ตอนที่ 119 เคล็ดวิชาขั้นสีเหลืองระดับสูง!

เมื่อพวกเขาเห็นสายตาซูเสียวเสี่ยว ทุกคนในพื้นที่ชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะหันไปมองหยางเย่

ทันทีที่พวกเขาเห็นมิงค์ม่วงที่อยู่บนไหล่หยางเย่ก็เข้าใจจากนั้นทุกคนถึงกับถอนหายใจถึงความโชคดีของหยางเย่เพราะมันคือโอกาสดีที่จะสร้างความสัมพันธ์กับยอดฝีมือยิ่งกว่านั้นยอดฝีมือผู้นี้ยังเป็นสตรีที่งดงาม

มิงค์ม่วงดูเหมือนจะไม่ชอบสายตาของพวกเขา มันดึงผมหยางเย่ราวกับบอกว่าไปให้พ้นจากพวกนี้

ไม่ใช่เพียงสายตาของซูเสียวเสี่ยวที่เผยความตื่นเต้นเมื่อเห็นฉินเยว่เองก็รู้สึกเช่นนั้นในตอนแรกเพราะเจ้ามิงค์ม่วงนั้นน่ารักอย่างมาก

หยางเย่ไร้ซึ่งคํากล่าวใด เขาต้องการขอให้สหายตัวจ้อยอยู่ในตันเถียนน้ําวนแต่ดูเหมือนมัน จะเบื่อเล็กน้อยที่อยู่แต่ในนั้นรวมถึงการที่ต้องให้สหายตัวจ้อยช่วยสอดส่องหามือสังหารเขาเลยปล่อยให้มันทําตามใจ แต่ไม่คาดคิดว่ามันจะไปถูกใจสตรีรอบด้าน

ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นปัญหาเสียแล้ว

ไม่นานซูเสียวเสี่ยวได้เดินมาถึงหยางเย่นางเข้าไปเล่นกับมิงค์ม่วงก่อนจะส่งสายตาให้ หยางเยพร้อมกล่าว “ข้าขอสัตว์เลี้ยงของเจ้าได้หรือไม่?แน่นอนว่าข้ามีสิ่งชดเชยให้ เป็นเคล็ดวิชาขั้นสีเหลืองระดับสูงดีหรือไม่?”

ถึงแม้ท่าที่นางจะดูอบอุ่น แต่น้ําเสียงนั้นกล่าวได้ว่าปฏิเสธยาก

เมื่อพวกเขาได้ยินซูเสียวเสี่ยว สายตาของทุกคนมองไปที่หยางเยู่ด้วยความอิจฉา เพียงแค่สัตว์ เลี้ยงจะเอาไปแลกกับเคล็ดวิชาขั้นเหลืองระดับสูงพวกเขารู้สึกว่าหยางเย่กําลังได้ลาภ!

เพราะสัตว์เลี้ยงไร้ประโยชน์เช่นนี้คงมีมูลค่าเพียงไม่กี่ร้อยเหรียญทองเท่านั้นดังนั้นการได้รับเคล็ดวิชาขั้นสีเหลืองระดับสูงเพียงไม่กี่ร้อยเหรียญทองนั้นจะไม่ให้เรียกว่าได้ลาภได้อย่างไร?

หยางเย่ไม่กล่าวสิ่งใด แต่ฉินเยว่ด้านข้างได้หัวเราะขึ้น หลังจากนั้นเขามองไปที่ซูเสียวเสี่ยวด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย “แม่นางน้อย เจ้าบอกว่าจะให้เคล็ดวิชาขั้นสีเหลืองระดับสูงเพื่อแลกกับสหายตัวจ้อยนี้นะหรือ?”

คนอื่นอาจไม่ทราบถึงความร้ายกาจของสหายตัวจ้อย หากนางคาดไม่ผิด สหายตัวจ้อยอาจเป็นถึงราชันสัตว์อสูรที่เหนือกว่าสัตว์อสูรทั้งปวง เคล็ดวิชาขั้นสีเหลืองระดับสูงแลกกับราชนสัตว์อสูร สมองนางผิดปกติไปแล้วงั้นหรือ??

เมื่อพวกเขาได้ยินฉินเยว่กล่าว ทุกคนทราบทันทีที่ว่านางคือฉันซี่เยว่ และเมื่อเห็นรูปร่างของนาง ดวงตาพวกเขาถึงกับร้อนรุ่ม ไม่ว่าจะรูปลักษณ์หรือหน้าตา สตรีผู้นี้เหนือกว่าซูเสียวเสี่ยวทุกด้าน!

ซูเสียวเสียวมองไปยังฉินเยว่ก่อนจะเผยประกายแห่งความกลัวลึกในดวงตา จากนั้นนางได้เผยรอยยิ้มพร้อมกล่าว ” พี่หญิง หรือว่าท่านเองก็ชื่นชอบเจ้าตัวจ้อยนี้เช่นกัน?”

“ไม่!” ฉินเยว่ยิ้ม “ข้าแค่ถามเล่นเท่านั้น เจ้าทั้งสองสนทนากันต่อได้!” ทันทีที่กล่าวจบนางกลับไปยืนข้างหยางเย่ต่อ

ซูเสียวเสี่ยวมองอย่างลุ่มลึกไปยังฉินช่เยว่ก่อนจะหันไปมองหยางเย่ ”เจ้าคิดเห็นเช่นไร? เคล็ดวิชาขั้นสีเหลืองระดับสูงแลกกับสัตว์เลี้ยงของเจ้าเป็นข้อตกลงที่ยอดเยี่ยมเลยนะ!”

หยางเย่ลูบหัวมิงค์ม่วงก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชา “อย่าว่าแต่เคล็ดวิชาขั้นสีเหลืองเลย แม้กระทั้งเคล็ดวิชาขั้นสวรรค์ข้าก็ไม่แลก!”

หากมีคนไม่มากที่นี่ หยางเย่คงสังหารนางตรงนี้ไปแล้ว เขาไม่ได้มีความประทับใจต่อคนของราชวังบุปผาแม้แต่น้อย หากมีโอกาส เขาก็จะสังหารทุกคนที่มาจากที่นั่น

ซูเสียวเสียวถึงกับเสียหน้า ทันใดนั้นขณะที่นางจะกล่าวบางอย่าง เสียงจากผู้ชายด้านหลังก็ดังขึ้น ” เสียวเสี่ยวชอบสัตว์เลี้ยงนั่นนับว่าเป็นโชคของเจ้าแล้ว แต่ยังกล้าปฏิเสธเจ้าไม่ทราบหรือไงว่าอะไรดีไม่ดี ตอนนี้ข้าให้โอกาสเจ้าทิ้งสัตว์ตัวนั้นไว้และส่งแขนเจ้ามาเสียมิเช่นนั้นก็ส่งหัวเจ้ามาแทน!”

ทุกคนมองไปตามเสียง และมันเป็นเสียงของกงหยวนแห่งโรงเรียนปราชญ์ที่กําลังพาศิษย์อีกสองคนเดินมา

ซูเสียวเสี่ยวยิ้มให้กงหยวนที่มาถึงพร้อมเอ่ย “เป็นพี่กงนี่เอง เสียวเสี่ยวคิดถึงท่านมากหลังจากวันนั้น!”

กงหยวนหัวเราะขึ้นขณะที่สายตาเขามองกวาดไปยังหน้าอกนาง “กงหยวนเองก็คิดถึงแม่นางเช่นกัน!”

” พวกเขามีความสัมพันธ์บางต่อกัน!” มันเป็นสิ่งที่คนรอบด้านคิดขึ้นมาขณะนั้น

“เสียวเสี่ยว เจ้าชื่นชอบมิงค์ม่วงตัวนี้งั้นหรือ?” กงหยวนเผยรอยยิ้มขณะกล่าว “อย่ากังวลจะช่วยเจ้าเอามาเอง”

ทันที่ที่กล่าวจบ กงหยวนหันไปมองหยางเย่ เมื่อยังเห็นหยางเยี่ยื่นอยู่ เขาจึงยกคิ้วขึ้นพร้อมเอ่ย ”เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าบอกหรือ?”

“ข้าได้ยินแล้ว!” หยางเย่พยักหน้า จากนั้นเขามองไปยังซูเสียวเสี่ยว ”ตามที่ข้าทราบ ราชวังบุปผามีกฏที่ห้ามศิษย์มีความสัมพันธ์กับผู้อื่น เช่นนั้นเหตุใดข้าจึงเห็นเปลวไฟแห่งความรักก่อขึ้นระหว่างพวกเจ้า อะไรกัน? แม่นางซูคนสวย เจ้าไม่กลัวจะโดนลงโทษจากกฎของราชวังงั้นหรือ?”

“ฮ่าฮ่า” ฉินเยว่หัวเราะลั่น ”น้องชาย เจ้ายังไม่เข้าใจ ถึงแม้ราชวังบุปผาจะห้ามไม่ให้พวกเขามีความสัมพันธ์กัน แต่ก็ไม่ได้ห้ามความต้องการของพวกเขา เพราะยังไงสตรีก็ต้องสนองตัณหาเช่นกันใช่หรือไม่!? กล่าวโดยง่ายคือ ราชวังบุปผาห้ามไม่ให้มีความรัก แต่พวกเขาก็ยังร่วมเตียงกันได้อยู่ เข้าใจหรือไม่?”

หยางเย่เข้าใจในทันทีก่อนจะมองซูเสียวเสี่ยวและกงหยวน ” กล่าวคือพวกเจ้าเป็นผู้ซื้อกับผู้ขายงั้นสินะ?”

เมื่อผู้คนรอบข้างได้ยินถึงกับกลั้นหัวเราะไม่ได้ บางคนถึงกับหัวเราะดังลั่น

ท่าที่ซูเสียวเสี่ยวกลายเป็นมืดดําขณะที่พลังปราณล้ําลึกในร่างกายเริ่มถูกโคจร ดูเหมือนนางต้องการจะโจมตีหยางเย่แต่ก็กลัวบางสิ่งอยู่

กงหยวนนั้นหาได้กลัวสิ่งใดไม่ ฝ่ามือขวาของเขาพุ่งมาพร้อมพายุหมุนข้างใน เขาใช้วิชาฝ่ามือพุ่งตรงไปที่หัวหยางเย่

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกดูหมิ่นต่อหน้าผู้คน

จิตสังปรากฏผ่านดวงตาหยางเย่ ขณะที่หยางเย่กําลังจะชักดาบ แส้สีดําได้พุ่งมาขัดฝ่ามือของกงหยวน

ท่าทีของเขาเปลี่ยนไป เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะดึงฝ่ามือกลับพร้อมกระทืบพื้นถอยหลังเมื่อถอยมาได้สามสิบเมตร สายตากงหยวนมองไปที่ฉินเยว่พร้อมกล่าว “ขั้นปราณราชัน! ท่า นคือใคร?”

ท่าที่ทุกคนรอบด้านเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยิน พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าสตรีที่มีร่างกายงดงามคนนี้จะเป็นยอดฝีมือขั้นปราณราชัน ยิ่งกว่านั้นคนที่มีความคิดหยาบช้ากับนางก่อนหน้านี้ถึงกับเหงื่อแตก

โชคดีที่กงหยวนโจมตีจนทําให้นางลงมือ มิเช่นนั้นพวกเขาก็ไม่ต่างจากเข้าไปหาความตาย

ประกายแห่งความกลัวปรากฏผ่านดวงตาซูเสียวเสี่ยว ถึงแม้นางจะเคยสู้กับยอดฝีมือขั้นปราณราชันมาก่อนคนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นเอาชนะได้!

ฉินเยวสะบัดแส้ในมือพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม ”เป็นเจ้าเองสินะที่บอกให้สามีข้าตัดแขนส่งให้?”

ถึงแม้นางจะยิ้มแต่ก็ทําให้ผู้คนตกอยู่ในความกลัว

ทุกคนรอบด้านถึงกับชะงัก สามี? สตรีผู้งดงามขั้นปราณราชันกําลังมีความสัมพันธ์อยู่กับเจ้าหนุ่มขั้นปราณมนุษย์งั้นหรือ?

“นี่มันดังคํากล่าวที่ว่าดอกไม้บนกองขี้ควายหรือไม่?”

เปลือกตากงหยวนบิดเบี้ยว เขาไม่คาดคิดว่ายอดฝีมือขั้นปราณราชันและขั้นปราณมนุษย์จะร่วมมือกัน มุมปากของเขาบิดเบี้ยวก่อนจะฝืนยิ้ม “เป็นเพียงเรื่องล้อเล่นเท่านั้น!”

“เรื่องล้อเล่น?” ฉินเยว่ยิ้ม ” เช่นนั้นข้าก็จะสร้างเรื่องล้อเล่นเช่นกัน ส่งแขนเจ้ามาแล้วก็ใสหัวไปเสียตกลงหรือไม่?”

“ฮ่าฮ่า” ทันใดนั้นเสียงหัวเราะดังลั่นออกมาจากพื้นที่ห่างไกล ทุกคนหันไปมองตามเสียงพวกเขาเห็นชายหนุ่มกําลังทะยานมาด้วยความเร็วก่อนจะมาถึงในพื้นที่เพียงไม่กี่ลมหายใจ

ยอดฝีมือขั้นปราณราชัน! ประกายแห่งความกลัวปรากฏผ่านใบหน้าของทุกคน

กงหยวนเผยท่าทีดีใจก่อนจะมองไปที่ชายหนุ่มพร้อมคารวะ “ศิษย์พี่ซูหยาน!”

ชายนามซูหยานพยักหน้า จากนั้นเขามองไปที่ฉินเยวพร้อมกล่าว “เจ้าต้องการให้ศิษย์โรงเรียนปราชญ์ของข้ามอบแขนให้สั้นหรือ? ช่างโอหังเกินไปแล้ว!”

ซูซี่เยว่เผยรอยยิ้มขณะที่นางกําลังจะกล่าวบางอย่าง หยางเยู่ได้ดึงมือนางพร้อมส่ายหัวเขาไม่ต้องการมีปัญหากับโรงเรียนปราชญ์ เพราะเป้าหมายเดียวของเขาคือราชวังบุปผายิ่งกว่านั้นเขายังไม่สามารถสังหารนางได้ที่นี่ เมื่อเป็นเช่นนั้นมันเป็นการดีที่จะรอโอกาส

ฉินเยว่พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะถอนตัวไปยืนข้างหยางเย่ นางดูอ่อนโยนและเชื่อฟัง ทําให้บรรดาคนที่อยู่ด้านข้างอิจฉา

ชายนามซูหยานมองไปที่หยางเยู่และฉินเยว่ ก่อนจะนําศิษย์โรงเรียนปราชญ์เดินไปจากไปเขาเองก็รู้สึกเกรงกลัวทั้งสองอยู่เช่นกัน เพราะทั้งสองทราบว่าพวกเขามาจากโรงเรียนปราชญ์แต่ยังกล้ากล่าวเช่นนั้น ดังนั้นพวกเขาหากไม่ใช่พวกโง่เง่าก็คงมีไพ่ตายที่ทําให้พวกเขากล้าทําขนาดนี้เห็นได้ชัดว่าสตรีตรงหน้าไม่ใช่คนโง่เง่าแน่นอนจึงน่าจะเป็นอย่างที่สอง

ถึงแม้เขาจะไม่กลัว แต่ก็ไม่ต้องการสร้างปัญหาโดยไม่จําเป็น เพราะสุสานจักรพรรดิโจวคือเป้าหมายหลัก!

ซูเสียวเสียวมองไปที่หยางเย่พร้อมประกายเย็นเยือก แต่นางก็ปกปิดมันได้อย่างดี

เป็นครั้งแรกเช่นกันที่ถูกดูหมิ่นต่อหน้าผู้คน แน่นอนว่านางจะไม่ลงมือตอนนี้ แต่ทันทีที่ศิษย์พี่หญิงมาถึง นางต้องระบายโทสะออกมาเป็นแน่!