ตอนที่ 35 ฤดูที่อยู่ในนรก(7)

Dungeon Defense

ผมพูดด้วยความจริงใจขั้นสุด

“ข้ารู้สึกพึงพอใจที่เจ้าตอบมาอย่างตรงไปตรงมา”

“ไว้ชีวิตด้วย ……แค่ก,อย่าฆ่าข้าเลย…….”

“แน่นอน ข้าจะมีเหตุผลอะไรที่จะไปฆ่าเจ้าแล้วล่ะ?”

“โพชั่น ฮีลลิ่งโพชั่น……”

ผมฝืนดึงตัวอันโดรมาลิอุสขึ้นมา

“โชคไม่ดีเลยนะ ข้าไม่มีอะไรอย่างพวกโพชั่นติดมาด้วย ลองขอคนแถวนี้สิ แต่ก่อนอื่น เจ้าต้องลุกขึ้นมาขอโทษเจ้าของบาร์! เจ้าควรแสดงความนับถือผู้อาวุโส”

อันโดรมาลิอุสครางออกมาดังตอนที่ยืนขึ้นเพราะบาดแผลที่น่อง ผมถามเขาด้วยความห่วงใยเผื่อเขาเป็นอะไร แม้จะปากจะพูดแบบนั้นไปแต่ผมไม่ชะลอฝีเท้าให้ช้าลง ผมไม่คิดจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว อีกฝ่ายก็คงด่าผมอยู่ในหัวมากมายนั่นแหละ

“นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการจากเจ้าในตอนนี้”

“ดะ-ได้เลย”

ผมช่วงพยุงเขาตอนที่เราออกมาจากบาร์ เหล่าปีศาจทั้งหลายต่างเตรียมตัว แต่พอพวกเขารู้ว่า เป้าหมายของผมคือ อะไรก็ไม่มีใครเป็นกังวลเรื่องโกเลมของผมอีก พวกเราเดินไปหามนุษย์แมวชราที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน

“เจ้าของบาร์! ชายผู้นี้ต้องการจะพูดขอโทษกับท่าน”

มนุษย์แมวสับสนอย่างเห็นได้ชัด ปีศาจอื่นกระซิบกันพลางมองมากันหมด ก่อนที่จะรู้ตัว ปีศาจมุงก็เพิ่มขึ้นจนเป็นสองเท่านับตั้งแต่ที่เราเข้าไปในบาร์

“ชะ-ใช่”

“มันดูเหมือนว่า หมอนี่น่ะทำพลาดไปเพราะมีประสบการณ์กับโลกใบนี้น้อย คุณจะใจกว้างสักหน่อยแล้วให้อภัยเขาได้ไหม? เอาล่ะ แกทำอะไรอยู่? รีบขอโทษเข้าสิ”

โดยไม่มีการเตือน ผมดึงแขนข้างที่ผมใช้พยุงเขา พอทำแบบนั้น อันโดรมาลิอุสก็ไม่สามารถเอาชนะความเจ็บปวดที่น่องและก็ล้มลง เขายังคงครางและยังอยู่ในท่าหมอบ

“ข้าขอโทษ……ข้าผิดไปแล้ว”

“ฮ่าช!”

ผมก้าวไปเหยียบหลังมือของอันโดรมาลิอุส

“อั่ก อ๊ากกก!”

“นั่นมันขอโทษประสาอะไรกัน!? จริงใจกว่านี้อีก!”

“อุ่ก ขะ-ข้า ขอโทษ……!”

“นั่นแหละถูกต้องแล้ว กดหน้าผากลงกับพื้นแบบนั้นแหละ”

“ข้าขอโทษ ฮึก ข้าขอโทษ…….”

เขายังคงขอโทษต่อไป อันโดรมาลิอุสโขกหัวตัวเองกับพื้นจนหน้าผากเต็มไปด้วยผมยุ่งเหยิง เลือด และก้อนกรวด

คงมีผู้คนมากมายที่เกลียดเขาอยู่ลึกๆแน่ ถึงได้มาล้อมดูและหัวเราะคิกคักกัน

หัวของอัลโดรมาลิอุสเงยขึ้นทันที่ได้ยินเสียงหัวเราะ ดวงตาที่เกรี้ยวโกรธมองจ้องปีศาจพวกนั้น พวกเขาก็ผงะไป แต่ถึงอย่างนั้นพอผมเหยียบมือเขาอีกครั้ง อันโดรมาลิอุสก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะร้องออกมาแล้ว กดร่างลงไปอีกครั้ง

การขอโทษยังคงดำเนินต่อไปจนมนุษย์แมวเฒ่าทนดูไม่ไหว และบอกพวกเราว่า แค่นั้นก็พอแล้ว

“ขอบคุณเจ้าของบาร์ซะนะ สำหรับการยอมรับคำขอบคุณของแก”

“ขอบคุณ ฮึก ขอบคุณมากๆ…….”

มนุษย์แมวเฒ่าผงกหัว พอผมตรวจดูความเป็นศัตรูของอีกฝ่ายแม้จะไม่หายไปโดยสิ้นเชิง แต่ก็กลับรู้สึกอับอายที่ตกเป็นเป้าความสนใจในตอนนี้ มันดูเหมือนเขาอยากจะออกจากสถานการณ์นี้ไปให้เร็วที่สุด

“ฮีก คุ ……ซิก”

กระแสแห่งความเศร้าเสียใจไหลท่วมทับเขาทันทีที่อัลโดนมาลิอุสเริ่มร้องไห้ เขานั้นไม่ต่างจากเด็กด้วยซ้ำ ความคับข้องใจที่ถูกลงโทษแม้คุณจะทำผิดจริงๆ เป็นลักษณะอุปนิสัยของเด็กๆ ผมไม่รู้ว่า เด็กแบบนี้มันกลายมาเป็นจอมมารและก่อกวนผู้คนได้อย่างไร

ผมเช็คสเตตัสของเขา

เขามีHPเหลือแค่ 1 หากเขายังคงเลือดไหลออกจากขาต่อไป เขาคงตายเพราะเลือดหมดตัวเร็วๆนี้แน่ ผมจึงจับตัว แล้วดึงขึ้นมา เขาซวนเซเพราะรักษาสมดุลไม่ได้

“ดี ทำได้ดี แค่นี้ก็พอแล้ว จากนี้จะไปไหนก็ไปเถอะ”

“……ขอบคุณ ขอบคุณมาก…….”

ผมใช้มือตัวเองปัดฝุ่นออกจากไหล่และเข่าของเขา ผิวของอันโดรมาลิอุสนั้นซีดเซียวเป็นอย่างมากเพราะสูญเสียเลือด เขาโค้งให้ผมและหันกลับไปหาปีศาจที่รวมตัวกัน ขอร้องขอด้วยน้ำเสียงอันเปราะบาง

“มะ-มีใครมีโพชั่วบ้าง……?”

ตรงนั้นมีปีศาจอยู่ราว 30 ตน แต่ทุกคนต่างเงียบกันหมด ผมบอกได้เลยว่า พวกเขาตั้งใจที่จะอยู่เงียบๆ ไม่มีทางที่ปีศาจเหล่านี้จะไม่มีโพชั่นติดตัวมาด้วยเวลามีปัญหาขัดแย้งแล้ววิวาทกัน ซึ่งมันเป็นเรื่องปรกติในเขตเนฟเฮมอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนต่างอยู่เงียบๆ

“ได้โปรด โพชั่นขวดเดียว……ข้าจะใช้คืนให้เต็มที่เลย แม้แต่เวทย์รักษาก็ได้ ……ใครก็ได้……?”

แววตาที่เย็นชานับไม่ถ้วนจับจ้องที่เขา

ผมได้ยินเสียงกระซิบ แต่ไม่รู้ว่า พวกเขาคุยอะไรกัน อาจจะเป็นเรื่องไม่ดีเท่าไหร่

น้ำตาไหลออกมาจากถึงแก้มของอันโดรมาลิอุส เขาได้ตระหนักว่า การร้องขอนั้นมันสิ้นหวัง เขาลากขาที่เป็นแผลโซเซข้ามย่านเขตการค้าไป แล้วล้มลงในไม่กี่ก้าว อันโดรมาลิอุสนั้นคลานพลางสะอึกสะอื้นและร้องคราง เลือดที่ขาของเขานั้นไหลเป็นทางยาว

“ฮึก……คึ……ซิก…….”

ผมอยากจะลองดูดบุหรี่หรืออะไรสักอย่างนึง ไม่ใช่เพราะรู้สึกเสียใจหรือสงสารหรอก แค่คิดว่า ถ้ามีควันขึ้นมาตอนนี้มันจะเป็นอะไรที่สมบูรณ์เพอร์เฟ็คมาก

น่าเสียดายนะ ที่ผมไม่สามารถอ่านอารมณ์ของจอมมารคนอื่นได้ ชายคนนี้จะคิดอะไรอยู่ตอนนี้นะ? ระหว่างความปรารถนาที่น่าสิ้นหวังที่จะไม่ตายอาจเป็นสิ่งเดียวที่อยู่ในหัวเขาก็ได้

“ฝ่าบาท”

วูฟโฟเอตเข้ามาใกล้แล้วกระซิบผม

“กระผมมีโพชั่น”

“อย่าเอาให้เขา”

“แต่การตายแบบนั้นมันโดดเดี่ยวเกินไป”

“อยู่ๆตอนนี้เจ้าก็กลายเป็นนักบุญขึ้นมาในช่วงสั้นๆแล้วรึ”

ผมหัวเราะเยาะ

“ข้าเชื่อว่า ความตายนั้นเนื้อแท้คือความโดดเดี่ยว”

“…….”

“ดูอยู่เงียบๆไปเถอะ”

อันโดรมาลิอุสคลานไปสักพักหนึ่งจนกระทั่งหยุดลง

ผมควรจะชมเชยเขาไหม สำหรับการตะกายมาถึงมุมย่านการค้า? หลังเขาขยับขึ้นลงเล็กน้อย ดูเหมือนลมหายใจจะยังไม่หมด แต่ถึงอย่างนั้นก็อีกไม่นานเท่าไหร่หรอก สัญญาณของทุกอย่างของจุดจบกำลังใกล้เข้ามา

‘สเตตัส’

หน้าต่างไม่ปรากฏขึ้นมา นั่นหมายความว่า เขาตายแล้ว

ผมหันหลังกลับ และเลือกถนนสักเส้นหนึ่งที่นำทางออกจากย่านการค้าและเดินตรงไป วูฟโฟเอตตามผมมาโดยไม่พูดอะไร เมื่อเราออกจากฝูงชน ปีศาจทั้งหลายก็ส่งเสียงกันดังวุ่นวาย

‘อันโดรมาลิอุสตายแล้ว’ กับ ‘สมน้ำหน้ามัน’, เป็นคำพูดสองจำพวกที่พวกเขาพูดกัน

พวกเราเดินตรงผ่านตรอกแคบๆ ไม่มีคำพูดระหว่างเราไปสักพัก

แล้ววูฟโฟเอตก็พูดขึ้นมาอย่างระมัดระวังตัว

“เอิ่ม กระผมขออนุญาตถามท่านได้ไหมว่า ทำไมถึงฆ่าเขา?”

ผมไม่รู้สึกอยากจะอยู่เงียบต่อไปจึงตอบเขาอย่างมีความสุข

“มีสามเหตุผล

ข้อที่หนึ่ง เขาดูหมิ่นข้าต่อหน้าผู้คนมากมาย แม้ข้าจะทนได้ต่อบุคคลที่มีอำนาจสูงกว่ามาดูหมิ่น แต่ข้าจะไม่อยู่เงียบบเฉยหากใครบางคนที่ต่ำกว่าข้าทำเช่นนั้น ยิ่งไปกว่านั้นเขายังทำตัวเหมือนข้าต่ำกว่า ข้าไม่มีวันอนุญาตให้นามของข้าถูกดูแคลนต่อหน้าผู้คน”

พวกปีศาจเด็กต้องได้รู็ข่าวที่พวกเขาวิ่งไปบอกคนอื่นที่ท้ายซอย เด็กๆตะโกนว่า จอมมารตายแล้วก็วิ่งผ่านพวกเราไป เด็กพวกนั้นก็ไปบอกเด็กคนอื่นๆ แล้วก็เป็นอย่างนี้ไปต่อๆกัน

“ข้อสอง มันเป็นโอกาสดีที่จะได้รับชื่อเสียงที่เนฟเฮม คนอื่นก็จะได้รับรู้ว่า ข้านั้นกำจัดบุคคลที่ทำการก่อกวนอยู่บ่อยๆ ต้องมีสักคนแน่ที่รู้สึกในทางบวกกับข้า และยังมีโอกาสที่เขาจะสนับสนุนข้าจริงจังด้วย และที่สำคัญ ความประทับใจนั้นสำคัญต่อราชา”

“……ซึ่งที่เจ้าว่ามามันก็ใช่ แต่ที่จริงคำถามนั้นเจ้าก็ควรถามตัวเองด้วยไม่ใช่หรือ?”

วูฟโฟเอตมองผมด้วยแววตาฉงนสงสัย

“ข้าจะเป็นผู้บอกเจ้าเองก็แล้วกัน ตอนนี้เจ้าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดแล้ว”

“ผะ-ผู้สมรู้ร่วมคิด?”

“ก็เจ้าไม่ช่วยเขาทั้งที่มีโพชั่นนี่ จริงไหม?”

เขาผงะไป

“แต่นั่นก็เพราะฝ่าบาทได้-!”

“ไร้สาระน่า เจ้าเป็นสาวกของข้าหรือไง? ไม่ว่าเจ้าจะช่วยหรือไม่ช่วย บุคคลที่กำลังจะตายอยู่ตรงหน้า นั่นก็เป็นการตัดสินใจของเจ้าแต่เพียงผู้เดียวทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้น การปล่อยให้เขาตายนั้นเป็นความรับผิดชอบของเจ้า

ข้าล่ะสงสัยว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากข่าวออกไปว่า บริษัทเคียนคุสก้านั้นปล่อยให้จอมมารตาย”

ปากของวูฟโฟเอตอ้าค้างด้วยความตกใจ เพียงไม่นานนักเขาก็กลับมามีสติแล้วตะโกน

“นะ-นั่นมันหลอกลวงกันชัดๆ”

“ก็แค่มุกตลกหยอกเล่นน่ะ”

“…….”

สายลมเย็นเยือกพัดผ่านระหว่างเรา ผมสัมผัสได้ถึงกระแสความชิงชังจากอีกฝ่าย

อืมม ผมเดาว่า เขาสะกิดใจว่า ผมพยายามทำตัวเป็นภัยคุกคามบริษัทเคียนคุสก้าทางอ้อม มันคงดีมากถ้าเขาคิดแบบนั้น เขาจะได้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งงานต่อให้ลาพิส

ผมไม่อยากจะฝืนรบกวนเธอโดยไม่จำเป็น

“และเหตุผลที่สาม”

ผมยิ้มชั่วร้าย

“มันเป็นความลับ”

“อะไรนะครับ?”

“ข้าบอกว่า มันเป็นความลับไง ทำไมข้าต้องมานั่งชี้แจงทุกการกระทำให้ให้เจ้าฟังล่ะ? ลองใช้วิจารณญาณตัวเองแล้วเดาดูเองสิ”

ผมเดินไปฮัมเพลงไป รู้สึกได้ถึงความไม่พอใจด้านหลัง แต่ผมไม่สนใจ แม้ผมจะบอกเขาไปว่า ผมฆ่าอันโดรมาลิอุสเพื่อที่จะฆ่าฮีโร่ เพื่อปกป้องอนาคตที่ฮีโร่จะอุบัติขึ้น เขาก็คงไม่เชื่อผมอยู่ดี ผมเชื่อว่า เขาคงคิดจนหัวแทบแตกเพื่อหาเหตุผลดีๆสักข้อด้วยตัวเอง

และมันเป็นธรรมดาที่ ผู้ชายหากมีความลับสักข้อหรือสองข้อจะดูมีเสน่ห์

* * *

ในยามเย็น วูฟโฟเอตมาถึงสำนักงานใหญ่ของบริษัทเคียนคุสก้า เขาเพิ่งกลับมาจากการรับประทานอาหารมื้อค่ำในร้านอาหารท้องถิ่นของเนฟเฮมกับดันทาเลี่ยน

แม้อาหารซีฟู๊ดนั้นจะอร่อย วูฟโฟเอตกลับไม่มีอารมณ์มาลิ้มชิมรสชาติ

“สวัสดีค่ะ คุณวูฟโฟเอต”

พนักงานหน้าโต๊ะของสำนักงานใหญ่ทักทายเขา เธอเป็นมนุษย์เสือที่ตัวใหญ่และมีผมบลอนด์สวยงาม เธอนั้นสวยพอที่จะเป็นนางแบบบนโปสเตอร์ให้กับบริษัทและยังมีความสามารถในการต่อสู้ยากคับขันด้วย จึงเป็นบุคคลที่ได้รับการจ้างเป็นการส่วนตัว

วูฟโฟเอตจึงยิ้มกลับไปให้อย่างสุภาพตามสัญชาตญาณ

“ขอบคุณนะคะที่ทำงานจนถึงช่วงเย็ฯ”

“อย่าใส่ใจเลยครับ มันเป็นงานของผมอยู่แล้ว”

มนุษย์เสือเขินอาย วูฟโฟเอตรู้อยู๋แล้วว่าเธอสนใจในตัวเขา แต่ถึงอย่างนั้น มันเป็นสิ่งจำเป็นที่เขาจะต้องไม่มีประวัติด่างพร้อยเรื่องความสัมพันธ์กับผู้หญิง นั่นก็เพราะว่า เขารู้ว่า บริษัทเคียนคุสก้านั้นต้องการบุคคลแบบนั้น ไม่สิ พูดให้ตรงกว่านั้น บุคคลที่เป็นเจ้าของบริษัทต้องการแบบนั้น

“ผมมีรายงานต้องส่งให้หัวหน้า”

“อ๋อ ค่ะ รับทราบค่ะ”

ใบหน้าของหญิงสาวนั้นย้อมด้วยความริษยา

เจ้าของบริษัท อิวาร์ ล็อดบรอค(Ivar Lodbrok)

แวมไพร์ลอร์ดในตำนานที่เป็นสุดยอดท่ามกลาง 7 ผู้บริหารของบริษัทเคียนคุสก้า แต่ผู้บริหารทั้ง7 คนนั่นก็เป็นแค่ในนาม ที่ทำเหมือนเป็นบอร์ดบริหารระหว่างการประชุม แต่หญิงมนุษย์เสือรู้ดีว่า ความจริงพวกเขาก็มีแค่ชื่อเท่านั้น ถึงจะมีบางคนต่อต้านหัวหน้า ล็อดบรอค แต่ก็เป็นส่วนน้อยเท่านั้น

ชายตรงหน้าเธอมีความจำเป็นที่ต้องมอบรายงานให้กับหัวหน้าเป็นการส่วนตัว เธอจึงรู้สึกผิดหวังที่ได้พบวูฟโฟเอตแค่เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ เธอนำเขาไปยังเครื่องเทเลพอร์ท เมื่อวูฟโฟเอตถอนมือออกจากสร้อยคอ เครื่องเทเลพอร์ทก็เริ่มเปล่งแสงสีแดง นั่นหมายถึง ยืนยันการเทเลพอร์ท

“นับจากนี้ ขอให้มีค่ำคืนที่ดีนะครับ”

“เอ่อ คุณวูฟโฟเอตครับ คุณพอจะมีเวลาว่างหลังจากนี้ ……เอ่อ”

เธอพูดอย่างลังเล

“ในอนาคตฉันขอเป็นฝ่ายเลี้ยงอาหารมื้อค่ำบ้างได้ไหมคะ?”

“อาหารมื้อค่ำเหรอครับ?”

“ใช่ค่ะ! ฉันรู้สึกดีใจมากกับทุกสิ่งที่คุณทำให้ฉัน และก็ เอ่อ……ใช่ ฉันอยากจะขอบคุณเป็นการส่วนตัวด้วย…….”

เฮ่อ วูฟโฟเอตบ่นกับตัวเองในหัว สถานการณ์ที่เขากลัวที่สุดก็ได้เกิดขึ้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สาวน้อยมาสารภาพรักกับเขา มันเป็นจริงที่ว่า วูฟโฟเอทนั้นยังสดใส สุภาพทั้งยังเป็นคนหนุ่มมีความสามารถ

‘ถึงจะรู้ว่า บทบาทพวกนี้มันก็จำเป็น แต่บางทีมันก็ก่อปัญหาเหมือนกัน’

วูฟโฟเอตตอบรับอย่างเป็นมิตรเท่าที่จะทำได้

“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมอยากจะอุทิศตัวให้กับงาน”

“อ่า…….”

ใบหน้าของเธอนั้นกลายเป็นสีแดง มนุษย์เสือนั้นขึ้นชื่อเรื่องการถือในศักดิ์ศรีเป็นอย่างมาก วูฟโฟเอตเดาได้เลยว่า เธอจะต้องรู้สึกอับอายอย่างมากที่ถูกปฏิเสธ เนื่องจากสร้างความอัปยศให้กับเธอแล้ววูฟโฟเอตจึงรีบให้เหตุผลที่เหมาะสมน่าฟังในทันที

“คุณแอนเดลิน่า(Andelina)งดงามเกินไปสำหรับคนอย่างผมน่ะครับ ยิ่งไปกว่านั้นหัวหน้ากำลังสนใจผมอยู่ด้วยในตอนนี้ ผมจึงไม่อยากเสียโอกาสนี้ ผมขอโทษด้วยนะครับ”

“อะ-อ๋อ ค่ะ คุณพูดถูกค่ะ”

เธอกลับมาสงบใจลงได้บ้าง เธอกำลังครุ่นคิดถึงอนาคตคนหนุ่มที่เธอชอบ แน่นอนว่า การให้ความสนใจกับหัวหน้าของบริษัทเคียนคุสก้าที่เปี่ยมไปด้วยโอกาสดีงามและเกียรติยศอันสูงสุด เมื่อเธอรู้ว่า ตัวเองกำลังจะกีดขวางโอกาสของเขา เธอก็รู้สึกผิดขึ้นมาแม้จะเพียงเล็กน้อย

วูฟโฟเอฟมอบยิ้มบางๆให้

“เดี๋ยวผมจะไปแล้วนะครับ ผมกังวลว่าจะเกิดปัญหา ถ้าผมยังปล่อยให้หัวหน้ารอนานกว่านี้”

“อ๋อ ค่ะ! แน่นอนค่ะ! ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่กินเวลาคุณเสียนาน…….”

“ไม่เสียเวลาหรอกครับ ผมดีใจที่ได้พูดคุยกับคุณแอนเดลิน่าด้วยซ้ำ”

วูฟโฟเอตตอบอย่างนั้นก่อนจะก้าวเข้าไปในเครื่องเทเลพอร์ท มันเป็นเครื่องที่ใช้งานสำหรับคนเดียว ขณะที่สาวน้อยกลับตื่นเต้นจากคำพูดของวูฟโฟเอต วูฟโฟเอตก็ยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะใช้งานเครื่องมือเวทย์โดยไม่ลังเล เมื่อเขาทำอย่างนั้น แสงสีแดงก็บังการมองเห็นของเขาจนหมด

ชั้นบนสุดของสำนักงานใหญ่ เป็นที่ตั้งของผู้คนระดับล่างๆที่จะผ่านเข้ามาทางเครื่องเทเลพอร์ท วูฟโฟเอตเดินไปยังห้องโถงทางเดินอย่างเงียบๆ ประตูไม้อยู่สุดทางทางเดิน มันทั้งหรูหราและมีสัญลักษณ์แปลกๆสลักไว้ตามรสนิยมของแวมไพร์

-แกร้กกกกก

ไม่มีใครอยู่ในห้อง วูฟโฟเอตยังคงเดินต่อไปโดยไม่ลังเลเหมือนเขาคุ้นเคยดี พอเขาข้ามจากห้องหนึ่งไปถึงที่บริเวณหน้าต่าง มีโลงแวมไพร์เรียงรายอยู่ใกล้ๆ มันเป็นโลงที่แวมไพร์ในยุคปัจจุบันเรียกว่า เป็น แฟชั่นเก่าแก่ และปฏิเสธที่จะใช้มันเป็นเตียงนอน แต่ถึงอย่างนั้น วูฟโฟเอตมีความสุขกับการนอนในโลง แม้จะในวันนี้

แม้จะพันปีที่แล้ว

วูฟโฟเอตก้าวเข้าไปในโลงใบหนึ่ง โลงนั้นเปิดและปิดโดยไม่มีเสียง

ไม่นานหลังจากนั้นอีกโลงหนึ่งที่ไม่ใช่โลงที่เขาเข้าไปกลับเปิดออก

สุภาพบุรุษแก่ชราผู้หนึ่งลุกขึ้นมา เขาถูใบหน้าหลายต่อหลายครั้งราวกับกำลังล้างหน้า

เขามองไปที่หน้าต่าง ยามเย็นสีแดงของเนฟเฮมกระจายไปทั่วทุกซอกซอย

“จอมมารดันทาเลี่ยน……ช่างเป็นตัวตนที่น่าสนใจนัก”

ชายแก่ผู้นั้นมีใบหน้าของอิวาร์ ล็อดบรอค