ตอนที่ 25 ท่านแน่ใจนะว่าเจ้าพวกนี้จะไหว

Game of the World Tree

ทันทีที่สี่หนุ่มได้ยินเสียงจากระบบ พลันปรากฏฉายา ผู้พิทักษ์แห่งมหาพฤกษา สีม่วงลอยอยู่บนชื่อตัวละครสีเขียวของพวกเขา

มันเป็นฉายาที่มาพร้อมฟอนท์สุดเท่และเอฟเฟคฉูดฉาดตามสไตล์เกมจีน

“ฉายาพิเศษหยั่งเจ๋ง!”

“คืนชีพสมบูรณ์ตั้งห้าอัน?”

“แหล่มมาก!”

เอลฟ์หนุ่มทั้งที่ล้วนตื่นเต้นกับรางวัลที่ได้รับ

“เหล่าผู้ถูกเลือกผู้กล้าหาญ ขอให้โชคดีมีชัยในการผจญภัยด้วยพรของเรา”

อีฟยิ้มเล็กน้อย เธอกล่าวคำลาและโบกมือส่งดวงจิตของทั้งสี่กลับสู่โลกแห่งซากัส

ในมหาวิหาร ณ เวลานี้ มีเพียงอลิซและเบอร์เซิร์กเกอร์ที่ยังคงอยู่กับอีฟ

“อลิซ เบอร์เซิร์กเกอร์ ภารกิจครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการฟื้นคืนชีพของเรา โปรดช่วยเหล่าผู้ถูกเลือกให้บรรลุเป้าหมายนี้”

อีฟกล่าวแก่สาวกทั้งสอง

“น้อมรับบัญชา”

ทั้งคู่ขานรับด้วยความเคารพ

“องค์พระมารดา …”

เบอร์เซิกเกอร์เริ่มบทสนทนาอย่างลังเล ราวกับมันมีบางสิ่งที่อยากอธิบายแต่เป็นการยากที่จะเริ่มต้น

“จงพูด”

อีฟพยักหน้า

ความกังวลของเบอร์เซิร์กเกอร์ดูทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อมันได้รับการอนุญาตจากอีฟ

“แท้จริงแล้ว ท่านสามารถมอบการถ่ายทอดข้อมูลภารกิจให้แก่พวกเขา … มันคงไม่จำเป็นที่จะต้อง …”

“มันไม่จำเป็นที่เราจะต้องเรียกพวกเขามาที่นี่ เพื่อพบปะเหล่าผู้ถูกเลือกและดำเนินการเรื่องเหล่านี้ด้วยตัวเอง ใช่ไหม?”

รอยยิ้มบาง ๆ คลี่ออกบนใบหน้าอันงามงดของเทพธิดา

เบอร์เซิร์กเกอร์เบี่ยงศีรษะของตนเล็กน้อยก่อนจะตอบรับด้วยเสียงทุ้มต่ำ

กิ๊ง …

กิ๊ง …

กิ๊ง …

อีฟจรดปลายนิ้วลงบนที่วางแขนของบัลลังก์เป็นจังหวะ มันกลายเป็นเสียงหนึ่งเดียวที่แทรกความเงียบของมหาวิหารขึ้นมา

เมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง อีฟยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะเริ่มสนทนาต่อ

“มันเป็นวิธีสร้างความสนุกสนานตามสไตล์ของพวกเขา เจ้าจะได้เข้าใจมันในอีกไม่ช้า”

หลังกล่าวจบ อีฟโบกมือของตนอีกครั้งเพื่อส่งสาวกผู้ซื่อสัตย์ทั้งสองออกจากมิติปัจเจกของตน

เดมาเซียและผู้เล่นทั้งสามรู้สึกราวกับตกอยู่ในห้วงภวังค์ พวกเขากลับมาสู่วิหารแห่งธรรมชาติ ณ ใจกลางเมืองที่สร้างโดยเหล่าผู้เล่น

ทว่าเวลานี้ มันมีฉายาพิเศษอยู่เหนือชื่อตัวละคร แถมด้วยเมนูใหม่ในระบบที่ระบุข้อความอันแจ่มชัด [คืนชีพสมบูรณ์ x 5]

สี่หนุ่มสบตากันและกัน พลันโห่ร้องด้วยความปีติ ก่อนจะพุ่งตัวออกจากวิหาร

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ชั้นมีข่าวดีมาบอก!”

“ฉายาพิเศษ! เราทั้งสี่ได้ฉายาพิเศษ! รุ่นลิมิเต็ดหมดแล้วหมดเลย!”

“ตูอัดวีดิโอออกมาด้วย มันงามมาก เดี๋ยวจะรีบไปอัพโหลดให้ชมเป็นขวัญตา”

พวกเขาผลักประตูวิหารออกมา พบว่าบริเวณโดยรอบรายล้อมไปด้วยฝูงชนจำนวนมหาศาล เดมาเซียตะโกนก้องด้วยความตื่นเต้น

“พี่น้องทั้งหลาย! เนื้อเรื่องหลักได้เริ่มขึ้นแล้ว! เนื้อเรื่องหลัก!”

ทว่าในเวลานี้ บรรยากาศรอบตัวกลับเต็มไปด้วยความโกลาหลอย่างผิดปกติก่อนที่เดมาเซียและทีมจะออกมาจากวิหาร

“ตั้งปาร์ตี้ไปลุยโซนรกร้างกันเร็ว! เควสนครศักดิ์สิทธิ์ฟลอเรนซ์! เราเปิดรับคนเลเวลสิบ! ใครกลัวเลือดช่วยถอยไปให้ห่าง!”

“ทางนี้ต้องการนักเวท!”

“ใครพอเป็นคนออกคำสั่งได้ป่ะ? ทีมเราขาดผู้สั่งการ!”

เดมาเซีย: “ฮะ … ???”

ชายหนุ่มทั้งสี่จ้องเขม็งไปรอบ ๆ เมื่อพบว่าทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับการจัดปาร์ตี้ โดยพวกตนยังไม่ได้เริ่มการแจ้งข่าว

ฮะ?

เกิดอะไรขึ้นหว่า?

ราวกับว่าทั้งโลกล่วงรู้การเผยเนื้อหาของภารกิจหลักก่อนที่พวกเขาจะได้ประกาศมันออกมา ในวินาทีนั้นได้มีผู้เล่นคนหนึ่งเดินโฉบเข้ามาใกล้เดมาเซียและยกนิ้วโป้งเป็นเชิงชื่นชม

“เดมาเซีย นายเจ๋งโคตร พวกนายเริ่มภารกิจหลักได้จริง ๆ”

“โหดมากสหาย! อยากลองคุยกับเทพธิดาแบบนั้นมั่งอ่ะ!”

ได้ยินดังว่า เดมาเซียพลันนิ่งด้วยความตะลึงงัน

“พวกนายรู้กันหมดแล้ว?”

ผู้เล่นในบริเวณใกล้เคียงพร้อมใจกันพยักหน้าเป็นการยืนยัน

“ช่าย! ทันทีที่พวกนายถูกเทพธิดาซัมมอนไป พวกเราก็เปิดระบบคัทซีนจากมุมมองบุคคลที่สาม อิจฉาตาร้อนสุด ๆ บอกเลย …”

“ช่าย! สเปเชียลเอฟเฟคของคัทซีนนี่อย่างสุด! เทพธิดาอีฟก็อย่างแจ่ม!”

“ฮ่าฮ่า ชั้นเรคคอร์ดวีดิโอเอาไว้ด้วย แถมเพิ่งจะอัพขึ้นเน็ตไปให้พวกที่ชวดโควต้าทดสอบมันอิจฉาตาร้อนกันเล่น ๆ ตะกี้ ฮ่าฮ่า!”

เดมาเซีย: “…”

แหงแซะ … เรื่องใหญ่แบบเควสหลัก ยังไงก็คงต้องมีการประกาศอย่างเป็นทางการอ่ะแหละ

มือของเดมาเซียก่ายหน้าผากด้วยความสิ้นหวังเล็กน้อย

เดี๋ยว … มันมีผู้หาญกล้าตัดหน้าอัพโหลดวีดิโอก่อนตูเรอะ?

บ้าเอ้ย …

ผู้เล่นอีกคนหนึ่งโผล่เข้ามามองฉายาของเดมาเซียด้วยความอิจฉา

“ฉายาผู้พิทักษ์แห่งมหาพฤกษา! อย่างสวยอ่ะ! อาา สงสัยจริง ๆ ว่าในอนาคตจะมีฉายาพิเศษแบบนี้โผล่มาอีกมั้ย”

เมื่อเดมาเซียได้ยินดังว่า ความเศร้าโศกที่มีในช่วงก่อนหน้าพลันหายไปสิ้น เขาห่อริมฝีปากเล็กน้อยพลางยืนเท้าเอว ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

“ฮ่าฮ่า ฉายานี้เป็นรางวัลสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ไม่มีทางหรอกน้อน”

เขาพูดต่อ

“แถมดูให้ดีนา ในคำแนะนำภารกิจบอกชัดเจนว่ายูควรจะมีคืนชีพสมบูรณ์ ถ้าจะหาสมาชิกปาร์ตี้ก็ดูกันดี ๆ ล่ะ!”

ความขิงยังไม่จบอยู่แค่นี้เมื่อเดมาเซียเดินด้วยท่าทีวางมาดสุดชีวิต พลางโชว์ [คืนชีพสมบูรณ์ x 5] ในสเตตัสบาร์ของตน

คู่สนทนาชำเลืองมองแถบสเตตัสพร้อมยิ้มกริ่มเมื่อได้ยินคำบอกเล่าของเดมาเซีย

“ฮ่าฮ่าไม่ต้องห่วงไป พอเริ่มเควสหลักปุ๊บ ทุกคนก็ได้รับแจกปั๊บ ตอนนี้ทุกคนที่เลือกเข้าร่วมภารกิจหลักจะได้รับคืนชีพสมบูรณ์ 3 อันจากเทพธิดา”

เดมาเซีย: “…”

“อ่ะแฮ่ม … ดีแล้ว ๆ”

เขาหัวเราะแห้ง ๆ พลางปัดมือเป็นพัลวัน

“แค่นี้ก่อนนะนาย ตูมีธุระต้องคุยกับพี่มู่”

สิ้นประโยคดังกล่าว เดมาเซียหันหลังให้คู่สนทนาพลางส่ายหัวเล็กน้อยและถอนหายใจออกมาอย่างชัดเจน

“อา … ฉายาผู้พิทักษ์แห่งมหาพฤกษาของของตูข้า มันช่างเจิดจ้า … เจิดจ้ายิ่งนัก …”

เส้นทางเส้นใหม่ของเกม The Kingdom of Elves ได้เริ่มขึ้น! ภารกิจหลัก [โบราณสถานนครศักดิ์สิทธิ์] ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!

เมื่อผู้เล่นทำภารกิจสำเร็จ นอกจากจะได้ค่าประสบการณ์ในจำนวนที่สมน้ำสมเนื้อ พวกเขายังมีโอกาสที่จะได้รับบัฟคืนชีพสมบูรณ์เพิ่มอีกหนึ่งครั้ง แถมจะได้รับค่าผลงาน ซึ่งเดิมทีจะเปิดระบบนี้ให้ใช้เมื่อผู้เล่นมีเลเวล 11 ขึ้นไป!

ปริมาณข้อมูลที่เปิดเผยออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เหล่าผู้เล่นที่มีเลเวลเก้าขึ้นไปล้วนตื่นเต้นกันอย่างมาก แน่นอนว่าผู้คนส่วนใหญ่ย่อมอยากลองสิ่งใหม่ ๆ จึงได้เริ่มหาสมาชิกปาร์ตี้กันอย่างต่อเนื่อง

The Kingdom of Elves ไม่จำกัดจำนวนสมาชิกปาร์ตี้ แต่ผู้เล่นมักจะฟอร์มทีมด้วยจำนวนห้าคนราวกับเป็นข้อตกลงที่รู้กันทั่วไป จำนวนสมาชิกห้าคนต่อหนึ่งปาร์ตี้นับว่าเป็นสิ่งที่พบเจอได้ในเกม VR อื่น ๆ เช่นกัน

ในบรรดาบทความกลยุทธ์ของ The Kingdom of Elves ได้มีผู้เล่นชื่อดังบางคนวิเคราะห์ไว้ว่าปาร์ตี้ที่ประกอบด้วยสมาชิกห้าคน จะดึงประสิทธิภาพในการบุกโจมตีของผู้เล่นได้สูงสุด ยกตัวอย่างเช่นทีมของ ข้าวกล่อง ที่ได้สังหารงูหลามยักษ์อันทรงพลัง

ผ่านไปเพียงสิบห้านาที ผู้คนกว่า 91 ชีวิตได้ฟอร์มทีมขึ้นมา 21 ปาร์ตี้ นอกจากนี้ จำนวนผู้ที่มีเลเวล 10 ยังมีมากถึง 37 คน!

ทว่าภารกิจสร้างวงเวทเคลื่อนย้าย กลับก่อให้เกิดความขัดแย้งเล็ก ๆ ระหว่างผู้เล่นด้วยกัน …

“ว่าไงนะ? น้องอลิซมีวัตถุดิบสำหรับวงเวทแค่ชุดเดียวเรอะ?”

“เห็นว่าวัตถุดิบเวทมนตร์มันขาดแคลนอ่ะ …”

“นั่นหมายความว่า … จะมีแค่ทีมเดียวที่ทำภารกิจย่อยอันแรกสำเร็จอ่ะดิ”

“บ้าจริง แล้วเราจะทำไงกับรางวัล!”

“เอาไงอ่ะทีนี้? เอ่อ .. จับฉลากกันป่ะ?”

“จับฉลากเป็นวิธีที่ไม่เวิร์ค คือเรามีวัตถุดิบสำหรับวงเวทชุดเดียว นั่นคือมันมีโอกาสครั้งเดียวที่จะทำภารกิจให้ลุล่วง ทีนี้การทำให้มันทำงานได้อย่างราบรื่นก็เป็นสิ่งสำคัญ คือยังไงหลังก่อสร้างอ่ะ พวกศัตรูมันต้องเล็งทำลายวงเวทอยู่แล้ว ดังนั้นต้องมีคนคอยปกป้องวงเวท …”

“เอางี้ คุยกันแบบแมน ๆ ด้วยหมัดแทนปากละกัน เรามาแข่งกันเหอะ”

“แข่งยังไงนะ? สู้กันอ่ะเหรอ?”

“แล้วจะแบ่งรางวัลกันยังไง? มันไม่มีทางออกมาแฟร์หรอกมั้ง?”

การถกเถียงยังคงดำเนินต่อไป

เบอร์เซิร์กเกอร์เฝ้ามองเหล่าผู้เล่นที่เอาแต่ส่งเสียงเอะอะมาอย่างต่อเนื่อง มันได้แต่ปั้นหน้านิ่งในขณะที่คิ้วขมวดด้วยความกลัดกลุ้ม

เหตุใดเอลฟ์เหล่านี้ถึงไร้ระเบียบแบบแผน ไร้ระเบียบวินัยถึงเพียงนี้? ภารกิจยังไม่เริ่มแท้ ๆ แต่พวกเขากลับถกเถียงกันด้วยเรื่องวงเวทเคลื่อนย้ายเนี่ยนะ?

พวกเขาไม่รู้จักความรักใครกลมเกลียวและสุภาพอ่อนน้อมในแบบฉบับของเอลฟ์หรืออย่างไร?

พวกไร้วินัยเหล่านี้จะบรรลุเป้าหมายขององค์พระมารดาจริงหรือ?

เบอร์เซิกเกอร์คิดว่าก็อบลินน่าจะแข็งแกร่งกว่าเหล่าเอลฟ์ที่เอาแต่ตะโกนโหวกเหวกพวกนี้ด้วยซ้ำ แม้ว่าก็อบลินจะอ่อนแอปานใดก็ตาม

ทว่าโอ๊คการ์ดได้ประจักษ์กับผลงานการสร้างเมืองของเหล่าผู้ถูกเลือก พวกเขามีความสามารถอย่างยิ่งยวดในด้านสถาปัตยกรรม สิ่งที่เหลืออยู่ในขั้นต่อไปคือการสู้ด้วยหอกดาบของแท้!

เบอร์เซิร์กเกอร์ยังจำท่าทางทะลึ่งตึงตังของเดมาเซียและผองเพื่อนเมื่อตนได้เฝ้าดูจากในป่าได้เป็นอย่างดี …

มันเป็นที่ชัดเจนว่าเหล่าผู้ถูกเลือกพวกนี้ยังไม่เคยมีประสบการณ์ต่อสู้ของแท้ แถมบางคนจะออกอาการคลื่นเหียนวิงเวียนเมื่อเจอเลือดด้วยซ้ำไป!

ที่สำคัญ มันยังมีนักบวชก็อบลิน นั่นหมายถึงพวกมันจะมีผู้บังคับบัญชาที่ค่อนข้างฉลาด แต่พวกผู้ถูกเลือกล้วนไร้ระเบียบแถมยังเสียงดังน่ารำคาญ ไม่มีใครยอมใคร ไม่มีแม้กระทั่งผู้นำ …

แถมยังไม่มีผู้ถูกเลือกคนใดพัฒนาถึงระดับเหล็กเลยแม้แต่คนเดียว

แล้วงานนี้จะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีได้อย่างไร?

“พระมารดา … ทางเลือกของท่านเหมาะสมแน่หรือ?”

เมื่อคิดเช่นนี้ เบอร์เซิร์กเกอร์พลันหน้านิ่วคิ้วขมวดไปอีกขั้น

อลิซมองอย่างเห็นอกเห็นใจเมื่อตนสังเกตถึงท่าทีของโอ๊คการ์ดที่ขุ่นมัวลงทุกขณะ แน่นอนว่าอลิซก็รู้สึกไปในทางเดียวกัน

พวกนี้มันโจรป่าจำแลงกายมาชัด ๆ … ไม่มีใครเป็นเอลฟ์ผู้สูงศักดิ์แม้แต่ตนเดียว มองอย่างไรก็เหมือนกับพวกนักรบรับจ้างชาวมนุษย์!

แต่เดี๋ยวค่ะ! เจ้าพวกนี้ไม่มีแม้แต่ระเบียบวินัยในแบบแผนของมนุษย์ด้วยซ้ำ! แถมพวกเขายังขี้เกียจตัวเป็นขน!

เก๊ง! เก๊ง! เก๊ง–!

“เงียบหน่อยสหาย!”

เสียงตะโกนก้องพร้อมการเคาะจังหวะพลันปลุกเบอร์เซิร์กเกอร์จากห้วงภวังค์ เสียงนี้เรียกความสนใจจากเหล่าฝูงชนได้อย่างอยู่หมัด …

เสียงนี้มาจากเดมาเซียผู้ที่ยืนตระหง่านอยู่บนกองไม้ซุง เขาเคาะมีดไม้ลงบนหินเป็นการส่งสัญญาณ ในอีกมือปรากฏโทรโข่งขนาดย่อมซึ่งสร้างจากใบไม้ขนาดใหญ่ที่ม้วนทบจนแน่น

“หยุด! หยูดดดด! พี่มู่มีบางอย่างจะพูด!”

พี่มู่? หลี่มู่?

ได้ยินดังว่า ฝูงชนที่เคยอึกทึกต่างพากันเงียบเสียงลงอย่างช้า ๆ

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _

T/N: อรุณสวัสดิ์ค่ะ งานสัปดาห์นี้อย่างหนักหน่วงเลย โฮก

ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ

Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432

_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _