ในหมู่เมฆขาวท่ามกลางท้องฟ้าสีคราม หน้ากระท่อมมุงจากริมทะเลสาบ
ชั่วขณะที่นักพรตเต๋าชราฉีหยวนถูกศิษย์คนโตตะโกนเรียกให้หยุดนั้น หลี่ฉางโซ่วและหลานหลิงเอ๋อร์ก็รีบวิ่งไปข้างหน้าทันทีและขวางทางอาจารย์ของพวกเขา
ในขณะนั้น สถานการณ์นี้ก็เตือนให้นักพรตเต๋าชราฉีหยวนนึกถึงการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายในหอโอสถทันที
ทันใดนั้น นักพรตเต๋าเฒ่าพลันก้าวถอยหลังไปครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัวและมองดูศิษย์ทั้งสองคนของเขาด้วยท่าทางเคร่งขรึม…
“พวกเจ้าสองคนจะทำอะไรกันอีก”
“ท่านอาจารย์โปรดอย่ากังวล คราวนี้ศิษย์น้องหญิงและข้าจะไม่วางยาสลบท่านอีกอย่างแน่นอนขอรับ” หลี่ฉางโซ่วแย้มยิ้มอ่อนโยนด้วยท่าทางนอบน้อม
หลานหลิงเอ๋อร์พลันกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ อาจารย์ป้าท่านนี้ไม่ได้ติดต่อท่านมาหลายปีแล้ว จู่ๆ นางก็ส่งสารมาถึงท่านสองฉบับในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา และยังขอให้ท่านไปพบนางด้วย นั่นไม่ใช่ว่า…กะทันหันเกินไปสักหน่อยหรือเจ้าคะ”
ฉีหยวนเฒ่าถอนหายใจและกล่าวว่า “อาจารย์ป้าของเจ้าเพียงโกรธที่ในตอนนั้นข้าไร้ความสามารถเท่านั้น”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ท่านอาจารย์ บุรุษไม่อาจเรียกตนเองว่าไร้ความสามารถได้นะขอรับ”
ทันใดนั้น ฉีหยวนก็ไม่รู้ว่า เหตุใดหลิงเอ๋อร์จึงเหลือบมองศิษย์พี่ของนางและยิ้มแฝงนัยบางอย่าง…ด้วยความเขินอาย
หลี่ฉางโซ่วกล่าวต่ออีกครั้งว่า “ท่านอาจารย์ อาจารย์ป้าของเราก็มาจากยอดเขาหยกน้อยเช่นกัน หากนางประสงค์จะพบท่าน เหตุใดนางจึงไม่กลับมาที่สำนักเล่าขอรับ ย้อนกลับไปในเวลานั้น เมื่ออาจารย์ป้าออกจากสำนัก นางยังไม่ได้เป็นเซียน นางออกไปโดยอ้างว่าจะไปตามหาท่านปรมาจารย์ที่ออกเดินทางท่องเที่ยวไป ทว่านางไม่ได้กลับมาเกือบพันปีแล้ว ซึ่งตามกฎของสำนัก ถือว่านั่นเป็นการทรยศนะขอรับ”
“ท่านอาจารย์ หากท่านไปหาอาจารย์ป้าท่านนี้ ท่านจะอธิบายให้สำนักฟังว่าอย่างไรขอรับ ท่านอาจารย์ หากผู้อาวุโสในสำนักถามถึงเรื่องนี้ ท่านจะตอบพวกเขาด้วยเหตุผลที่ชัดเจนได้อย่างไรขอรับ”
ฉีหยวนเฒ่าขมวดคิ้วและครุ่นคิดกะทันหันพลางถือแส้หางม้าแล้วเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังขณะเดินไปมาบนพื้นหญ้าริมทะเลสาบ
ในเวลานั้น หลิงเอ๋อร์ฉับพลันแอบยกนิ้วให้หลี่ฉางโซ่วในขณะที่เขาเพียงพยักหน้าแล้วไม่เอ่ยอันใด
หลี่ฉางโซ่วรู้ตัวว่าบางครั้งเขาก็คิดเรื่องซับซ้อนและอ่านสิ่งต่างๆ มากเกินไป
แต่ก็ควรพิจารณาให้มากดีกว่าจะไม่พิจารณาใดๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเหตุการณ์บางอย่างแปลกๆ ในเรื่องนี้เกี่ยวกับท่านอาจารย์ของเขา
แม้ว่าเขาเพิ่งกล่าวว่าจะไม่วางยาและทำให้ท่านอาจารย์ของเขาหมดสติ แต่เขาก็ไม่ผิดที่จะสร้างค่ายกลสะกดจิตหรือใช้วาจาโน้มน้าวเขาให้สับสนได้
ทว่าทันทีที่หลี่ฉางโซ่วกำลังจะโน้มน้าวอาจารย์ของเขาด้วยเหตุผลต่อไป เขาก็ได้ยินอาจารย์ถอนหายใจออกมา
ฉีหยวนกล่าวว่า “นั่นก็จริง ทันทีที่ท่านอาจารย์ป้าของเจ้าจากไป สำนักก็ได้ลบชื่อของนางออกจากรายชื่อศิษย์แล้ว”
ฉีหยวนมองหลี่ฉางโซ่ว และแม้ยากที่จะเอ่ย แต่เขาก็ยังถามต่อไปว่า “ฉางโซ่ว แล้วเจ้าคิดว่าเราควรทำอย่างไรดี”
หลี่ฉางโซ่วใช้พลังปราณส่งเสียงโดยกล่าวว่า
“ท่านอาจารย์ เหตุใดท่านไม่เขียนข้อความและบอกข้าว่าท่านจะพบนางที่ใดขอรับ ข้าจะส่งสารนี้ในนามของท่านอาจารย์โดยใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์
ท่านอาจารย์ ท่านเคยเห็นพวกมันมาก่อนแล้ว มันเหมือนกับยามที่ข้าออกไปซื้อสมุนไพรขอรับ
เราไม่อาจมองเรื่องนี้จากมุมมองของเราเองได้ ท่านอาจารย์ ในสารของท่าน ท่านสามารถโน้มน้าวอาจารย์ป้าให้กลับสำนักและยอมรับความผิดพลาดของท่านได้ขอรับ
แม้กฎในสำนักของเราจะเข้มงวด แต่การลงโทษก็ไม่ได้รุนแรงมากนัก อย่างมากที่สุด ท่านจะต้องเข้าปิดด่านเป็นเวลาพันปีเท่านั้น
ท่านอาจารย์ ท่านคิดว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่ขอรับ”
ฉีหยวนยังคงนิ่งเงียบในขณะที่ตัดสินใจแล้ว
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวกับหลิงเอ๋อร์อีกครั้ง เพื่อบอกนางให้รู้ว่าจะพูดอะไร จากนั้นทั้งสองคนก็เริ่มการสนทนาที่ได้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ
ไม่นานหลังจากนั้น ฉีหยวนก็พยักหน้า ถูกทั้งสองคนโน้มน้าวให้เชื่อใจ
นักพรตเต๋าชรารีบกลับไปที่ห้องของเขาและเขียนจดหมายโดยใช้ยันต์หยกสื่อสาร เขาแก้ไขซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไตร่ตรองถ้อยคำและประโยคของเขา หลังจากง่วนอยู่สองชั่วยาม เขาก็มอบยันต์หยกสื่อสารให้หลี่ฉางโซ่วอย่างเคร่งขรึม
“ห้ามแอบดูนะ!”
“ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ ท่านอาจารย์” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ขณะที่ท่านกำลังเขียนจดหมาย ศิษย์ก็ได้อ่านจบแล้วขอรับ”
“เจ้า!”
“ข้าล้อเล่น แค่ล้อเล่นขอรับ ท่านอาจารย์อย่าโกรธสิ”
“ไม่ช้าก็เร็ว พวกเจ้าสองคนจะทำให้ข้าโกรธจนตาย!”
หลังจากนั้น นักพรตเต๋าชราฉีหยวนก็บอกสถานที่นัดพบให้เขารู้
ในโลกมนุษย์ของดินแดนเทวะทักษิณ มีเมืองมนุษย์ที่เรียกว่า ‘หลินตง’ บนชายฝั่งทะเลบูรพา
เวลาที่ตกลงจะพบกันคือสองเดือนหลังจากนี้ ทั้งสองได้ตกลงกันว่าจะพบกันที่ฝั่งตะวันออกของเมืองหลังยามอาทิตย์อัสดง…
หลี่ฉางโซ่วแนะนำให้อาจารย์ของเขาฝึกฝนที่บ้านในช่วงเวลานี้ นอกจากนี้เขายังเสริมความแข็งแกร่งให้กับค่ายกลรอบกระท่อมมุงจากของท่านอาจารย์เพื่อป้องกันการตรวจจับจากภายนอก
“ศิษย์พี่ ท่านคิดจะทำอะไรหรือเจ้าคะ”
หลิงเอ๋อร์แอบย่องขึ้นไปหาเขาและกระซิบถาม แต่หลี่ฉางโซ่วไม่เอ่ยอันใดนอกจากบอกนางว่าอย่าเพิ่งออกไปเดินรอบๆ ในช่วงเวลานี้
“ในอีกสองเดือนข้างหน้านี้ ข้าจะไม่ไปที่หอโอสถแล้ว ข้าจะแค่ฝึกฝนในกระท่อมมุงจาก” ดวงตาของหลี่ฉางโซ่วยังคงสงบนิ่ง
หลิงเอ๋อร์จัดเส้นผมของนางแล้วถามเสียงเบาว่า “หากเป็นเช่นนั้น น่าจะส่งตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ออกจากภูเขาดีหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่จำเป็นหรอก” หลี่ฉางโซ่วมองศิษย์น้องหญิงของเขาและยิ้ม “เจ้าค่อนข้างคุ้นเคยกับกระบวนการนี้แล้ว เพียงแค่ฝึกฝนอย่างสงบ เมื่อเจ้าข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์บรรลุเซียนและพบกับเรื่องเช่นนี้อีก ข้าจะให้เจ้ามีส่วนร่วมมากขึ้น”
“เจ้าค่ะ! ศิษย์พี่ไม่ต้องห่วง ข้าจะตั้งใจฝึกฝนอย่างหนักเจ้าค่ะ!”
หลิงเอ๋อร์ตกลงอย่างกระตือรือร้นทันที
ยินเรื่องสำนักเทพทะเลทักษิณหรือไม่”
เมื่อหลี่ฉางโซ่วกลับไปฝึกฝนที่กระท่อมมุงจากแล้ว นางก็พลันรู้สึกตัวและยกมือก่ายหน้าผากพลางคร่ำครวญ
หากข้าอยากให้ศิษย์พี่ใช้ดั่งอาวุธเวท อย่างน้อยที่สุด ข้าจะต้องเป็นเซียน…
จริงสิ อาจารย์อาน้อยเล่า!
ในขณะนี้ นางเข้าใจผิดเรื่องความชื่นชอบในเรื่องขนาดของศิษย์พี่ และยังยกระดับความต้องการของเขาในการเป็น ‘อาวุธเวทมนุษย์’ อีกด้วย!
ขณะที่นางกำลังบ่นในใจ ทันใดนั้นหลิงเอ๋อร์ก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนมาจากระยะไกล
“หลิงเอ๋อร์น้อย…”
หลิงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองและเห็นร่างเงาสีดำพุ่งเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว
นางคว้าขวดหยกสองขวดทันทีโดยไม่รู้ตัว แต่ก็เปลี่ยนใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่า ศิษย์พี่ของนางอยู่ข้างนาง ย่อมไม่มีผู้ใดภายนอกจะสามารถลอบโจมตียอดเขาหยกน้อยได้…
ในเสี้ยวอึดใจนั้น หลิงเอ๋อร์ก็เงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง
ไม่จำต้องมองหน้าคนผู้นั้นให้ชัด เพียงได้กลิ่นร้ายกาจของนาง ก็รู้ว่าต้องเป็นอาจารย์อาน้อย ซึ่งนางกำลังบ่นถึงอยู่ในใจ ได้มาถึงที่นี่แล้ว!
หลิงเอ๋อร์เก็บขวดหยกออกไปแล้วฉับพลันนั้น ก็ร้องเสียงแผ่วเบาออกมาเมื่อถูกกระแทกเข้าที่หน้าอกจากการถูกจิ่วจิ่วกอดและยกขึ้นอย่างนุ่มนวลก่อนจะหมุนไปสองสามรอบตรงจุดนั้น จากนั้นทั้งสองก็หัวเราะกันที่หน้ากระท่อมมุงจาก
“ท่านอาจารย์อา ท่านกำลังทำให้ข้ารู้สึกอึดอัดเจ้าค่ะ…”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า รู้สึกถึงความรักที่ข้ามีต่อเจ้าสิ! หลิงเอ๋อร์น้อย!”
“ท่านอาจารย์อา ข้าผิดไปแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า! อย่าจั๊กจี้ข้านะ…ข้าผิดไปแล้ว…”
ที่กระท่อมมุงจากข้างๆ หลี่ฉางโซ่วพลันเผยรอยยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นเช่นนั้น
แต่ในใจลึกๆ แล้ว เขายังกังวลกับการฝึกฝนของหลิงเอ๋อร์
การเล่นกับจิ่วจิ่วทุกวันจะทำให้การฝึกฝนของนางล่าช้าอย่างแน่นอน และเขาจะต้องเตือนนางในเรื่องนี้