฝีเท้าอยู่ที่บริเวณโคนของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นกระซิบกับลำต้นที่สูงตระหง่าน

“ท่านป้าซีเหออยู่ที่นี่หรือไม่?”

หลังจากเปล่งเสียงถามไปครู่หนึ่ง ไม่มีผู้ใดตอบรับกลับมา ทว่าเหนือต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ฝูซาง กลับมีรากไม้สองชิ้นที่ชอนไชแยกออกเป็นทางอย่างเงียบเชียบ

เจียงหลานก้าวเข้าไปในต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ผ่านทางช่องว่างที่เกิดขึ้น ก่อนที่มันจะออกแรงยกร่างนางลอยละลิ่วขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ภายในชั่วพริบตาเท่านั้น ก็เคลื่อนไปยังบริเวณยอดไม้ที่อยู่เหนือกลุ่มเมฆ

สตรีร่างเล็กมาหยุดอยู่ตรงสถานที่ที่มีกิ่งก้านสาขาไขว้กันร่มรื่น เหนือยอดไม้มีกระท่อมไม้รูปทรงสวยงามหลังหนึ่งถูกสร้างขึ้นอยู่บนนั้น อีกทั้งบริเวณที่กิ่งไม้ใหญ่ฝั่งตรงข้ามซึ่งมีรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้าง ยังเป็นที่ตั้งของโต๊ะกลมพร้อมด้วยม้านั่งตัวเตี้ย

ขณะเดียวกัน แสงสว่างนวลพลันส่องขึ้นจากที่ใดสักแห่ง ทำให้ทั่วทั้งจัตุรัสเกิดแสงสว่างเป็นประกาย สตรีในชุดกระโปรงยาวสีแดงสดงดงามก้าวออกมาจากบ้านไม้เบื้องบน ค่อย ๆ เหาะลดระดับลงมายังเจียงหลาน

ใบหน้าของสตรีผู้นี้สวยงามยิ่งนัก ทั้งยังมีความสง่างามเป็นเลิศ ระหว่างคิ้วแต่งแต้มไว้ด้วยจุดสีแดง หากวันใดวันหนึ่งโลกใบนี้ต้องการจักรพรรดิสวรรค์องค์ใหม่ เกรงว่าสตรีที่อยู่ตรงหน้านางจะกลายเป็นหนึ่งตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด

นางเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเจียงหลาน มองด้วยแววตาอันเปี่ยมไปด้วยเมตตาและอ่อนโยน พร้อมเอ่ยถาม

“เสี่ยวหลานเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงคิดว่าตนเองมาเยี่ยมเยียนป้าในฐานะแขกไปเสียได้?”

“ท่านป้าซีเหอ”

เจียงหลานหยุดชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวตอบ

“ข้ากำลังจะแต่งงานเจ้าค่ะ”

“โอ้?”

ซีเหอเปล่งเสียงหัวเราะทันใด ราวกับภาคภูมิใจว่าธิดาได้พบกับคู่ครองที่ดีแล้ว นางจึงถามกลับ

“ชายหนุ่มคนใดกัน หลานเอ๋อร์ของป้าถึงนิยมชมชอบเขาได้?”

“จักรพรรดิสวรรค์พระราชทานสมรสให้ข้าต่างหากเจ้าค่ะ…”

เจียงหลานกล่าวตอบเสียงต่ำ

“โธ่เอ๊ย… เจ้าคนสารเลวนั่น จนป่านนี้แล้วยังไม่คิดจะปล่อยเจ้าไปอีกหรือ?”

สีหน้าของซีเหอแปรเปลี่ยนไปเพราะความโกรธที่อัดแน่น ถึงกระนั้นกลับไม่อาจทำสิ่งใดได้

“ป้าขอโทษ เสี่ยวหลานเอ๋อร์ ป้าผู้นี้ช่างไร้ประโยชน์นัก ไม่อาจปกป้องเจ้าไว้ได้”

“ไม่เป็นไรเลยเจ้าค่ะ”

เจียงหลานส่ายหน้าเพียงแผ่วเบา

ซีเหอ มารดาแห่งดวงอาทิตย์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นหนึ่งในพระสนมของจักรพรรดิสวรรค์ ทว่าในเวลานี้ สถานะของนางอาจอธิบายเป็นคำกล่าวได้ว่า ‘เป็นเพียงคนไร้ความสำคัญที่อาศัยอยู่บนปลายแผ่นดินโลก’ เท่านั้น

นางเป็นหลานสาวคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่โดยมีเชื้อสายของท่านปู่ในตอนนี้ ส่วนมารดาแห่งดวงอาทิตย์ซีเหอเป็นเพียงแม่ม่ายผู้โดดเดี่ยวเท่านั้น

ตี้จวินมาสิ้นพระชนม์จากไป ถึงแม้โอรสธิดาอีกาสามขาทั้งสิบสององค์ผู้เป็นเทพจันทราจะยังมีชีวิตอยู่ ทั้งยังมีเทพอีกาทองที่เป็นเทพดวงอาทิตย์ ฟังดูเหมือนมีฐานะรุ่งโรจน์ แต่เมื่อวิเคราะห์ถึงความเป็นจริงแล้ว นางเป็นเพียงแม่ม่ายไร้ญาติมิตร โอรสหรือก็ล้วนกำพร้าไร้บิดา

“ท่านป้าอย่าได้เป็นกังวลจนเกินไป ว่าที่สามีของข้าเป็นคนที่สามารถพูดคุยด้วยได้อย่างสนิทใจ”

เจียงหลานกล่าวปลอบประโลมซีเหอ พร้อมกล่าวต่อไป

“เขาได้ทำสัญญากับข้าไว้ล่วงหน้าสามประการแล้ว และจะไม่มีวันแตะต้องร่างกายของข้าหากปราศจากความยินยอมหลังแต่งงาน”

“ฮึ่ม บุรุษล้วนพ่นวาจาหลอกลวงกันทั้งนั้น ตอนนั้น ตี้จวินยังยืนยันกับฉางซีและข้าว่าจะขอเพียงจับมือเท่านั้น ไม่ทำสิ่งใดเกินเลยเด็ดขาด… อะแฮ่ม”

ซีเหอกระแอมไอ หยุดคำกล่าวหลังจากนั้นไว้ ก่อนจะเอ่ยต่อไป

“ถึงกระนั้นก็เถอะ หลานเอ๋อร์ เจ้าลองไตร่ตรองถึงนิสัยที่ตกทอดมาจากท่านแม่ดูให้ดี ตราบใดที่อาศัยอยู่ด้วยกันตลอดทั้งวันคืน ป้าเกรงว่าเจ้าอาจตกหลุมรักเขาเข้าจริงในสักวันหนึ่ง หากถึงเวลานั้น อาจเป็นเรื่องดีถ้าชายผู้นั้นปฏิบัติอย่างจริงใจ แต่ถ้าไม่… เกรงว่าเจ้าอาจจะเสียใจ”

“ไม่มีทางเจ้าค่ะ”

เจียงหลานรีบส่ายหน้า พร้อมรับคำด้วยรอยยิ้ม

“ข้าไม่มีวันหลงรักเทพเจ้าอย่างเด็ดขาด”

ท้ายที่สุด นางยังไม่ปักใจเชื่อเสียทีเดียวว่าจะมีมนุษย์คนใดที่มีทรงพลังเทียบเท่ากับไป๋ชิวหรานอยู่ในโลก ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าเขาสามารถตัดศีรษะของเทพเจ้าสงครามโบราณสิงเทียนเมื่อไม่นานมานี้ได้

“หากเจ้ามั่นใจเช่นนั้น ก็จงตัดสินใจด้วยตนเองเถิด”

ซีเหอถอนหายใจ

“หากมีเหตุฉุกระหุกใดเกิดขึ้นก็ตามในอนาคต เจ้าก็มาพบป้าได้เสมอที่ฝูซางแห่งนี้ และตามคำมั่นสัญญา… ในเมื่อถึงคราวต้องแต่งงาน ป้าจะมอบอัฐิท่านแม่ของเจ้าให้”

ขณะที่นางกล่าว ซีเหอหยิบเอาปิ่นปักผมหยกสีเขียวออกมาจากแขนเสื้อคลุม ก่อนจะส่งให้กับเจียงหลาน