บทที่ 11 ฮ่องเต้ ท่านจะลองดูสักหน่อยหรือไม่

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 11 ฮ่องเต้ ท่านจะลองดูสักหน่อยหรือไม่

หลิงเฟิงอึ้ง เห็นหยุนถิงช่วยลงเข็ม จับชีพจร ตรวจสอบให้ซื่อจื่อ เขาพลันสีหน้าแดงเรื่อ

ใช่สิ นางเป็นสตรียังไม่กลัว เขาใจแคบแล้วล่ะ

ทั้งคืนเป็นไปเช่นนี้ จวบจนท้องฟ้าทางทิศตะวันออกเริ่มมีเส้นขอบฟ้า สีหน้าซีดเผือดของจวินหย่วนโยวพลันกลับสู่ปกติ

คิ้วขมวดมุ่นของเขาพลันคลายลง ตัวเขาเอนพิงขอบถังน้ำ ดูสงบนิ่งราวกับนอนหลับ

หยุนถิงจับชีพจรให้เขาอีก ผ่านไปอยู่นานถึงถอนหายใจโล่งอก “พิษในร่างซื่อจื่อของเจ้าถอนไปแล้วสองส่วน พยุงเขากลับไปพักผ่อนเถอะ หลายวันนี้อย่าบำรุงให้เขามากไปนัก ทานอาหารจืดหน่อยก็ดี”

หลิงเฟิงตื่นเต้นยิ่งนัก ซาบซึ้งน้ำหูน้ำตาไหล “ขอบคุณคุณหนูหยุน ขอบคุณมาก”

“ไม่ต้อง จำไว้อย่าให้ใครมารบกวนซื่อจื่อพักผ่อนเด็ดขาด และอย่าพูดเรื่องที่ข้าช่วยถอนพิษให้เขา ข้ากลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนล่ะ” หยุนถิงลุกออกมาจากถังน้ำ

“ขอรับ”

เสื้อผ้าทั้งตัวของเธอเปียกไปหมดแล้ว นั่งอยู่ในถังน้ำเกือบครึ่งค่อนคืนไม่ได้ขยับเลย พลันลุกขึ้นยืน เธอมึนหัวมาก ล้มลงพื้นทันที

หลิงเฟิงมือไวคว้านางไว้ได้ทัน “คุณหนูหยุน ท่านเป็นอะไรรึ?”

“ไม่เป็นไร นั่งทั้งคืนเหนื่อยเกินไป อีกเดี๋ยวให้คนเตรียมอาหารให้ข้าด้วย” หยุนถิงออกจากถังน้ำ หมุนตัวเดินออกไป

ประตูห้องถูกเปิดออก พวกพ่อบ้านและรั่วจิ่งที่รออยู่ด้านนอกทั้งคืนต่างพากันเป็นกังวลแทบทนไม่ไหว รีบถาม “ซื่อจื่อเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ไม่เป็นไร ซื่อจื่อของเจ้าสบายดีมาก เพียงแต่อ่อนเพลียหน่อยเท่านั้น” หยุนถิงตอบออกมาหนึ่งคำ จากนั้นเดินจากไป

พ่อบ้านกับรั่วจิ่งพุ่งเข้ามาช่วยพยุงซื่อจื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

“ทำไมซื่อจื่อยังสลบอยู่ล่ะ?” รั่วจิ่งถาม

“คุณหนูหยุนช่วยควบคุมพิษไว้ ยังไม่ฟื้นถือเป็นเรื่องปกติ” หลิงเฟิงตอบ

รั่วจิ่งถึงแอบถอนหายใจโล่งอก รีบเข้าไปช่วยซื่อจื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า และหามเขาไปนอนพักบนเตียง

ทางนี้ หยุนถิงกลับไปเรือนของตัวเองแล้ว สาวใช้เยว่เอ๋อร์รีบพุ่งเข้ามาหา “คุณหนู เหตุใดเสื้อผ้าท่านเปียกชื้นเช่นนี้ ข้าน้อยจะรีบไปเอาชุดมาให้ท่านผลัดเปลี่ยนนะ”

ตั้งแต่หยุนถิงเข้ามาในจวนซื่อจื่อ เยว่เอ๋อร์ก็ตามเข้ามาอยู่ด้วย เมื่อคืนเห็นคุณหนูไม่ได้กลับมา เยว่เอ๋อร์กังวลอยู่ทั้งคืนนอนไม่หลับเลย

“เมื่อคืนแช่ในถังยา นั่งลงเข็มให้ซื่อจื่อน่ะ ไม่ต้องกังวลไปหรอก” หยุนถิงรีบถอนเสื้อผ้าเปียกชื้นออก ถึงได้อุ่นขึ้นหน่อย

“คุณหนู เช่นนั้นท่านนอนพักผ่อนเสียหน่อย” เยว่เอ๋อร์พูดอย่างปวดใจ

“ได้” หยุนถิงสมองตื่นตัวทั้งคืน ตอนนี้ง่วงจะตายแล้ว หันไปนอนทันที

ไม่นาน คนรับใช้ก็ส่งอาหารมา เยว่เอ๋อร์รับมา พอเห็นคุณหนูของตนหลับสนิท เลยมิได้เรียกนาง

พอเช้า ในวังก็ส่งคนมาเรียกหยุนถิงเข้าวัง เยว่เอ๋อร์เลยได้แต่เรียกคุณหนูตนให้ตื่นขึ้น

“คุณหนู ในวังส่งคนมาแล้ว บอกให้ท่านเข้าวัง”

หยุนถิงหาวหวอดๆ “เช้าขนาดนี้เลย งั้นข้าไปก่อนล่ะ เจ้าเองก็ไปพักผ่อนเถอะ ดูเบ้าตาดำคล้ำคู่นั้นสิ มาอยู่ในจวนซื่อจื่อแล้วไม่ต้องรู้สึกเก้อเขินหรือระมัดระวังอะไร พวกเรามามีความสุขที่นี่นะ”

“เจ้าค่ะ คุณหนู”

หยุนถิงบอกกล่าวแก่พ่อบ้าน จากนั้นตามกงกงที่มาเรียกเข้าวังไป

พอหยุนถิงขึ้นรถม้าก็หามุมหนึ่งนั่งลงพลางว่า “กงกง เมื่อคืนข้าแทบไม่ได้นอน ขอหลับหน่อย ถึงแล้วเรียกข้านะ” จากนั้นหลับตานอนพัก

กงกงมุมปากกระตุก คุณหนูหยุนผู้นี้ช่างใจกล้านัก เช่นนี้แล้วยังหลับได้ แต่เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้คุณหนูหยุนเป็นคนที่ฝ่าบาทให้ความสำคัญมากที่สุด แน่นอนว่าไม่อาจทำให้นางไม่พอใจได้

รถม้าแล่นไปถึงพระราชวัง พอถึงหน้าประตูวังก็หยุดลง

“คุณหนูหยุน ถึงแล้ว” กงกงร้องบอก

หยุนถิงถึงลืมตาขึ้น หาวหวอดๆตามกงกงลงจากรถม้าเดินเข้าวังไป

เดินไปๆ ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงตำหนักข้างของพระราชวัง ด้านนอกของตำหนักข้างมีแต่องครักษ์เต็มไปหมด ด้านในสามชั้นด้านนอกสามชั้น ทำเอาหยุนถิงตกใจมาก

“กงกง ทำไมองครักษ์มากขนาดนี้เล่า?”

“วันนี้สิ่งที่ท่านจะสอนทุกคนเกี่ยวพันถึงชีวิตของทั่วทั้งเมืองหนานหยวน รากฐานของแคว้นต้าเยียน ฝ่าบาทย่อมให้ความสำคัญอยู่แล้ว คนพวกนี้รับผิดชอบคุ้มครองทั้งนั้น” กงกงอธิบายบอก

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง” หยุนถิงเดินเข้าไปทันที

ในนั้นคนหลายร้อยคนที่ถูกเลือกมาเรียนรู้รออยู่ที่นั่นนานแล้ว บนบัลลังก์คือฮ่องเต้

หยุนถิงคารวะทันที “หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นปีหมื่นหมื่นปี”

“ตามสบายเถิด คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่ข้าตั้งใจเลือกมาโดยเฉพาะ วัตถุดิบที่ต้องการก็ตระเตรียมครบถ้วนแล้ว ตอนนี้เจ้าสอนพวกเขาวิธีทำ ต้องสอนให้ละเอียด อย่าเก็บงำซ่อนเร้นใดๆ” ฮ่องเต้พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“หม่อมฉันรับบัญชา งั้นเริ่มจากมันเทศแห้งที่ง่ายที่สุดก่อน ล้างมันเทศให้สะอาดแล้วนึ่งร้อน จากนั้นทิ้งไว้ให้เย็น หั่นเป็นแผ่นหรือเส้นยาว อย่าเอาไปตากแดด แต่ให้วางไว้ในที่ลมถ่ายเทให้ดีแล้วแห้งเอง ถ้าชอบกินแข็งหน่อยก็ตากไว้หลายวันหน่อย ถ้าชอบกินนิ่มหน่อยก็ใช้เวลาตากสั้นหน่อย พอมันเทศแห้งเสร็จก็ใช้กระดาษห่อไว้ วางไว้ในที่ลมถ่ายเทได้ดี เก็บไว้เดือนสองเดือนก็ไม่มีปัญหา มันเทศน่ะมีน้ำตาลสูงมาก กินไม่กี่แผ่นก็อิ่มแล้ว”

หยุนถิงพูดไปพลาง หยิบมีดปังตอข้างๆและมันเทศ มาสับเป็นแผ่นและเส้นด้วยตัวเองเพื่อแสดงถึงความหนาและความกว้าง คนอื่นเห็นดังนั้นก็เริ่มหัดหั่นขึ้นมา

“เหตุใดไม่อาจตากแดดได้ เช่นนั้นไม่แห้งเร็วกว่ารึ?” กงกงถามอย่างไม่เข้าใจ

“ตากแดดมันร้อนเกินไป จะทำให้ด้านนอกแห้งแข็ง แต่ด้านในยังชื้นอยู่ แบบนี้ดูเหมือนทำเสร็จแล้ว แต่เก็บไว้ไม่กี่วันก็จะเสีย พอเจอวันฝนตกก็จะมีราขึ้น ดังนั้นไม่ได้เด็ดขาด” หยุนถิงอธิบาย

ดวงตาฮ่องเต้ที่อยู่บนบัลลังก์หรี่ลงเล็กน้อยประดุจเหยี่ยว มองสำรวจหยุนถิง ไม่คิดเลยว่าสตรีนางนี้จะมีฝีมือเยี่ยงนี้ด้วย

ต่อมาหยุนถิงก็พูดวิธีทำของขนมมันเทศ,เส้นมันทอด,ซอสมันเทศออกมาทั้งหมด พูดไปพลางแสดงให้ทุกคนดูไปพลาง

ทุกคนตั้งใจเรียนกันมาก ยังมีอีกสิบกว่าคนทำหน้าที่จดบันทึกทุกขั้นตอนเอาไว้

หลังจากขนมมันเทศกับเส้นมันทอดทำเสร็จแล้ว พอได้กลิ่นหอมนั่น ฮ่องเต้ยังอดเลิกคิ้วไม่ได้

“ฝ่าบาท จะทรงลองสักหน่อยไหมเพคะ รสชาติมิเลวเลยนะ?” หยุนถิงพูดพลางหยิบขนมมันเทศขิ้นหนึ่งขึ้นมากิน

กงกงที่อยู่ข้างๆมุมปากกระตุก “บังอาจ ท่านกล้ากินของต่อหน้าพระพักตร์ได้เยี่ยงไรกัน นี่มันมิเคารพพระองค์เลย?”

หยุนถิงไม่คิดอย่างนั้น “กงกงท่านกระต่ายตื่นตูมเกินไปแล้ว ของที่ทำออกมามิใช่ให้คนกินรึ ข้าไม่ลองแล้วจะรู้ได้เยี่ยงไรว่ารสชาติเป็นอย่างไร หรือว่าฝ่าบาทมิอยากรู้ว่า ต่อไปประชาชนของเมืองหนานหยวนจะกินสิ่งใดกัน?”

“มิเป็นไร ให้ข้าเถอะ” ฮ่องเต้พูดเนิบช้า

หยุนถิงรีบยกเข้ามาหา ฮ่องเต้หยิบชิ้นหนึ่งจะเข้าปาก กงกงรีบเข้ามาห้าม และหยิบเข็มเงินลองพิษ แน่ใจว่าไม่มีปัญหาถึงให้ฮ่องเต้กิน

ฮ่องเต้ลองชิมขนมมันเทศนั่น ไม่กินยากอย่างที่ราษฎรทำ ยังมีรสชาติหวานหอมอ่อนนุ่ม รสชาติไม่เลวเลย

“คิดไม่ถึงจริงๆว่า ขนมมันเทศนี่จะอร่อยเพียงนี้” ฮ่องเต้ชื่นชม

“แน่นอน ฝีมือของข้ามิได้โอ้อวดดอก” หยุนถิงตอบอย่างได้ใจ จับขนมมันเทศที่เหลือมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แบ่งให้ทุกคน “พวกเจ้าก็ต้องลองดู จำรสชาตินี้ไว้ แบบนี้ต่อไปตอนพวกเจ้าทำเองจะรู้ได้ว่าอร่อยหรือไม่?”