ตอนที่ 173

My Disciples Are All Villains

“เพื่อที่จะเบิกทะลวงจุดตันเถียนยังไงล่ะ” ลู่โจวได้ตอบคำถามออกไปอย่างตรงไปตรงมา

ด้วยการพูดอย่างตรงไปตรงมาทำให้ฮู่วู่เด๋ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

ฮั๊ววู่เด๋าได้ถอนหายใจก่อนที่จะพูดขึ้นมา “ข้าเองก็จะบอกความจริงกับท่านเช่นกัน ที่สำนักหยุนมีดอกแมกโนเลียสีดำเพียงดอกเดียวเท่านั้น การที่จะเบิกทะลวงจุดตันเถียนได้จะต้องใช้ดอกแมกโนเลียสีดำอย่างน้อย 2 ดอกด้วยกัน ดอกแมกโนเลียสีดำเป็นดอกไม้ที่หายากมาก ที่ยุทธภพแห่งนี้คงจะมีเพียงแค่ 5 ดอกเท่านั้น ข้าว่าพวกเราคงจะหามันไม่เจอแน่”

การจะทะลวงจุดตันเถียนได้จะต้องใช้ดอกแมกโนเลียเป็นอย่างน้อย 2 ดอกด้วยกัน

“และนั่นแหละเป็นเหตุผล…ที่ข้าต้องการแมกโนเลีย 2 ดอก”

“…”

คำพูดของลู่โจวนั้นตรงไปตรงมาไม่เปลี่ยนแปลง

“นี่ถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง ข้าได้ส่งความต้องการของท่านให้กับผู้อาวุโสแห่งสำนักหยุนแล้ว พวกเขาคงจะต้องประชุมกันในอีกไม่นานแน่นอน” ฮั๊ววู่เด๋าได้พูดขึ้น

ลู่โจวได้พยักหน้าให้ก่อนที่จะพูดออกมา “บอกสำนักหยุนด้วย ความอดทนของข้ามีจำกัด ข้าจะต้องได้ดอกแมกโนเลียสีดำมาให้ครบไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”

เมื่อฮั๊ววู่เด๋าได้ยินแบบนั้นเขาก็ได้โค้งคำนับก่อนที่จะพูดขึ้น “ข้าจะพยายามไกล่เกลี่ยให้ได้ดีที่สุดเอง ถ้ายังไงข้าจะกลับมาให้คำตอบท่านภายในหนึ่งเดือนดี”

“ได้”

หนึ่งเดือนเป็นระยะเวลาที่พอยอมรับได้สำหรับลู่โจว

ในตอนนี้พลังความแข็งแกร่งรวมไปถึงพลังวรยุทธของลู่โจวยังคงอ่อนแอ ถ้าหากตัวเขาไม่ต้องออกไปหาแต้มบุญ เขาก็คงจะไม่ต้องออกจากภูเขาทองไป ในตอนนี้สิ่งที่สำคัญสำหรับลู่โจวก็คือการฟื้นฟูพลังวรยุทธที่ตัวเองมีให้ได้ซะก่อน

ถ้าหากเป็นจีเทียนเด๋าเขาคงไม่แม้แต่ที่จะรอวันเดียว แต่ลู่โจวในตอนนี้แตกต่างกันออกไป ตัวเขาไม่ได้เร่งรีบอะไร

หนึ่งเดือนได้ผ่านไปในพริบตา

ตลอดทั้งเดือนลู่โจวใช้เวลาของเขาไปกับการฝึกฝนลูกศิษย์และทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ ในที่สุดตัวเขาก็สามารถสะสมแต้มบุญได้ถึง 15,000 แต้ม

ภายในห้องโถงใหญ่ ในตอนนั้นเองลู่โจวกำลังจ้องมองแต้มบุญที่มีในเมนูระบบ ตัวเขาได้พึมพำกับตัวเองออกมาอย่างลังเล “ฉันจะซื้ออวตารใหม่หรือจะจับฉลากนำโชคดี?”

ถ้าหากลู่โจวพยายามที่จะจับฉลาก ตัวเขาก็จะต้องพบกับความเสี่ยง แต่ถ้าหากตัวเขาซื้อพลังร่างอวตารใหม่ไป ตัวเขาก็จะสูญเสียแต้มบุญทั้งหมดที่เก็บมาอย่างยากลำบาก และถ้าหากลู่โจวไม่เหลือแต้มบุญอยู่เลยการจะใช้ชีวิตรอดอยู่ในโลกใบนี้ได้คงจะเป็นอะไรที่อันตราย

หลังจากที่พิจารณามาระยะเวลาหนึ่งลู่โจวก็ได้ส่ายหัว ตัวเขาตัดสินใจที่จะตัดสินใจที่หลังเมื่อตัวเขาได้รับแต้มบุญมากกว่านี้ซะก่อน ท้ายที่สุดแล้วยังไงลู่โจวในตอนนี้ก็มีแต้มบุญมากพอที่จะซื้อพลังร่างอวตารได้ตลอดเวลา และเพราะแบบนั้นจึงไม่มีอะไรจะต้องรีบร้อน

ในตอนนั้นเองฮั๊ววู่เด๋าและหมิงซี่หยินก็ได้เดินมายังศาลาปีศาจลอยฟ้า

“ท่านปรมาจารย์”

“ท่านอาจารย์”

ลู่โจวได้จ้องมองไปยังหมิงซี่หยินและฮั๊ววู่เด๋า ฮั๊ววู่เด๋าเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าเขาจะพยายามที่จะปกปิดพลังของตัวเองมากแค่ไหน แต่ถึงแบบนั้นมันก็หลอกสายตาอันแหลมคมของลู่โจวไม่ได้ เมื่อลู่โจวจำได้ว่าฮั๊ววู่เด๋าเป็นผู้ที่ได้รับพลังวิเศษจากวิซซาร์ดไป ตัวเขาเลยตัดสินใจถามความคืบหน้ากับฮั๊ววู่เด๋า “เจ้าน่ะฝึกฝนตัวเองจนก้าวหน้าขึ้นมาแล้วรึยัง? “

ฮั๊ววู่เด๋าที่ได้ยินคำถามนั้นถึงกับตกใจ ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นในขณะที่มองไปยังลู่โจวที่กำลังนั่งอยู่ ฮั๊ววู่เด๋าเมื่อหนึ่งเดือนก่อนได้รับบาดเจ็บสาหัสมา หลังจากที่ผ่านการต่อสู้กับสิบคนทรงตัวเขาก็ได้ต่อสู้กับนักบุญแห่งดาบลั่วฉีซานอย่างดุเดือด แต่ด้วยพลังวิเศษของวิซซาร์ดทำให้ปมที่ตัวเขามีมาตลอดเวลากว่า 20 ปี ถูกคลายลง เมื่อตัวเขาหายจากอาการบาดเจ็บไป วรยุทธของฮั๊ววู่เด๋าก็เพิ่มมากขึ้น ตัวเขาที่ปกปิดพลังตัวเองในตอนนี้ไม่มีทางเลยที่จะมีใครคนไหนสัมผัสพลังที่แท้จริงของตัวเขาได้ แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวกลับมองออกอย่างง่ายดาย และเพราะแบบนั้นจึงทำให้ฮั๊ววู่เด๋ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

เมื่อได้ยินแบบนั้นหมิงซี่หยิน, ต้วนมู่เฉิง และหยวนเอ๋อต่างก็มีสีหน้าที่ตกใจเช่นเดียวกัน

“ยินดีด้วยผู้อาวุโสฮั๊ว! “

“ยินดีด้วยผู้อาวุโสฮั๊ว! “

ต้วนมู่เฉิงรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ยังจะต้องเคารพยอดฝีมืออย่างฮั๊ววู่เด๋า “ยินดีด้วยผู้อาวุโสฮั๊ว”

ฮั๊ววู่เด๋าได้โบกมือก่อนที่จะพูดขึ้นมา “ขอบคุณทุกคนมากสำหรับคำยินดี…ถ้าหากไม่ใช่เพราะพลังวิเศษของวิซซาร์ด ข้าก็คงจะยังไม่สามารถคลายปมที่มีอยู่ในใจตลอดเวลากว่า 20 ปีนี้ได้ ในท้ายที่สุดแล้วข้ายังจะต้องขอบคุณท่านปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าด้วย ข้ารู้สึกขอบคุณจริงๆ ” เมื่อพูดจบฮั๊ววู่เด๋าก็ได้คุกเข่าเพื่อทำความเคารพ

ไม่มีใครที่จะคิดห้ามฮั๊ววู่เด๋า

ในศาลาปีศาจลอยฟ้า ลู่โจวมีสิทธิ์โดยชอบธรรมที่จะได้รับคำขอบคุณนี้ แม้ว่าลู่โจวจะเป็นชายที่ข้ามมิติมายังโลกใบนี้ แต่ถึงแบบนั้นเขากลับสามารถกลายเป็นปรมาจารย์แห่งศาลาลอยฟ้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากตัวเขาจะแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้แล้วเขายังสามารถทำให้ความไม่สบายใจของฮั๊ววู่เด๋าจางหายไปได้ด้วย เพราะแบบนั้นแล้วลู่โจวจึงสมควรได้รับคำขอบคุณอันนี้

“ยืนขึ้นซะเถอะ” ลู่โจวได้โบกมือให้อย่างเยือกเย็น

ฮั๊ววู่เด๋าที่ได้ยินแบบนั้นก็ลุกขึ้นยืน

“ดอกบัว 7 กลีบแล้วสินะ? ” ลู่โจวได้เอ่ยปากถามออกไป

ดวงตาแห่งสัจธรรมที่ลู่โจวมีเปิดเผยให้ตัวเขาเห็นพลังวรยุทธของฮั๊ววู่เด๋าอย่างชัดเจน

ฮั๊ววู่เด๋าพยักหน้าตอบรับ ในตอนนั้นเองลำตัวของเขาก็ได้ส่องสว่างออกมา “อวตารร้อยวิถี! “

พลังร่างอวตารที่มีดอกบัวถึง 7 กลีบได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของฮั๊ววู่เด๋า

“ผนึกตราประทับทั้ง 6! “

ฮั๊ววู่เด๋าย่อตัวเพื่อจัดระเบีบร่างกายตัวเอง ในตอนนั้นพลังผังหยินหยางก็ได้ปรากฏออกมาภายใต้ฝ่าเท้าของตัวเขา ครึ่งหนึ่งของผังกลายเป็นสีดำ ครึ่งที่เหลือเป็นสีขาวสว่างไสว

ไม่นานนักตัวอักษรก็ได้ปรากฏขึ้น สวรรค์, โลก, ชีวิต, ความตาย, น้ำ, ไฟ, ชีวิต, ไร้ชีวิต, วิโยค

ตักอักษรทั้งเก้าได้หมุนรอบตัวของฮั๊ววู่เด๋าเอาไว้

นี่ก็คือพลังผนึกตราประทับทั้งหกเก้าอักษร!

หมิงซี่หยินและหยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นต่างก็รู้สึกตกใจ

ต้วนมู่เฉิงในตอนนี้ดูตื่นเต้น ตัวเขารู้สึกมีพลังขึ้นมาทันที ถ้าหากไม่ได้อยู่ต่อหน้าผู้เป็นอาจารย์ต้วนมู่เฉิงก็คงจะกระโดดไปข้างหน้าเพื่อที่จะขอประมือกับฮั๊ววู่เด๋าด้วยหอกราชันย์แล้วนั่นเอง

“ศิษย์พี่สาม ดูเหมือนท่านจะถูกทิ้งห่างอีกแล้วสินะ…” หมิงซี่หยินได้พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม

“แม้ว่าผู้อาวุโสฮั๊วจะมีพลังร่างอวตารดอกบัว 7 กลีบ แต่สักวันหนึ่งข้าจะทำลายสุดยอดพลังป้องกันอย่างพลังผนึกตราประทับทั้งหกให้ได้แน่! ” ต้วนมู่เฉิงได้พูดออกมาอย่างมั่นใจ

“อย่าลืมไปว่าท่านน่ะมีหอกราชันย์ ส่วนผู้อาวุโสฮั๊วนั้นยังไม่มีอาวุธ”

“…” ยิ่งพูดต้วนมู่เฉิงก็ยิ่งจะเจ็บใจ ต้วนมู่เฉิงจ้องมองไปยังหมิงซี่หยินก่อนที่จะพูดตอบกลับไป “ถ้าหากเป็นแบบนี้ความแข็งแกร่งระหว่างผู้อาวุโสกับข้าก็คงจะห่างชั้นขึ้นไปอีก และเพราะแบบนั้นข้าคิดว่าเจ้าคงจะเหมาะสมที่สุดแล้วที่จะประมือกับข้าศิษย์น้องสี่”

“เอ่อ…” หมิงซี่หยินต้องการที่จะแกล้งต้วนมู่เฉิงเท่านั้น ใครจะไปรู้กันว่าปากจะพาซวย? หมิงซี่หยินในตอนนี้ถึงกับพูดไม่ออก

ฮั๊ววู่เด๋าที่ได้ฟังอยู่นานในที่สุดตัวเขาก็ได้แต่ส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมา “แม้ว่าต้วนมู่เฉิงจะมีพลังร่างอวตารดอกบัวเพียงแค่ 2 กลีบ แต่ถึงแบบนั้นเขากลับต่อสู้กับผู้ที่มีพลังร่างอวตารดอกบัว 4 กลีบหรือแม้แต่ผู้ที่มีพลังดอกบัว 5 กลีบได้อย่างสูสี ถ้าหากวัดตามความสามารถแล้วต้วนมู่เฉิงมีความสามารถมากกว่าข้ามาก คนหนุ่มมักจะไปได้ไกลกว่าเสมอ ข้าได้ใช้เวลากว่า 20 ปีเพื่อที่จะพัฒนาตัวเองขึ้นมาได้ ถ้าหากต้วนมู่เฉิงได้ใช้เวลาฝึกฝนตัวเองต่อไปอีกไม่กี่ปี ข้าคิดว่าเขาก็คงจะต้องแข็งแกร่งมากกว่าข้าอย่างไม่ต้องสงสัย” ถึงแม้ว่ามันจะเป็นคำพูดเพื่อการเยินยอก็ตาม แต่ถึงแบบนั้นแน่นอนว่าผู้ที่ได้ฟังแบบนี้จะต้องดีใจเป็นเรื่องธรรมดา

เมื่อได้ยินแบบนั้นต้วนมู่เฉิงก็สงบลง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

“ผู้อาวุโสฮั๊ว ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าเจ้าจะคาดหวังกับต้วนมู่เฉิงสูงถึงเพียงนี้” ลู่โจวรู้สึกประหลาดใจมาก ในบรรดาลูกศิษย์ทั้งหมดที่ตัวเขามี ต้วนมู่เฉิงนับว่าเป็นศิษย์ผู้ที่มีพรสวรรค์น้อยที่สุดแล้ว และตัวเขายังเข้าใจอะไรยากอีกด้วย แต่เมื่อจีเทียนเด๋าได้จากไป ต้วนมู่เฉิงก็สามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็ว นี้คงจะเป็นผลลัพธ์จากสิ่งที่ถูกเรียกว่าอิสระอย่างงั้นสินะ?

ถ้าหากจะพูดถึงผู้ที่พัฒนาตัวเองไปจนถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้ หมิงซี่หยินถือเป็นคนแรกที่สามารถไปถึงขั้นนั้นได้ ลู่โจวกำลังสงสัยในตัวหมิงซี่หยินอยู่ บางทีหมิงซี่หยินอาจจะปกปิดพลังความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้อีกครั้ง

ฮั๊ววู่เด๋าพยักหน้ายอมรับ “ข้าจะประมือกับต้วนมู่เฉิงให้มากขึ้น ต้วนมู่เฉิงเป็นคนที่แข็งแกร่งและอดทน รูปแบบการโจมตีของเขาเองทั้งรุนแรงแล้วก็เด็ดขาด ข้าเองก็ไม่เคยเจอคู่ต่อสู้น่ากลัวแบบนี้มาก่อน”

ต้วนมู่เฉิงเริ่มรู้สึกอับอายกับคำชมที่ได้รับมา “ท่านใจดีเกินไปแล้วผู้อาวุโสฮั๊ว”

เมื่อเห็นวรยุทธของทุกคนพัฒนาไปในทางที่ดี หยวนเอ๋อก็ได้แต่ทำหน้ามุ่ย เธอรู้สึกรำคาญที่ได้เห็นแบบนั้น แต่ถึงแบบนั้นถ้าหากเธอเบิกทะลวงจุดตันเถียนไม่ได้ หยวนเอ๋อก็จะไม่มีวันฝึกฝนตัวเองจนไปถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับศิษย์พี่คนอื่นๆ ได้

เมื่อเทียบกับผู้ฝึกยุทธที่มีพลังขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ ผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์ไม่ต่างอะไรจากมดปลวก ไม่ว่าหยวนเอ๋อจะเก่งกาจในบรรดาเหล่าผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์มากสักแค่ไหน สุดท้ายแล้วเธอก็จะไม่มีวันชนะผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้อยู่ดี การฝึกฝนตัวเองไปถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงในการฝึกยุทธ

ลู่โจวได้ลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะพูดออกมา “เอาล่ะพวกเรามากลับเข้าเรื่องเลยดีกว่า”

ฮั๊ววู่เด๋าได้โบกมือของเขา ในตอนนั้นเองพลังร่างอวตารแห่งร้อยวิถีรวมถึงพลังผนึกตราประทับทั้งหกก็ได้จางหายไป

โชคดีที่ฮั๊ววู่เด๋าไม่ได้ต้องการที่จะประมือกับลู่โจว ลู่โจวในตอนนี้ได้แต่พึ่งพาพลังของการ์ดคลื่นพลังสายฟ้าเท่านั้น การ์ดคลื่นพลังสายฟ้ามีโอกาสที่จะทำให้ตัวเขาสังหารศัตรูได้แม้ว่าจะมีโอกาสน้อยมากก็ตาม ถ้าหากฮั๊ววู่เด๋าตายไปเพราะอุบัติเหตุ ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงก็เท่ากับว่าศาลาปีศาจลอยฟ้าจะสูญเสียกำลังพลไปอย่างมหาศาล

ฮั๊ววู่เด๋าได้พูดขึ้น “สำนักหยุนได้เขียนจดหมายตอบกลับข้าเมื่อวานแล้ว พวกเขายินดีที่จะแลกเปลี่ยนดอกแมกโนเลียกับตัวฝานเชียว”