ตอนที่ 215 ย้ายไปวอร์ดทั่วไป

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 215 ย้ายไปวอร์ดทั่วไป

ไม่รู้ว่าใช้เวลานานแค่ไหนก่อนที่ฟางจั๋วหรานจะจบจูบอันแสนหวานและยาวนานนี้

หลินม่ายกระพริบตาปริ่มน้ำและมองเขาอย่างอายๆ ด้วยความข้องใจเล็กน้อย “คุณจูบฉันแรง…”

เธอลืมไปเสียสนิทว่าตนเองเพิ่งจะแอบขโมยจูบในขณะที่คนอื่นหลับ

“ผมจูบคุณแรงหรือ?” ฟางจั๋วหรานจูบเธออย่างดุเดือด

ครั้งนี้ไม่อ่อนโยนเหมือนครั้งก่อน เหมือนศัตรูที่รุกราน เหมือนกองทัพที่บ้าคลั่ง เหมือนรถม้าศึกที่บดขยี้ทุกสิ่ง

เมื่อหลินม่ายถูกปล่อยตัวอีกครั้ง ทั้งคู่ก็หายใจติดขัด

ริมฝีปากของหลินม่ายบวมเจ่อเล็กน้อยเป็นสีแดงอันเร่าร้อน ดูเร้าใจอย่างสุดจะพรรณนา

“แบบนี้ถึงจะเรียกว่ารุนแรง” ฟางจั๋วหรานเอ่ยก่อนตบแก้มเธอเบาๆ

หลินม่ายถูกเขาจูบจนรู้สึกละอาย

ไม่คาดคิดเลยว่าศาสตราจารย์ผู้อ่อนโยนจะจูบได้ดุดันขนาดนี้

หลินม่ายไม่กล้ายั่วเขาอีกแล้ว เธอยอมนอนลงบนเตียงแต่โดยดี

พยาบาลเข้ามาวัดอุณหภูมิเธอ และพบว่าเธอรู้สึกตัวดีและมีกำลังใจดี

หล่อนยื่นที่วัดอุณหภูมิให้เธอแล้วสอดไว้ใต้แขน “อ้าว! ในที่สุดก็ฟื้นแล้ว แผนรักษาของศาสตราจารย์ฟางได้ผลจริงๆ!”

หลินม่ายได้ยินบางอย่างผิดปกติ “ฉันหลับไปนานไหมคะ?”

“สามวันสองคืน คุณคิดว่านานไหมล่ะ? คิดว่าคุณจะไม่รอดเสียแล้ว”

หลินม่ายยิ้ม “คงไม่ขนาดนั้นมั้งคะ”

พยาบาลพูดอย่างจริงจังว่า “นั่นเป็นเพราะคุณไม่เข้าใจถึงอันตรายของภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด หากรักษาไม่หาย คุณก็ตาย ”

พยาบาลนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง วัดความดันโลหิตและการเต้นของหัวใจของหลินม่ายและทำการตรวจเบื้องต้น เมื่อเห็นว่าเธอสบายดีจึงจากไป

ใช้เวลาอย่างน้อยสิบนาทีในการวัดอุณหภูมิ เธอใช้ที่วัดอุณหภูมิก่อนแล้วค่อยดูอุณหภูมิร่างกาย

หลินม่ายถามฟางจั๋วหรานด้วยความงุนงง “ฉันติดเชื้อในกระแสเลือดได้ยังไงคะ?”

ฟางจั๋วหรานวิเคราะห์ “การติดเชื้อก่อโรคชนิดใดก็ตาม ตราบใดที่บนผิวหนังมีบาดแผล มันก็มีโอกาสทำให้เกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดได้ มีโอกาสมากที่ผิวหนังของคุณจะมีบาดแผลระหว่างการช่วยเหลือน้ำท่วมโดยที่คุณไม่รู้ตัว และคุณก็ติดเชื้อแบคทีเรียที่มากับน้ำท่วม”

หลินม่ายนึกถึงบาดแผลที่หลังเท้าซ้าย เธอน่าจะได้รับเชื้อในตอนนั้นจนเกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด

คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางอาศัยอยู่ในร้านอาหารของหลินม่ายในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา

ในตอนเช้าตรู่ก็พาโต้วโต้วไปเยี่ยมหลินม่าย เมื่อมองผ่านหน้าต่างและเห็นว่าเธอฟื้นแล้ว ดวงตาของผู้เฒ่าทั้งสองก็แดงก่ำด้วยความยินดี

แม้แต่โต้วโต้วก็ตบมือน้อยๆ อย่างมีความสุข “แม่ฟื้นแล้ว ในที่สุดแม่ก็ฟื้น!”

ภาวะการณ์ติดเชื้อ ถ้าสามารถช่วยชีวิดได้ทันก็จะไม่เป็นอะไร

แพทย์ประจำวอร์ดได้ตรวจหลินม่าย ตัวบ่งชี้ทั้งหมดอยู่ในเกณฑ์ดี หัวหน้าพยาบาลจึงขอให้เธอย้ายไปที่วอร์ดทั่วไป

คุณย่าฟางรู้สึกลังเลมากที่เห็นว่าหลินม่ายกำลังจะถูกย้ายไปยังวอร์ดทั่วไปหลังจากที่เธอหายดีแล้ว

หันไปพูดกับฟางจั๋วหรานว่า “แกคุยกับหมอที่ดูแลม่ายจื่อ ให้ม่ายจื่ออยู่ในห้องผู้ป่วยหนักอีกสองวัน ถ้าหล่อนไม่เป็นอะไรแล้วค่อยย้ายไปแผนกทั่วไป”

ฟางจั๋วหรานยิ้ม “ย่า แม้ว่าการติดเชื้อจะน่ากลัว แต่เมื่อหายดีแล้วก็ไม่เป็นอะไรแล้วครับ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องไอซียูอีกต่อไป”

คุณย่าฟางจึงตกลงที่จะย้ายหลินม่ายไปยังวอร์ดทั่วไป

โต้วโต้วไม่ได้ใกล้ชิดกับหลินม่ายมาหลายวันแล้ว ทันทีที่หลินม่ายถูกย้ายไปยังวอร์ดทั่วไป หล่อนก็หอมแก้มและกอดใบหน้าของหลินม่าย

แต่ไม่ได้ขอให้เธออุ้มชูสูงๆ ตอนนี้หลินม่ายอ่อนแอมาก เธอไม่สามารถยกหล่อนขึ้นสูงได้

คุณย่าฟางนั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย จับมือหลินม่ายแล้วถามว่า “อยากกินอะไรไหม ย่ากลับไปจะให้ฉายอวิ๋นทำให้”

หลังจากหายจากอาการป่วยหนัก หลินม่ายก็รู้สึกขมปากไม่อยากกินอะไร แต่เธอก็หิวเล็กน้อย

หลังจากคิดครู่หนึ่ง เธอก็กล่าวว่า “ข้าวต้มสักชามก็พอค่ะ”

ทุกครั้งที่เธอป่วย ก็อยากกินแต่ข้าวต้ม

“ย่าจะกลับไปทำข้าวต้มมาให้” พูดจบย่าฟางก็กำลังจะลุกขึ้น

ร้านของหลินม่ายให้บริการข้าวต้มในตอนเช้า ไม่ใช่ปัญหาของหลินม่ายถ้าอยากกินข้าวต้ม

ฟางจั๋วหรานกดนางเบาๆ “ย่า ฉันไปเอง”

ทันทีที่เขาปรากฏตัวในร้าน โจวฉายอวิ๋นและคนอื่นๆ ก็ถามว่า “ม่ายจื่อฟื้นหรือยัง?”

ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นฟางจั๋วหราน นี่ก็จะเป็นประโยคแรกที่พวกเขาถาม

ฟางจั๋วหรานไม่อาจซ่อนความสุขบนใบหน้าของเขาได้ “ฟื้นแล้วครับ เพราะม่ายจื่อฟื้นแล้ว ผมถึงได้มารับอาหารเช้าของหล่อน”

“ในที่สุดก็ฟื้น ขอบคุณฟ้าดิน!”

โจวฉายอวิ๋นจับมือกันแล้วโค้งคำนับ แล้วกำลังจะไปทำเกี๊ยว

ฟางจั๋วหรานพูดอย่างเร่งรีบ “ม่ายจื่ออยากกินแค่ข้าวต้มสักชาม คุณตักข้าวต้มใส่กระติกมาก็ได้ครับ”

โจวฉายอวิ๋นพูดว่า “จะกินข้าวต้มชามเดียวได้ไง มันต้องมีกับข้าวด้วยสิ ม่ายจื่อชอบกินข้าวต้มขาวกับผักใบเขียว”

หล่อนลงมือผัดตั้งโอ๋จานหนึ่งอย่างรวดเร็ว

หลังจากเตรียมอาหารเช้าให้หลินม่ายแล้ว โจวฉายอวิ๋นก็หันไปหาหลี่หมิงเฉิงแล้วพูดว่า “ดูร้านนะ ฉันจะไปเยี่ยมหลินม่ายพร้อมกับศาสตราจารย์ฟาง”

เมื่อไปถึงโรงพยาบาลแล้วเห็นว่าหลินม่ายสามารถนั่งคุยกับคุณปู่คุณย่าฟาง หล่อนก็รู้สึกโล่งใจ คุยกับเธอสองสามคำแล้วจากไป

เพราะโจวฉายอวิ๋นรู้ว่าหลี่หมิงเฉิงต้องการมาเยี่ยมหลินม่ายเช่นกัน

หล่อนต้องกลับไปเปลี่ยนเวรกับเขา

ฟางจั๋วหรานเทข้าวต้มจากกระติกน้ำร้อนเพื่อป้อนหลินม่าย

หลินม่ายชำเลืองมองผู้เฒ่าสองคนที่กำลังหยอกล้อกับโต้วโต้ว และกระซิบ “คุณได้บอกปู่กับย่าหรือเปล่าคะว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน?”

ฟางจั๋วหรานตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง เขามักตัดสินใจเรื่องตัวเองอยู่เสมอ และไม่เคยคิดจะบอกใคร

“ยังไม่ได้บอก..ผมจะบอกพวกเขาตอนนี้”

หลินม่ายหยุดอย่างรวดเร็ว “อย่า ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง”

ฟางจั๋วหรานถามอย่างงงงวย “ทำไม?”

หลินไหมขมวดคิ้ว “อย่าถามว่าทำไมเลย อย่าเพิ่งพูดตอนนี้~”

ฟางจั๋วหรานเป็นคนดีเกินไป การที่เธอเป็นแฟนกับเขาก็รู้สึกราวกับว่าเธอได้ลักพาตัวหลานชายที่มีอนาคตอันสดใสมากที่สุดของคุณปู่ฟางและคุณย่าฟาง เธอจึงไม่กล้าบอกให้พวกเขารู้

ฟางจั๋วหรานพยักหน้าเห็นด้วย

หลินม่ายรับข้าวต้มมาจากเขา “ในเมื่อต้องการซ่อนเรื่องนี้จากปู่กับย่า คุณก็ไม่ต้องป้อนฉัน เดี๋ยวปู่กับย่าจะสงสัย”

ฟางจั๋วหรานพูดไม่ออก ในเรื่องที่คนแสดงออกอย่างชัดเจนอย่างเขากลับต้องทำตัวหลบๆซ่อนๆเหมือนเป็นขโมย

หลี่หมิงเฉิงมาเยี่ยมหลินม่ายและเห็นว่าเธอกับฟางจั๋วหรานไม่สนิทกัน เขาก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงกลับไปบอกโจวฉายอวิ๋น

เขาเดาว่า “คนแซ่ฟางทำอย่างนั้นเพราะเขาไม่อยากให้ปู่ฟางและย่าฟางรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับม่ายจื่อหรือเปล่า? เขาเล่นกับความรู้สึกของม่ายจื่อหรือ?”

โจวฉายอวิ๋นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “อย่าเพิ่งด่วนสรุป ฉันจะถามศาสตราจารย์ฟางในภายหลัง”

ในตอนเที่ยง เมื่อฟางจั๋วหรานมากินอาหารที่ร้าน โจวฉายอวิ๋นก็แอบถามว่า “ศาสตราจารย์ฟาง คุณไม่ชอบม่ายจื่อของเราแล้วเหรอ?”

ฟางจั๋วหรานถามด้วยความประหลาดใจ “ทำไมคุณถึงถามอย่างนั้น?”

“เพราะดูเหมือนคุณไม่ได้บอกคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคุณกับม่ายจื่อเลยนี่”

ฟางจั๋วหรานยิ้ม “ม่ายจื่อไม่ยอมให้ผมพูด”

โจวฉายอวิ๋นรู้สึกสงสัย

ผู้หญิงจะเสียเปรียบถ้าเรื่องแบบนี้ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ ม่ายจื่อจะโง่ขนาดนั้นไม่ได้

โจวฉายอวิ๋นแอบถามหลินม่ายอีกครั้ง ซึ่งเธอก็หมายความตามนั้นจริงๆ

หล่อนถึงกับเคาะศีรษะอีกฝ่ายอย่างแรง “ทำไมเธอนี่โง่จัง?”

หลินม่ายพูดอย่างจริงจัง “ฉันไม่ได้โง่ ฉันแค่วางแผนที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก่อนที่จะเปิดเผยต่อสาธารณะ”

เธอไม่ได้ติดต่อกับฟางจั๋วเยวี่ยมานานแล้ว ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงไม่ต้องการให้คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางรู้ในตอนนี้

คุณปู่คุณย่าฟางกลับมาที่เมืองซื่อเหม่ยในวันหลังจากที่หลินม่ายถูกย้ายไปที่วอร์ดทั่วไป

เช่นเดียวกับเทศกาลแข่งเรือมังกร ลูกๆกี่คนก็ไม่ได้มารบกวนใจ

ยกเว้นฟางจั๋วหราน ไม่มีใครในตระกูลฟางรู้ว่าคนชราสองคนเคยมาที่เมืองนี้

แม้หลินม่ายจะผ่านช่วงอันตรายไปแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะฟางจั๋วหรานจะมาอยู่เป็นเพื่อนเธอทุกครั้งที่มีเวลา

ข่าวซุบซิบของเขาและหลินม่ายแพร่สะพัดไปทั่วโรงพยาบาล

แพทย์และพยาบาลหญิงต่างคร่ำครวญ ไม่มีใครคิดว่าศาสตราจารย์ฟางจะตกลงคบหากับแม่ค้าข้าวแกงที่เป็นสาวน้อยชนบทคนหนึ่ง

บางคนคาดการณ์ว่าที่ฟางจั๋วหรานตกหลุมรักหลินม่ายเพราะเขาได้เห็นความงามทางปัญญามากเกินไปและต้องการหาความแปลกใหม่ให้ตัวเอง

เมื่อความแปลกใหม่จบลง นั่นคือตอนที่ทั้งสองเลิกกัน

นอกจากนี้ ต่อให้ฟางจั๋วหรานและหลินม่ายจะรักกัน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ครอบครัวฟางจะตกลงให้สาวบ้านนอกที่ไม่ได้รับการศึกษาแต่งงานเข้าครอบครัวฟาง

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มีอุปสรรคใหม่เข้ามาแล้วสิ เรื่องความรักไม่ใช่เรื่องของคนแค่สองคนจริงๆ

ไหหม่า(海馬)