ตอนที่ 250 ทุกคนต่างตะลึง(1)

“ขอสอบถามหน่อยครับ สหายฉินมู่หลานอยู่บ้านไหมครับ?“

บุรุษไปรษณีย์จอดรถจักรยานลงแล้วเอ่ยตะโกนอยู่ตรงประตูทางเข้า

เหยาจิ้งจือรีบวิ่งออกไปแล่วเอ่ยตอบรับทันที “อยู่ค่ะ มู่หลานอยู่บ้าน มีจดหมายถึงมู่หลานของเราใช่ไหมคะ?”

ในตอนนี้ ฉินมู่หลานก็ได้เดินออกมาเช่นกัน ก่อนจะเอ่ย “ฉันอยู่นี่ค่ะ”

ก่อนหน้านี้บุรุษไปรษณีย์เคยมาส่งค่าลิขสิทธิ์ให้ฉินมู่หลานจึงรู้จักเธออยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อเห็นฉินมู่หลาน จึงยกยิ้มแล้วเอ่ยบอกกล่าวทันที “คุณอยู่บ้านก็ดีแล้วครับ มีหนังสือตอบรับส่งมาถึงคุณ”

ขณะเอ่ยเขาก็รีบยื่นซองจดหมายขนาดใหญ่ให้ทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความชื่นชม “ส่งมาจากปักกิ่งครับ คุณคงทำคะแนนสอบได้ดีแน่เลย“

ฉินมู่หลานไม่ค่อยแปลกใจมากนัก เพราะคิดว่าตัวเองต้องสอบผ่านอยู่แล้ว ขณะเหยาจิ้งจือที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เอ่ยถามด้วยความสงสัย

“เป็นหนังสือตอบรับของมู่หลานจริงเหรอ ดีจังเลย มู่หลานของพวกเราสอบติดแล้ว” ขณะเอ่ยก็มองฉินมู่หลานอย่างเร่งเร้า “มู่หลาน เธอรีบเปิดดูเร็ว ว่าใช่หนังสือตอบรับจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งหรือเปล่า“

ก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย ฉินมู่หลานกับฉินเคอวั่งสองพี่น้องได้กรอกแบบฟอร์มใบสมัครเรียบร้อยแล้ว

ตอนแรกเธอไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก เพราะมันคือขั้นตอนปกติทั่วไปที่จะต้องกรอกใบสมัครเบือกมหาวิทยาลัยก่อนการสอบ หากคะแนนสอบถึงเกณฑ์ ก็เข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่เลือกได้

แต่หลังจากนั้นไม่นานเมื่อเธอทราบข่าวว่าฉินมู่หลานได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งแล้ว ฉินเคอวั่งก็สอบติดมหาวิทยาลัยชิงหัว จิตใจของหล่อนในตอนนี้จึงสั่นไหว

เป็นเพราะเมื่อตอนที่ลูกสะใภ้คนเล็กกำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย หล่อนก็ได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับพวกมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งเพิ่มเติมมากมาย จึงพอจะทราบว่าสองมหาวิทยาลัยนี้สอบเข้ายากมากที่สุด เดิมทีหล่อนรู้สึกว่าทั้งลูกสะใภ้คนเล็กและน้องชายจะเลือกมหาวิทยาลัยที่สอบเข้าง่าย ๆ แต่สุดท้ายหนังสือตอบรับของสองมหาวิทยาลัยนี้ก็มาถึงจริง ๆ

ฉินมู่หลานเห็นท่าทางของเหยาจิ้งจือเช่นนี้ ก็ยกยิ้มแล้วเอ่ย “แม่ไม่ต้องกังวลนะคะ พวกเรามาดูกันตอนนี้เลยค่ะ”

ถึงแม้ว่าใบหน้าจะนิ่งสงบ แต่ภายในใจของฉินมู่หลานลึก ๆ ก็ยังกังวลนิดหน่อย เธอฉีกเปิดซองจดหมาย แล้วหยิบใบแจ้งรับเข้าศึกษาออกมา หลังจากอ่านแล้ว จิตใจก็สงบ

“แม่คะ เป็นหนังสือตอบรับของมหาวิทยาลัยปักกิ่งคะ”

เหยาจิ้งจืออ่านเรียบร้อยแล้วตั้งแตฉินมู่หลานเปิดซองจดหมายแล้วนำออกมา แน่นอนว่าหล่อนก็ได้เห็นเนื้อหาที่ระบุเอาไว้บนนั้นอย่างชัดเจน จึงรีบเอ่ยพูดอย่างตื่นเต้น “มู่หลาน เธอเก่งมากเลย เธอเก่งมากจริง ๆ เลยนะ ในที่สุดเธอก็ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งแล้ว“

บุรุษไปรษณีย์คนนั้นที่ตอนแรกบอกว่าฉิมู่หลานน่าจะทำคะแนนสอบได้ดีพลันมีสีหน้าตื่นตกใจเมื่อได้ยินว่าเป็นมหาวิทยาลัยปักกิ่ง “ที่แท้ก็ได้มหาวิทยาลัยปักกิ่งนี่เอง คุณเก่งมากเลยนะ ยินดีด้วยครับ”

“ขอบคุณค่ะ“

ฉินมู่หลานยกยิ้มแล้วเอ่ยขอบคุณ

บุรุษไปรษณีย์ก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน เพราะข้างกายพวกเขาตอนนี้มีว่าที่นักศึกษามหาวิทยาลัยปักกิ่งอยู่ ติดที่เขายังต้องไปส่งจดหมายอีกหลายฉบับ

“จะว่าไปแล้วปีนี้หมู่บ้านของพวกคุณค่อนข้างน่าทึ่งมากเลยนะครับ นอกจากคุณแล้วในหมู่บ้านยังมีอีกหนึ่งคนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เหมือนกัน แล้วพวกเด็กที่ได้เรียนในเมืองก็สอบติดกันค่อนข้างเยอะ ผมไม่มีเวลาคุยกับพวกคุณแล้ว ต้องรีบไปส่งบ้านอื่นต่อ มีหนังสือตอบรับเข้าเรียนที่ส่งมาจากปักกิ่งเหมือนกันด้วย บังเอิญจังเลยครับ แซ่ฉินเหมือนคุณเลย“

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็อดถามไม่ได้ “ใช่คนที่ชื่อฉินเคอวั่งหรือเปล่าคะ?”

บุรุษไปรษณีย์คนนั้นยกยิ้มแล้วพยักหน้าก่อนจะบอกกล่าว “ใช่ครับ ชื่อฉินเคอวั่ง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ แววตาของฉินมู่หลานก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “เขาเป็นน้องชายฉันเองค่ะ”

เหยาจิ้งจือก็อดกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจขึ้นมาเสียไม่ได้ “มู่หลาน เคอวั่งก็สอบติดเหมือนกัน พวกเธอเป็นนักศึกษากันแล้ว พวกเธอสองคนพี่น้องเก่งเหลือเกิน“

หลังจากเอ่ยจบ ก็จับฉินมู่หลานมาพูดด้วย “มู่หลาน พวกเราไปบ้านพ่อแม่เธอกันเถอะ เด็กสองคนหลับอยู่ ให้พ่อเธอดูแทนไปก่อน“

เซี่ยเหวินปิงเดินออกมาทีหลัง เมื่อได้ยินแบบนี้ ก็รีบยิ้มแล้วพูด “พวกเธอไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันอยู่บ้านดูแลเด็กสองคนให้”

ในที่สุด ฉินมู่หลานกับเหยาจิ้งจือก็เดินตามบุรุษไปรษณีย์ไปที่บ้านตระกูลฉิน

คนในหมู่บ้านเห็นว่าบุรุษไปรษณีย์มาแล้ว ก็ได้ทราบข่าวด้วยว่าฉินมู่หลานได้หนังสือตอบรับเรียบร้อย ตอนนี้เมื่อเห็นพวกเขากำลังเดินไปที่บ้านตระกูลฉิน ก็อดเอ่ยถามไม่ได้ “มู่หลาน หรือว่าน้องชายเธอก็ติดมหาวิทยาลัยเหมือนกัน?“

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็ยกยิ้มแล้วเอ่ย ”ใช่ค่ะ เคอวั่งก็สอบติดแล้วเหมือนกัน“

”จริงเหรอเนี่ย ถ้าอย่างนั้นพวกเธอสองพี่น้องก็จะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยกันหมด ช่างยอดเยี่ยมอะไรขนาดนี้“

เหยานิ้งจือได้ยินแบบนี้ก็ยกยิ้มแล้วเปิดปากพูด ”มู่หลานกับเคอวั่งเป็นคนเก่งอยู่แล้ว พวกเขาต่างก็จบม.ปลายกัน ตอนนี้สอบติดมหาวิทยาลัยก็ไม่เห็นแปลก“

เป็นอย่างที่พูด คนใหมู่บ้านก็ยังรู้สึกว่าน่าเหลือเชื่อ เพราะในหมู่บ้านของพวกเขาไม่มีนักศึกษามาตั้งนานแล้ว

ขณะที่หลายคนกำลังสนทนากัน ก็มาถึงบ้านตระกูลฉินเรียบร้อย

บุรุษไปรษณีย์เปิดปากตะโกนเรียก “ฉินเคอวั่งอยู่ไหมครับ?”

ฉินเคอวั่งวิ่งออกมาเร็วดุจสายลม เขาเห็นบุรุษไปรษณีย์มาหา สีหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นจนไม่สามารถปกปิดได้ “หนังสือตอบรับเหรอคับ?”

“ใช่แล้ว”

บุรุษไปรษณีย์ยกยิ้มแล้วยื่นซองจดหมายใบใหญ่ไปให้ ในตอนนั้นเอง สมาชิกคนอื่นของตระกูลฉินก็เดินออกมาสมทบด้วย แม้แต่ซุนฮุ่ยหงก็เดินออกมาท้ายสุด ก่อนจะมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ฉินเคอวั่งแทบอดใจรอเปิดซองจดหมายไม่ไหว หลังจากเห็นประกาศการคัดเลือกข้างใน แววตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เขาหันไปมองฉินเจี้ยนเซ่อกับซูหว่านอี๋ ก่อนจะพูดขึ้น “พ่อแม่ ผมสอบติดแล้ว ผมสอบติดแล้ว ผมไม่ทำให้ทุกคนต้องขายหน้าแล้ว”

อันที่จริงหลังจากเขาจบม.ปลาย พวกคนในหมู่บ้านก็คอยเอาแต่วิพากษ์วิจารณ์ตลอด บอกว่าเขาไม่ยอมทำงานหารายได้ ทำตัวไร้ค่าไร้ประโยชน์

เพียงแต่เมื่อก่อนก็มีคนพูดถึงพี่สาวมากมาย ดังนั่นเขาจึงไม่ได้สนใจมากนัก แต่คำพูดพวกนั้นก็ยังคงคาใจอยู่เสมอ โดยเฉพาะหลังจากที่พี่สาวแต่งงาน ก็มีคนพูดถึงเขามากขึ้น เป็นพ่อกับแม่ที่คอยปลอบใจไม่ให้เขาต้องเครียดมาโดยตลอด บอกว่าแค่ตั้งใจอ่านหนังสือ แล้วเก็บสมุนไพรหารายได้ไปพลาง เพียงเท่านี้เขาก็ไม่ต้องทำอย่างอื่นแล้ว ดังนี้ตอนนี้น หลังจากได้รับหนังสือตอบรับแล้ว เขาจึงอยากให้พ่อแม่ได้เห็นหนังสือประกาศการรับเข้าเรียนฉบับนี้มากที่สุด

ซูหว่านอี๋ก็ตาแดงก่ำนิดหน่อยเช่นกัน หล่อนก้าวเดินไปข้างหน้าแล้วมองดูหนังสือตอบรับในมือของลูกชาย ก่อนจะเอ่ยพูดอย่างตื่นเต้น “เคอวั่ง ลูกทำได้แล้ว นี่มันเยี่ยมมากเลย“ แต่ไม่นานนักก็หันไปถามฉินมู่หลานที่อยู่ข้าง ๆ “มู่หลาน แล้วลูกสอบติดไหม?”

ฉินมู่หลานยกยิ้มแล้งพยักหน้าก่อนจะพูด “อยู่แล้วค่ะ”

ขณะเอ่ยก็ชูหนังสือตอบรับในมือขึ้น “หนูกับเคอวั่งสอบติดแล้ว จากนี้พวกเราสองพี่น้องก็จะไปเรียนมหาวิทยาลัยในเมืองหลวงด้วยกันค่ะ“

“ดี ดีจริง ๆ ดีมาก ๆ เลย”

ตอนนี้ซูหว่านอี๋ไม่สามารถอดกลั้นได้ ก่อนจะหลั่งน้ำตา ที่ลูกสาวกับลูกชายของเธอได้เป็นนักศึกษาแล้ว

ฉินเจี้ยนเซ่อที่อยู่ด้านข้างก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน

เมื่อตอนที่ลูกสาวกับลูกชายสอบเข้ามหาวิทยาลัย จริง ๆ ในใจของเขาก็ไม่ค่อยมั่นใจนัก แต่นึกไม่ถึงเลยว่าลูกสาวกับลูกชายจะสอบติดกันหมด ตระกูลพวกเขามีขุนนางใหญ่แล้ว

ส่วนซุนฮุ่ยหงที่อยู่ด้านข้างก็อดพูดไม่ได้ “นี่เป็นไปได้ยังไง ไม่ใช่ว่าเข้าใจผิดหรอกนะ ทำไมทั้งสองพี่น้องถึงได้สอบผ่านได้“

เมื่อเอ่ยจบ สมาชิกตระกูลฉินทุกคนก็หันไปมองหล่อนด้วยสายตาโกรธเคือง

ฉินเจี้ยนหัวถึงกับตะคอกใส่ด้วยความฉุนเฉียว “ถ้าพูดไม่เป็นก็หุบปากไปซะ มู่หลานกับเคอวั่งเก่งอยู่แล้ว พวกเขาจะสอบติดมหาวิทยาลัยก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ ก็เห็นอยู่ว่าน้องรองกับน้องสะใภ้สอนพวกเขาให้ตั้งใจเรียนอ่านเขียนมาตั้งแต่เด็ก ไม่เหมือนคุณ อะไรตัวเองก็ไม่รู้สักอย่าง สอนลูกชายทั้งสองคนก็ไม่ดี ไม่มีให้เรียนอ่านเขียนเลย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ แววตาของซุนฮุ่ยหงก็เต็มไปด้วยโทสะ

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

สอบติดทั้งคู่เลย บ้านตระกูลฉินกับตระกูลเซี่ยดังแล้ว

ไหหม่า(海馬)