ตอนที่ 32 ฤดูที่อยู่ในนรก(4)

Dungeon Defense

“อะแฮ่ม อะแฮ่ม คือ ข้าพึ่งนึกออกว่า มีงานเร่งด่วนที่ต้องไปทำอะนะ แหม โชคดีไม่เลย ไว้คราวหน้าค่อยเจอกันใหม่แล้วกัน เจ้าหนุ่ม”

หลังจากพูดอย่างนั้นออกมา มนุษย์หมาป่าก็จากไปโดยเร็ว เขาสบถด่ามนุษย์กิ้งก่าตอนไปแล้ว ผมได้ยินไม่ชัดเจนนัก แต่โดยมากก็เรื่องที่เขาเสียโอกาสจะปลดทรัพย์เพราะหมอนั่น พวกเขาหายไปท่ามกลางฝูงชน

มอนสเตอร์นับร้อยมุ่งหน้าตรงไปที่เมืองบนถนนกว้าง เหตุการณ์ใหญ่น้อยเกิดขึ้นที่นี่และที่นั้น

“ไอ้ระยำเอ้ย! ทำไมมึงมาชนกูวะ!?”

“เฮ้ เฮ่ อย่าหาเรื่องทะเลาะโดยไร้เหตุผลดีกว่าน่า ข้าไม่อยากรู้หรอกว่า ลำไส้พวกมนุษย์กบเนี่ยมันเหม็นเหมือนหมู”

“ฮ่าาา ? นังจิ้งจอกกะหรี่ อยากจะยัดเอ็งใส่ถังขี้ปุ๋ยแล้วถูใส่หน้าเอ็งจริงๆ”

“คำพูดไร้สาระที่พ่นออกมานี่อย่างกับเชื้อโรคที่จะโตเป็นโรคเรื้อนชะมัด นี่ นายเรพไทเลี่ยนงั่งๆตัวนั้นน่ะที่ชอบพ่นกลิ่นเน่าเหม็นออกมาเหมือนหำหมู อยากให้ฉันคนนี้กะเทาะกะโหลกให้สักหน่อยไหม? ใครจะรู้ล่ะ เคาะหัวไอ้งั่งอย่างพวกแกอาจจะได้เจออากาศบริสุทธิ์ที่อาจมีประโยชน์นิดหน่อยก็ได้นะ”

“อีตัวที่เอาเหล้าอาบหัวนี่แม่งบ้าไปแล้ว อยากให้เอามีดทื่อนี่เฉือนแกหรือไง? ห้ะ?”

สัตว์ประหลาดสองตัวที่มีหัวเป็นจิ้งจอกและกบต่างพยายามเอาหัวชน และคำรามใส่กัน มอนสเตอร์ตัวอื่นรอบๆต่างเดินผ่านไปอย่างเฉยเมยเหมือนเป็นเหตุการณ์ทั่วไป ยังมีบางคนที่โผล่มาและน่าจะเป็นเพื่อนของเจ้าสองตัวนั้น วางเดิมพันว่าใครจะชนะ

โอเค

ตอนนี้ผมเข้าใจคร่าวๆเรื่อง โลกปีศาจแล้ว

ถ้าจะให้ผมเทียบก็คงคล้ายกับเมืองที่มีชื่อเสียงในทางแย่ อย่างลิเบอร์ทาเลีย(Libertalia) เมืองแองโกล-บูรมีส(Anglo-Burmese) LAและโยฮันเนสเบิร์ก กฏหมายของภูมิภาคที่สร้างขึ้นโดยพวกนอกกฏหมาย และมีพวกนอกกฏหมายที่มีความสามารถเป็นผู้นำ

การต้มตุ๋นและวิวาทเกิดกันในที่สาธารณะกันกลางวันแสกๆ

มันยากที่จะจินตนาการว่า คนโหดร้ายและเจ้าเล่พวกนี้นั้นจะขนาดไหนเมื่อตะวันตกดิน พวกปัจเจกชนที่น่ารังเกียจและกลุ่มพวกที่ชอบถกเถียงกันจนชวนอ้วกเกิดบ่อยจนเป็นลมหายใจของเมืองนี้

‘ฮ่าชช เจ้าก็อบลินต้อนรับนั่น สอนบทเรียนที่ดีให้จริงๆ’

ความตื่นเต้นครั้งแรกที่ผมมาถึงเพื่อสูดอากาศที่นี่ได้หายไปสักพักแล้ว ผมรู้แล้วถึงสภาพแวดล้อมแห่งนี้ว่าเป็นเมืองไร้กฏหมาย ความอยากอยู่อย่างหรูหรา สุขสบายพุ่งขึ้นสูงสุด ลาพิสน่าจะช่วยให้ผมผ่อนคลายได้ จนกว่าผมเจอจะกับลาพิส จนกว่าผมจะเจอคนที่ไว้ใจ ผมจะลดการ์ดลงไม่ได้

ผมจัดหมวกตัวเอง หมวกที่สวมใส่เพื่อปกปิดเขาจอมมาร ด้วยลมที่สุดชื่นผมเดินมาถึง จุดตรวจ

“แววตาดีขึ้นแล้วนี่”

ลูกจ้างในจุดตรวจเก็บค่าผ่านทาง พวกเขาเป็นมนุษย์ทานูกิที่ดูเหมือนแรคคูนใจดี

“ก่อนหน้านี้ นายเหมือนทารกไม่รู้สีรู้สา แต่ตอนนี้ชักเหมือนพวกชั้นต่ำผู้ชำนาญ โอ้ ที่พูดนั่นคือ คำชมนะ ฉันไม่รู้ว่า นายรู้รึยัง แต่ที่นี่คือ เนฟเฮม ยิ่งอุดมไปด้วยความต่ำทรามมากเท่าไหร่ก็ยิ่งคู่ควรกับปีศาจระดับกลาง”

เธอส่งกระดาษที่มีที่อยู่เขียน

“นี่คือ ที่อยู่ของโรงแรมที่บริษัทในเครือเราร่วมอยู่ มันไม่ใช่สถานที่ที่พวกขยะจะมายุ่มย่ามได้ มันอาจแพงเป็นสองเท่าของโรงแรมปกติแต่อย่างน้อยที่สุด นายก็ไม่ต้องตื่นมาแล้วพบว่า มีอวัยวะภายในหายไปนะ”

“ผมซาบซึ้งใจมาก”

แม่สาวทานูกิขยิบตาให้

พอผมออกมาจากจุดตรง ผมสามารถมองเห็นเมืองจากเส้นขอบฟ้า มันเป็นท่าเรือที่วุ่นวาย เรือจำนวนนับไม่ถ้วนแล่นผ่านมหาสมุทรอย่างไม่สิ้นสุด ที่นั่นมีถนนมากมายเชื่อมต่อกับเมือง ถนนที่ผมยืนอยู่นั้นไม่ได้เป็นอะไรมากเกินไปกว่า ถนนเส้นหนึ่งในบรรดาถนนพวกนั้น แม้แต่ตอนนี้ มอนสเตอร์นับพันต่างเดินทางไปมาโดยใช้ถนนแต่ละเส้น

แคว่ก

ผมฉีกกระดาษที่ทานุกิส่งมาให้ในมือเป็นชิ้นๆ ผมสามารถอ่านอารมณ์ของเธอที่แสดงออกมาได้ระหว่างพูดคุย มันคือ ความละโมบ

การแนะนำนักท่องเที่ยวไปยังโรงแรมที่มีเครือข่ายด้วยอาจจะดูเหมือนทำในฐานะผู้นำทาง โดยได้รับค่าคนแนะนำเป็นการตอบแทน

แต่จะแน่ใจได้ยังไงว่า ค่าคนแนะนำไม่ใช่ ไตหนึ่งหรือสองข้างจากแขก?

ไม่มีใครตามหาคนนอกหรอก ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นเหยื่อชั้นเลิศ

ผมเดินผ่านไปยังถนนทิศเหนือที่ลาพิสสัญญาว่าจะส่งใครบางคนไปต้อนรับ

หลังจากนั้นไม่นานผมก็เจอกับใครบางคนที่ส่งมาจากบริษัท เคียนคุสก้า ดูจากภายนอกเขาแทบไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง แต่เขาแนะนำตัวเองว่าเป็น แวมไพร์ มันไม่ยากเลยที่จะหาเขาที่ถือป้ายที่เขียนว่า 『ดันทาเลียน』ตรงหน้าทางเข้าเมือง

“ยินดีที่ได้พบกับท่านครับ ฝ่าบาท ชื่อของกระผมคือ วูฟโฟเอต(Vuffoet)ปีศาจระดับ 3 ที่ได้รับมอบหมายงาน ให้นำพาฝ่าบาทไปยังที่พักที่จัดเตรียมไว้โดบริษัทของพวกเรา

แต่ก่อนอื่นขอสัญญากับฝ่าบาทว่า ในขณะที่อยู่ในเนฟเฮมนั้น ท่านจะไม่เจอสถานการณ์ใดที่เป็นอันตรายต่อชีวิต”

ผมจับมือเขาอย่างเป็นมิตร และรับรู้ความรู้สึกฉันมิตรมากจากเขาด้วยเช่นกัน ดังนั้นผมจึงสามารถจับมือได้โดยที่ไม่ต้องสงวนท่าที ผมสงสัยว่าอาจเป็นเพราะเขาเป็นแวมไพร์ก็ได้มั้ง? มือของเขาจึงเย็นเหมือนน้ำแข็ง แต่เรื่องนั้นไม่ได้กวนใจผมอยู่ดี

“ข้าคือ ดันทาเลี่ยน,ลำดับ 71”

หลังจากที่ผมได้ซ่อนตันตนที่แท้จริงด้วยกลัวว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวาย

ก่อนหน้านี้ลาพิสได้พูดย้ำแล้วย้ำอีกว่า จอมมารนั้นสมควรวางตนให้มีความสูงศักดิ์ ผมจึงตัดสินใจพูดจาแบบเป็นกันเอง เพราะไม่มีเหตุผลที่ผมจะต้องปกซ่อนตัวตนจากคนๆนี้

แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่มีเหตุผลที่ผมจะมายืนยันอำนาจในฐานะจอมมาร

“มีอะไรมากมายที่ข้ายังไม่รู้ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ามาเยือนเนฟเฮม เมื่อเทียบกันแล้ว เจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญแห่งเมืองนี้ ข้าต้องให้เจ้าดูแลแล้ว”

“รับทราบขอรับ”

ดวงตาของชายหนุ่มเบิกว้างก่อนที่จะยิ้มออกมา การแจ้งเตือนบอกผมว่า ค่าความชอบของเขาที่มีต่อผมนั้นเพิ่มขึ้น 1 มันอาจเป็นเพราะผิดความคาดหมายของเขา ผมที่ถ่อมตัวมากเมื่อเทียบกับการเป็นจอมมาร

“ในบรรดาจอมมารทั้งหมดที่จะเข้าร่วมราตรีแห่งวัลพูกีส(Walpurgis Night) ฝ่าบาทดันทาเลี่ยนได้มาถึงก่อน ยังมีเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่งานจะเริ่มขึ้น จนกว่าจะถึงเวลานั้น หากฝ่าบาทมีสิ่งใดไม่สบายใจหรือต้องการสิ่งใด ได้โปรแจ้งต่อกระผม บริษัทเคียนคุสก้านั้นจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อรับใช้ฝ่าบาทดันทาเลี่ยน”

“ขอบใจ ว่าแต่ ลาพิส ลาซูลิไปอยู่ไหน?”

“เธอพักอยู่ใกล้ๆกับที่พักของฝ่าบาท โดยปกติแล้วจะเป็นคุณลาซูลิที่จะคอยดูแลฝ่าบาท แต่…….”

วูฟโฟเอตยิ้มอย่างขี้เล่น

“ด้วยความไม่สะดวกหลายประการหากจะให้ผู้หญิงเป็นไก้ด์นำทางผู้ชาย เนฟเฮมนั้นเป็นเมืองที่ยอดเยี่ยมในโลกปีศาจ และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหย่อนใจที่ยอดเยี่ยมด้วย ในบรรดาที่พักผ่อนพวกนั้น บางทีก็มีที่ที่ผู้หญิงห้ามเข้า”

มันเป็นเรื่องหน้าอายที่ต้องมาคุยเรื่องแบบนี้ตรงๆ แต่ผมก็ไม่แสดงอารมณ์ออกมา

“ข้ากำลังมองหามันอยู่”

“พวกเราจะไปจัดหาให้ในเร็วๆนี้ แต่ก่อนอื่น พวกเราไปยังที่พักของฝ่าบาทก่อนดีกว่าไหม? หลังจากที่ฝ่าบาทวางสัมภาระลงแล้ว กระผมจะนำฝ่าบาทไปยังร้านอาหารดีๆ ต่อจากนั้นพวกเราก็ไปเที่ยวด้วยรถม้าไปยัง…….”

แวมไพร์ที่ชื่อว่า วูฟโฟเอตเริ่มนำให้ ผมก็ส่ายหัว

“ไม่จำเป็น ข้าจะไม่นั่งรถม้า”

“อะไรนะขอรับ?”

“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่ได้เอาสิ่งที่เรียกว่า กระเป๋าสัมภาระมาด้วย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องไปยังที่พักก่อน”

ผมได้สำรวจรอบๆนี้โดยคร่าวๆแล้ว พวกเราอยู่ในตลาดใกล้กับทางเข้าของเมือง มอนสเตอร์บางตัวซื้อของจุกจิก บางตัวขายสินค้า บางตัวหัวเราะและพูดคุยกับเพื่อนขณะที่ดื่มเหล้ากันกลางวันแสกๆ แม้จะรุนแรงไปบ้างแต่พวกเขานั้นช่างเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา

“ข้าต้องการจะดูเมืองนี้ให้ทั่ว ด้วยการเดิน แค่นั้นแหละ”

“กระผมเข้าใจแล้ว กระผมจะรีบพาฝ่าบาทไปยังย่านบันเทิงในทันที”

“ไม่ต้อง”

ผมส่ายหัวอีกครั้ง

“ข้าต้องการดูว่า มอนสเตอร์ที่นี่ใช้ชีวิตอยู่กันอย่างไร มีอารมณ์มากมายหลั่งไหลเข้ามาถึงข้าในตอนนี้ ทั้งความสุข ความตื่นเต้น ความกังวล ความอ่อนล้า ความรังเกียจ มีอารมณ์มากมายหลายหลาก ข้าต้องการที่จะเห็นรายละเอียดว่าผู้คนที่นี่ใช้ชีวิตกันอย่างไร และชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง”

นี่คือ วิถีอุดมคติในการท่องเที่ยวของผม

การมุ่งเป้าการท่องเที่ยวไปที่ภูมิประเทศสวยๆและจุดท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อาจจะดี อันจะได้รับความบันเทิงและความซาบซึ้งทางอารมณ์ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นเหนืออื่นใด การได้เรียนรู้ว่า ผู้คนใช้ชีวิตของพวกเขาอย่างไรสำคัญกว่า

มันมีโอกาสที่สถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่จองไว้เพื่อให้ตื่นตาตื่นใจนั้นอาจเป็นสถานที่ที่น่าเบื่อ น่ารังเกียจสำหรับคนในท้องที่นั้น

สถานที่ที่ดูทื่อทึมน่าเบื่อสำหรับผมมันอาจเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของประชาชนที่นั่น ไม่เพียงแต่มีความสุขกับสถานที่ภายนอกเพียงแต่อย่างหากแต่ได้เรียนรู้ผู้ที่อยู่อาศัยรอบนั่นด้วย นี่ก็เป็นสเน่ห์ของการท่องเที่ยวมิใช่รึ?

‘สำคัญที่สุด ผมสงสัยเหลือเกินว่า มอนสเตอร์ที่นี่บริหารเมืองยังไง’

มอนสเตอร์ที่โผล่มาให้เห็นโดยมากมีสติปัญญาขั้นสูง จากบทสนทนาที่พูดกันตอนอยู่ที่บาร์ ตอนเดทกัน และที่อยู่อาศัยของพวกเขา ผมอยากรู้เรื่องพวกนั้น

“……กระผมคิดว่า พอเข้าใจเจตนาของฝ่าบาทขึ้นมาแล้ว ดูเหมือนกระผมต้องแก้ไขหมายกำหนดการณ์วันนี้”

วูฟโฟเอตพูดออกมาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย

“เราจะไปแวะ เขต2และเขต 4 แทน ทั้งสองเขตนั้นเป็นย่านที่เก่าแก่ที่สุดของเนฟเฮม ฝ่าบาทจะได้รับเอกลักษณ์เฉพาะของเขตเมืองเนฟเฮมทั้งจากที่อยู่ของคนท้องถิ่น นอกจากนั้นยังมีอาหารพื้นบ้านที่นี่ด้วย แต่อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับรสนิยมฝ่าบาทนัก”

“ร่างกายของข้ามิได้ต้องการสารอาหารใด”

นั่นเป็นเรื่องจริง ผมไม่ต้องกินอะไรเลยนับตั้งแต่เป็นจอมมาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน จอมมารทั้งหลายต่างเป็นทั้งสิ่งมีชีวิตและดวงวิญญาณ ร่างกายของพวกเขาถูกสร้างและรักษาไว้ด้วยเวทย์มนตร์จากพื้นที่รอบข้าง

“หากเป็นไปได้ ให้ข้าได้ตื่นเต้นกับอาหารมื้อแรกที่นี่ แล้วต่อจากนั้นก็นำทางข้าไป”

“…….”

วูฟโฟเอตกลับมองผมด้วยแววตาประหลาด ณ ขณะนั้นเอง มันผสานความรู้สึกแปลกๆส่งถ่ายมาหาผม

‘หืม? อะไรกันเนี่ย?’

ความรักและความโหยหา? ออกจะมีความโกรธเจืออยู่หน่อิยๆ? มันเป็นอารมณ์จากคนอื่นที่ผมไม่คุ้นเคยในสถานการณ์แบบนี้ ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย

“มีปัญหาอะไรรึ??”

“กระผมขอประทานอภัย ฝ่าบาท กระผมเพียงรู้สึกว่า ฝ่าบาทนั้นแตกต่างจากจอมมารคนอื่นๆ”

วูฟโฟเอตโค้งให้

อ้อ นั่นเป็นสิ่งที่ผมได้ยินมาจนถึงตอนนี้ ดูเหมือนจอมมารตนอื่นจะเป็นพวกอยากทำอะไรก็ทำ เป็นโรคหลายบุคลิกภาพ ทั้งยังเป็นพวกเผด็จการโดยสมบูรณ์ ซึ่งนั่นเองที่ทำให้ลาพิสประหลาดใจ แต่ผมไม่สนหรอกว่า จอมมารตนอื่นจะมีนิสัยอย่างไร

‘เขามีความพึงพอใจใ ที่ผมต่างจากจอมมารตนอื่น’

ความโกรธนั่นอาจจะเนื่องจากจอมมารตนอื่น ผมสามารถจับเหตุผลเบื้องหลังอารมณ์ของเขาได้แล้ว ผมยิ้มกรุ้มกริ่มและขอให้เขานำทางให้ผม

ผมเริ่มรู้สึกดีๆกับวูฟโฟเอต เนื่องจากอารมณ์ก่อนหน้าที่ไม่เคยเจอมาก่อน เขายิ้มกลับมา และเดินไปข้างๆเพื่อนำทางให้

‘ผมสงสัยขึ้นมาว่า ความปรารถนา คึออะไร?’

คำถามนั้นอยู่ๆก็แวบเข้ามาในหัว อย่างไรก็ตาม มันไม่สำคัญนัหรอก จิตใจของผู้คนนั้นลึกซึ้งและลี้ลับ

ดังนั้นพวกเขาจึงตอบสนองต่ออารมณ์อันหลากหลายตามแต่ชีวิตที่ตนเคยใช้มา

“โอ้ ใช่ ฝ่าบาท มันเป็นการหยาบคายอย่างมากที่จะพูดถึงชาวเมืองว่าเป็นมอนสเตอร์ ชาวเมืองก็นับเป็นผู้คนเผ่าหนึ่งที่อาศัยแม้จะห่างไกลความเจริญ และมีสัญชาติญาณเหมือนมอนสเตอร์ พูดง่ายๆคือ ชาวเมือนั้นต่างยืนยันตนว่าเป็นปีศาจหรือเผ่าปีศาจ”

“ปีศาจ? แล้วมันมีความต่างกันอย่างไรระหว่าง มอนสเตอร์กับปีศาจ?”

“ถูกแล้วครับ ความเป็นจริงแล้ว มาตรฐานของการแยกแยะระหว่างมอนสเตอร์กับปีศาจนั้น เป็นเรื่องที่เฉพาะตัวเป็นอย่างมาก…….”

ผมเดินท่องเที่ยวเนฟเฮมขณะที่ฟังคำอธิบายรายละเอียดที่แสนฉลาดจากวูฟโฟเอต

ถนนแคบลงเรื่อยๆเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่า พวกเราห่างไกลจากถนนใหญ่มามาก

“เทียบจากที่อื่น เนฟเฮมนั้นค่อนข้างจะเป็นเมืองที่ได้รับการยอมรับ ก่อนหน้านี้ไม่นาน เนฟเฮมยังเป็นแค่เพียงหมู่บ้านชาวประมงบ้านนอก เพียง300ปี จากหมู่บ้านชาวประมงที่เละเทะก็แปรสภาพกลายเป็นเมืองรอง”

แน่ล่ะ ผมมองไปที่บ้านช่อง ก็เห็นบ้านหินที่เต็มไปด้วยเรื่องราว แม้จะตกใจที่เห็นมอนสเตอร์ อ้า ไม่ใช่สิ เห็นผู้คนกำลังใช้เวลาว่างไปกับการอยู่บนหลังคาเพื่อตากและพับเสื้อผ้า พวกนั้นไม่ต่างอะไรเลยกับป้าๆชาวเกาหลีใต้

“สาเหตุที่ทำไมเมืองที่ทั้งดิบเถื่อน หยาบโลนถึงไม่ถูกยึดครองโดนชนชั้นสูงแห่งโลกปีศาจ……สาเหตุก็เพราะเหล่าปีศาจได้ร่วมสมอง ร่วมใจกันมาตลอด 300 ปี เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน พวกเราจึงรวมจุดแข็งขึ้นเพื่อสร้างสิ่งที่ปลอดภัยและมืออาชีพ ที่เรียกว่า ‘งาน’ ”

วูฟโฟเอตอธิบายว่า เนฟเฮมนั้นเป็นเมืองแบบสาธารณรัฐ มี 5 บริษัทใหญ่ที่ร่วมมือกันอยู่ และเป็นผู้นำเมือง บริษัทเคียนคุสก้าเป็นหนึ่งใน 5 บริษัทเหล่านั้น

“แน่นอนว่า พวกเราอาจจะเป็นศัตรูต่อกันและขัดแย้งกันบ่อยครั้ง แม้แต่ระดับใหญ่ๆปัญหาระหว่างองค์กรก็ไม่ใช่เรื่องหายาก แต่ถึงอย่างนั้นเราจะร่วมมือกันโดยทันทีเมื่อมีภัยคุกคามเข้ามา ดังนั้น การพนัน การหลอกลวงและความรุนแรงจึงเป็นสิ่งที่ก่อร่างสร้างเนฟเฮมขึ้นมา”

วูฟโฟเอตยิ้ม

“นั่นเพราะพวกเราเอาชนะข้อขัดแย้งภายใน แล้วหันมาร่วมมือกันพวกเราถึงได้ประสบความสำเร็จกว่า 300ปี”