ตอนที่ 122 กล้าดียังไง!

สตรีในชุดราชวังเดินมาหาฉินเยว่ก่อนจะมองไปที่หยางเย่พร้อมกล่าว “เป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่กล้าดูหมิ่นราชวังบุปผา?”

หยางเย่หัวเราะอย่างเย็นเยือกพร้อมเอ่ย “ดูหมิ่น? ข้ากล่าวอะไรผิดไปงั้นหรือ? ความสัมพันธ์แบบผู้ซื้อกับผู้ขาย พวกเขาก็ต้องนอนเตียงเดียวกัน ดังนั้นความสัมพันธ์ของซูเสียวเสี่ยวและกงหยวนก็คงเป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่? เมื่อพวกเขาทําเช่นนั้น ข้ากล่าวผิดตรงไหนงั้นหรือ?”

ซูเสียวเสี่ยวโกรธจนเห็นผ่านใบหน้า ดูเหมือนนางตั้งใจจะโจมตี แต่สตรีชุดราชวังห้ามนางไว้ก่อนจะมองไปที่หยางเย่ “หนุ่มน้อย เจ้ามีความขัดแย้งอะไรกับศิษย์น้องข้า หรือมีความขัดแย้งอะไรกับราชวังบุปผางั้นหรือ?”

คําถามเป็นไปด้วยความหมายมากมาย หากหยางเย่กล่าวว่าขัดแย้งกับราชวังบุปผา เช่นนั้นมันจะต้องเป็นเรื่องจริงจังขึ้นมา เพราะเป้าหมายหยางเย่จะไม่เป็นเพียงการดูหมิ่นซูเสียวเสี่ยวคนเดียว มันจะกลายเป็นดูหมิ่นราชวังบุปผาด้วย หากหยางเย่ดูหมิ่นราชวังบุปผา เช่นนั้นแม้หยางเย่จะเป็นศิษย์ของมหาอํานาจ นางก็ไม่ลังเลที่จะจัดการเขาเพื่อรักษาเกียจของสํานัก!

แต่หากเป็นความขัดแย้งระหว่างเขาและซูเสียวเสี่ยว เช่นนั้นนางจะสั่งสอนแค่บทเรียนที่เหมาะสมให้เขาแต่ไม่ถึงขั้นสังหาร แน่นอนว่าเงื่อนไขพวกนี้มันเกี่ยวกับหยางเย่!

ฉินเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะที่นางกําลังจะกล่าวบางอย่าง แต่หยางเย่ได้กล่าวก่อน ”มันสําคัญงั้นหรือ? ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งระหว่าซูเสียวเสี่ยวหรือราชวังบุปผา ท่านก็จะลงมือกับข้าอยู่ดี? ดังนั้นอย่าเปลืองเวลาแล้วเข้ามาเลยไม่ดีกว่าหรือ?”

ทันทีที่กล่าวจบ พลังปราณล้ําลึกในร่างกายของเขาก็โคจรออมา และเตรียมพร้อมจะเรียกราชันหมาป่าทั้งสองพร้อมกับหีบดาบล้ําค่า หากสตรีผู้นี้โจมตี เขาจะใช้ทุกอย่างที่มีจัดการพวกเขาที่นี่เสีย เพราะราชวังบุปผาได้ทําร้ายมารดาของเขา ดังนั้นหยางเย็ไม่คิดจะรับไมตรีใดอีก

ใบหน้าสตรีชุดราชวังกลายเป็นเย็นเยือก นางมองไปยังฉินเยว่ก่อนจะกล่าว “นางเป็นที่พึ่งพาของเจ้างั้นหรือ? หากเป็นเช่นนั้นเจ้าก็คิดผิดแล้วล่ะ เสียวเสี่ยว ข้าจะจัดการสตรีผู้นี้เอง ส่วนเขาขายกให้เจ้า! อย่าสังหารเขาแค่ทําให้เกือบตายก็พอ!” ทันทีที่กล่าวจบ นางพุ่งเข้าหาฉันซี่เยว่

ฉินเยว่เองก็ไม่เปลืองลมหายใจอีก นางเรียกแส้ออกมาก่อนจะพุ่งเข้าต่อสู้กับนาง

ถึงแม้ไม่ทราบว่าหยางเย่มีความขัดแย้งใดกับราชวังบุปผา แต่นางก็เลือกที่จะสนับสนุนเขา มันไม่มีเหตุผลอื่นใดมากมาย เพราะพวกเขาลงเรือลําเดียวกันแล้ว และนางยังต้องใช้หยางเย่เพื่อช่วยมารดาของนาง!

ซูเสียวเสี่ยวมองไปยังหยางเย่พร้อมเผยท่าที่อํามหิตผ่านดวงตา นางกล่าว “ข้าจะตัดลิ้นและน้องชายโสมมของเจ้าทิ้ง และข้าจะทําให้…”

” หากเจ้าต้องการจะสู้ก็เข้ามาเสียที จะพล่ามห้เสียเวลาทําไม!?” หยางเย่ขัดจังหวะพร้อมพุ่งไปทางนาง

“อึ” ซูเสียวเสี่ยวอุทานอย่างเย็นชา นางเรียกดาบขึ้นมาก่อนจะพุ่งไปทางหยางเย่เช่นกัน

ขณะที่อยู่ห่างจากนางหกเมตร ดวงตาหยางเย่หรี่ลงก่อนจะถ่ายเทพลังปราณเข้าไปยังรองเท้าวายุ หลังจากนั้นเขารีบกระทืบพื้นด้วยเท้าขวา จากนั้นเขาใช้แรงดีดจากมันจนทิ้งภาพติดตาไว้สามร่าง ไม่นานหยางเย่ได้มาปรากฏอยู่ตรงหน้าซูเสียวเสี่ยว

ท่าทีของซูเสียวเสี่ยวเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นหยางเยเร่งความเร็ว นางตระหนักแล้วว่าตนเองประเมิณคู่ต่อสู้ต่ําเกินไป โชคดีที่ปฏิกิริยานางไม่ได้ช้า นางเหวี่ยงดาบในมือเล็กน้อย ปราณดาบกว่าสิบเล่มถูกยิงไปทางหยางเย่ จากนั้นเท้าขวานางลงที่พื้นเพื่อถอยห่างจากหยางเย่

“ก้าววายุ!” หยางเย่หาได้สนใจปราณดาบตรงหน้าพร้อมกล่าวในใจว่า ก้าววายุ” หลังจากนั้นความเร็วของเขาได้เพิ่มขึ้นอีก ความมุ่งมั่นเดียวคือพุ่งไปให้ถึงตัวซูเสียวเสี่ยวที่กําลังจะถอยหนี จากนั้นเขาชักดาบแทงไปยังหน้าอกของซูเสียวเสี่ยว

ถอย

ดวงตานางเผยอาการตกตะลึงและความกลัวออกมาเมื่อเห็นความเร็วของหยางเย่เพิ่มขึ้นอีก จากนั้นจึงคิดจะใช้เกราะพลังปราณ แต่ขณะที่กําลังคิด นางได้รู้สึกเจ็บหน้าอกขึ้นมาทันที ทําไมเราถึงรู้สึกเจ็บ? ดาบของเขายังอยู่ในผักอยู่ไม่ใช่หรือ? เขาหาได้ชักดาบออกมาไม่!”

ไม่นานสติของนางได้เลือนลาง ทันใดนั้นได้สังเกตเห็นรูตรงหน้าอก เมื่อเห็นเช่นนั้นซูเสียวเสี่ยวได้เอ่ยออกมาราวกับจะขาดใจ ” ความเร็ว….อะไรกัน…” ขณะที่ยังกล่าวไม่จบ ร่างของนางได้กระทบกับพื้นไปเรียบร้อย

หลังจากจัดการกับซูเสียวเสี่ยว หยางเย่หันไปมองสตรีอีกคนที่กําลังสู้กับฉินเยว่ เขาไม่ลังเลที่จะใช้ก้าววายุพุ่งเข้าไป

เมื่อสังหารไปหนึ่งแล้ว เช่นนั้นก็ไม่ต้องลังที่จะสังหารอีกหนึ่งคนที่เหลือ!

สตรีชุดราชวังที่กําลังต่อสู้อยู่กับฉินเยว่สังเกตเห็นปราณจิตสังหารเข้ามาใกล้ตัวจากด้านหลัง จากนั้นท่าทีของนางเปลี่ยนไปทันที ร่างของนางถอยออกไปด้านข้างสามเมตร ขณะที่ถอยออกไป ปราณดาบได้ฉีกผ่านท้องฟ้าจนใกล้จะถึงตัว เนื่องจากหลบได้ทัน ทําให้ปราณดาบกระทบกับกําแพงด้านหลังอย่างรุนแรง

สตรีชุดราชวังหันไปดู เปลือกตานางบิดเบี้ยวเมื่อเห็นว่าเป็นหยางเย่ หลังจากนั้นจึงหันไปมองยังศพของซูเสียวเสียวที่นอนอยู่ไม่ไกล

“เจ้าสังหารนางงั้นหรือ?” สตรีผู้นั้นหันไปมองหยางเย่พร้อมปล่อยรังสีชั่วร้ายออกมา จากนั้น นางคิดบางอย่างก่อนจะมองไปที่มือหยางเย่ “เจ้าเป็นศิษย์สํานักดาบราชันงั้นสินะ เจ้ากล้าดียังไง! ….กล้าดียังไงถึงมาสังหารศิษย์ราชวังบุปผาของข้า?” ทันทีที่กล่าวจบนางโจมตีไปอย่างไม่ลังเล

แต่ทันใดนั้น ฉินเยว่ได้มาถึงด้านข้างของหยางเย่พร้อมกลับใช้พลังปราณปล่อยไปยังสตรีชุดราชวัง ทําให้ร่างกายนางหยุดชะงักไปชั่วครู่

อันที่จริงฉินเยว่เองก็รู้สึกตกตะลึงเช่นกัน นางไม่คาดคิดว่าซูเสียวเสี่ยวจะถูกสังหารโดยหยางเย่ และยังไม่คาดคิดว่ามันจะรวดเร็วถึงเพียงนี้ “เขาอยู่ขั้นปราณมนุษย์จริงหรือ?

หยางเย่ไม่ตอบคําถามสตรีชุดราชวัง เขากําลังจะเรียกราชันหมาป่าทั้งสองออกมาจัดการกับนาง

ทันใดนั้นเปลือกตาหยางเย่กระตุก เขาหันไปเจอผู้ที่ผ่านทางมา ศิษย์ทั้งห้าคนของโรงเรียนปราชญ์ และศิษย์สํานักดาบราชันกําลังเดินมาทางเขา

เมื่อเห็นเช่นนั้น หยางเย่เก็บความคิดที่จะจัดการนางไว้ก่อน หากคนของโรงเรียนปราชญ์ช่วยเหลือนาง เช่นนั้นเขาอาจจะไม่สามารถสังหารนางได้แม้จะใช้ราชันหมาป่าทั้งสอง เว้นแต่เขาจะใช้ไข่มุกโลหิตมาร แต่ซูชิงฉือเองก็ยังเกรงกลัวไข่มุกนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะใช้หากไม่มีทางเลือกจริงๆ !”

เมื่อพวกเขาเห็นศพของซูเสียวเสี่ยว คนของโรงเรียนปราชญ์และสํานักดาบราชันถึงกับชะงัก และทุกคนหันไปมองหยางเย่และฉินซี่เยว่หลังจากหายตกตะลึง

“ตงอู่ฉาง! สํานักดาบราชันของเจ้ากล้าดียังไงมาสังหารศิษย์ราชวังบุปผาของข้า! ดูเหมือนสํานักดาบราชันอยากจะเป็นศัตรูกับราชวังบุปผาสินะ! เยี่ยม ยอดเยี่ยมมาก!” สตรีชุดราชวังมองไปทางตงอู่ฉางพร้อมกล่าวด้วยน้ําเสียงเย็นเยือก

ตงอู่ฉางชะงักก่อนจะเผยความสงสัยผ่านดวงตา เหว่ยเหริ่นที่ยืนอยู่ข้างตงอู่ฉางข่มความตกตะลึงไว้ก่อนจะรีบเอ่ย ”ศิษย์พี่ตง ชายหนุ่มที่นามว่าหยางเย่ เขาเป็นศิษย์นอกสํานักดาบราชัน เขาเป็น…”

“ฮ่าฮ่า” เหว่ยเหวิ่นหยุดกล่าวสิ่งใดเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะอันดุดัน หลังจากนั้นชายในผ้าคลุมสีดําได้ปรากฏตัวขึ้น ชายชุดคลุมดํามองไปยังศพของซูเสียวเสี่ยวที่นอนอยู่ก่อนจะเผยแววตาแห่งตัณหาออกมา แต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น

” หัตถ์ภูตวิญญาณ!” เมื่อเขาเห็นคนผู้นั้น ตงอู่ฉางหรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตาเขาเผยให้เห็นถึงจิตสังหารและความหวาดกลัว

ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าหัตถ์ภูตวิญญาณถอนสายตาจางร่างของซูเสียวเสี่ยวอย่างไม่เต็มใจ จากนั้นเขามองไปยังสตรีชุดราชวังพร้อมเอ่ย “จ้าวฮานเยว่ สํานักดาบราชันสังหารศิษย์ของราชวังเจ้า เหตุใดจึงยังมัวเปลืองลมหายใจอยู่งั้นหรือ? ทําไมไม่ร่วมมือกับข้าและสังหารพวกสํานักดาบราชันที่อยู่ที่นี่ให้หมดล่ะ?”

ดวงตาของสตรีนามจ้าวฮานเยวหรี่ลงราวกับรู้ว่าจะถูกหลอกใช้

ท่าทีตงอู่ฉางเปลี่ยนไปเมื่อเขาเห็นเช่นนั้น หากยอดฝีมือขั้นปราณราชันทั้งสองร่วมมือกัน เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่อาจสู้ได้แน่นอน ดังนั้นจึงรีบกล่าว “พี่ข้าว สํานักดาบราชันข้าหาได้มีความคิดร้ายต่อราชวังบุปผาไม่ ดังนั้นมันจะต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันแน่นอน กล่าวคือข้าจะหาคําอธิบายให้ ตกลงหรือไม่?”

“คําอธิบายงั้นหรือ?” จ้าวฮานเยว่กล่าวด้วยน้ําเสียงเย็นเยือก “เช่นนั้นก็ส่งศิษย์นอกคนนั้นมาให้ข้า เจ้าว่ายังไง?”

อันที่จริงนางไม่ต้องการร่วมมือกับสํานักภูตผี เพราะนางเองก็เกลียดชังสิ่งที่พวกมันทํา แต่หากสํานักดาบราชันไม่ทําให้นางพอใจ เช่นนั้นนางก็ไม่ลังเลที่จะเข้าร่วมทันที

ตงอู่ฉางสูดหายใจลึกก่อนจะมองไปยังหยางเย่ เปลือกตาของเขากระตุกทันทีที่เห็นฉินเยว่ ” ท่านคือ?”

ฉินเยว่ยิ้มพร้อมกล่าว “ข้าไม่ใช่ศิษย์สํานักดาบราชัน ดังนั้นเจ้าไม่ต้องสนใจข้า!”

ตงอู่ฉางมองอย่างลุ่มลึกก่อนจะหันไปมองหยางเยพร้อมกล่าว เหตุใดเจ้าถึงสังหารซูเสียวเสี่ยว? เจ้าทราบหรือไม่การกระทําเช่นนั้นทําให้สํานักดาบราชันและราชวังบุปผาต้องเป็นศัตรูกัน?”

” แล้วเจ้าจะทําอะไรกับข้าล่ะ?” หยางเย่หัวเราะอย่างเย็นชา

ใบหน้าตงอู่ฉางถึงกับมืดดํา