ตอนที่ 208 เปลี่ยนโลก เปลี่ยนตัวเอง

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอนที่ 208 เปลี่ยนโลก เปลี่ยนตัวเอง

เพลงใหม่ของเฟ่ยหยางมีชื่อว่า ‘ภาวนา’

ชื่อเพลงทำให้ผู้คนรู้สึกสับสนอยู่บ้าง แต่เนื้อหาของเพลงนั้นเป็นกระแสนิยมมาก คุณภาพของบทเพลงก็เยี่ยมยอดมาก

ท่วงทำนองติดหูร้องง่าย สลับกับคอร์ดอีกหลายชุดเพิ่มความตื่นเต้น ยิ่งท่อนคอรัสฟังเพียงครั้งเดียวก็จำได้แล้ว…

เที่ยงคืนห้านาทีในวันแรกของเดือนพฤษภาคม เฉินจื้ออวี่ก็สิ้นหวังแล้ว

หากพูดถึงคุณภาพเพียงอย่างเดียว เพลงภาวนายอดเยี่ยมอย่างไร้ข้อกังขา

มาตรฐานในการนำเสนอบทเพลง บวกกับการขับร้องของราชาเพลง ทำให้บทเพลงนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเพลงเปลี่ยนตัวเองเลยสักด้านเดียว!

กล่าวให้ชัดก็คือสูสีกันนั่นเอง

ใช่แล้วละ เฉินจื้ออวี่รู้สึกว่าคุณภาพเพลงของตนสูสีกับเพลงภาวนาของเฟ่ยหยาง

แต่ว่า…

ชื่อเสียงของเฉินจื้ออวี่ไม่มีทางเทียบกับเฟ่ยหยางได้!

นักร้องจะติดชาร์ตได้ ไม่เพียงวัดจากคุณภาพของบทเพลง แต่ยังต้องดูจากชื่อเสียงของนักร้องด้วย!

ถ้าคุณภาพของเพลงเปลี่ยนตัวเองสามารถเกทับเฟ่ยหยางได้ ต่อให้ชื่อเสียงของเฉินจื้ออวี่จะสู้ราชาเพลงไม่ได้ เขาก็อาจมีโอกาสพลิกโชคชะตาอยู่บ้าง

แต่ถ้าหากคุณภาพของทั้งสองเพลงใกล้เคียงกัน ผู้ชนะย่อมต้องเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงมากกว่า!

ก่อนหน้านี้ เฉินจื้ออวี่พ่ายแพ้ต่อโชคชะตา

ครั้งนี้ เฉินจื้ออวี่รู้สึกว่า ตนจะพ่ายแพ้ต่อความโด่งดัง

ก็เหมือนภาพยนตร์สองเรื่องที่มีคุณภาพโดดเด่นไม่แพ้กัน

ถ้าหากไม่พิจารณาปัจจัยอื่น เช่นการโปรโมต

เรื่องที่มีราชาราชินีภาพยนตร์นำแสดง ย่อมมียอดบ็อกซ์ออฟฟิศที่สูงกว่าเรื่องที่ไม่มีราชาราชินีภาพยนตร์!

และนั่นก็ไม่ได้สูงกว่าเพียงน้อยนิดกระจิริด!

หลิวโหมวปรากฏตัวที่ที่พักของเฉินจื้ออวี่ เอ่ยเสียงเบาว่า “เป็นยังไง”

เฉินจื้ออวี่เงยหน้า มองไปยังหลิวโหมวด้วยรอยยิ้มขื่น “คุณภาพใกล้เคียงกัน ชื่อเสียงด้อยกว่ามาก”

“คนอื่นล่ะ”

หลิวโหมวถามถึงคุณภาพผลงานของนักร้องแถวหน้าอีกสองคน

“ฟังไปแล้วรอบหนึ่ง ผมน่าจะได้ที่สอง”

เฉินจื้ออวี่มีประสบการณ์ในการประเมินมาอย่างโชกโชน และการประเมินของเขาทำนายอนาคตได้ทุกครั้ง

สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ ทำนายอนาคตได้ ไม่ได้หมายความจะเปลี่ยนอนาคตได้

ในตอนนั้น

เพลงเปลี่ยนตัวเองของเฉินจื้ออวี่ก็ปล่อยออกไปแล้ว ในพื้นที่แสดงความคิดเห็นของเพลง เรียกได้ว่าเสียงชื่นชมล้นหลาม และมีคนพบว่าทำนองเพลงนี้มาจากปลายปากกาของเซี่ยนอวี๋!

‘เดี๋ยวนะ เนื้อร้องกับทำนอง…เซี่ยนอวี๋เขียน?’

‘ว้าววววว เป็นเพลงที่เซี่ยนอวี๋ทำเหรอเนี่ย ถึงว่าสิ ฟังแล้วรู้สึกว่าเพลงของเฉินจื้ออวี่ครั้งนี้เพราะกว่าเพลงเมื่อก่อน!’

‘ปังมาก!’

‘ฟังเพลงของเฟ่ยหยางกันยัง?’

‘เพลงของเฟ่ยหยางไม่ต้องพูดถึง ฝีมือระดับราชาเพลงเฟ่ย’

‘พิสูจน์แล้วว่าเป็นลูกคนรองตลอดกาลตัวจริง’

‘พิสูจน์มานานแล้ว ชวดแชมป์ตลอด รองชนะเลิศไม่เปลี่ยนแปลง!’

‘……’ ‘…’

ซาไห่เอนเตอร์เทนเมนต์

กลุ่มแช็ตก็ฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง หลังจากตายไปนานเพราะเฉินจื้ออวี่โด่งดังจนเป็นที่รู้จักแม้แต่กับคนนอกแวดวงดนตรีจากฉายาลูกคนรองตลอดกาล

‘ฟังยัง ฟังกันยัง’

‘หมายถึงเพลงเฉินจื้ออวี่อันดับสองน่ะเหรอ’

‘ฮ่าๆๆๆ เฉินจื้ออวี่อันดับสองอะไรฟระ’

‘อุ้ย กลุ่มนี้ฟื้นคืนชีพแล้วเหรอ เฉินจื้ออวี่เปิดสวิตช์พวกเธอหรือไง’

‘ที่แท้ก็ไม่ได้มีแค่ฉันที่ยังไม่นอน! ฮ่าๆๆๆ ขำท้องแข็งเลย เฉินจื้ออวี่ครั้งนี้ไม่ได้แค่เข้าสตาร์ไลท์นะ ยังร่วมงานกับเซี่ยนอวี๋ด้วย!’

‘ตามทฤษฎีแล้วต้องบอกว่าถูกที่ผิดเวลา ดันมาเจอกับราชาเพลงเฟ่ยซะงั้น!’

‘เซี่ยนอวี๋: เข็นไม่ขึ้นๆ’

‘เซี่ยนอวี๋: ขอโทษนะ แต่ฉันแบกไม่ไหว’

‘เฉินจื้ออวี่น่าสงสารมาก เพลงนี้ของเซี่ยนอวี๋คุณภาพโหดมาก นับว่าปกติสำหรับเซี่ยนอวี๋นั่นแหละ ไม่ได้ด้อยไปกว่าผลงานของราชาเพลงเฟ่ยเลย แต่เฉินจื้ออวี่แพ้ก็ตรงที่ชื่อเสียงน้อยกว่า ชื่อเสียงของราชาเพลงเฟ่ยเหนือคำบรรยายไปแล้ว’

‘คุณภาพเพลงเสมอกันทั้งที ดันมาแพ้เพราะชื่อเสียง’

‘เฉินจื้ออวี่: หมายความว่ายังไง ตอนเป็นคู่แข่ง คุณโหดมาก ทั้งต่อยผมเตะผม อัดผมซะน่วม! พอมาร่วมทีมกันแล้วคุณทำได้แค่นี้?’

‘…’

นักประพันธ์เพลงของซาไห่เฮฮากันขึ้นมา นี่เป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของเซวี่ยนล่าน ส่วนเฉินจื้ออวี่กับเซี่ยนอวี๋ก็กอดคอกันแพ้ไป!

ถึงแม้คำพูดของบางคนจะรุนแรงอยู่บ้าง แต่ในความเป็นจริง ต่อให้เซี่ยนอวี๋ออกโรงเองก็ไม่อาจลบล้างคำว่า ‘ลูกคนรองตลอดกาล’ ที่แปะอยู่บนหน้าผากของเฉินจื้ออวี่ไปได้

ลูกคนรองตัวจริง เฉินจื้ออวี่ไงจะใครล่ะ!

……

ในคืนเดียวกันนั้น นักวิจารณ์เพลงจำนวนไม่น้อยจากทั้งมณฑลฉินและฉี ต่างก็ฟังบทเพลงฮิตของฤดูกาลใหม่ทันที

จางฉีเป็นนักวิจารณ์เพลงคนหนึ่ง

นอกจากตำแหน่งนักวิจารณ์เพลงที่ชาวบ้านร้านตลาดรู้จักกันถ้วนหน้า จางฉียังมีอีกตัวตนหนึ่ง ก็คือรองประธานสมาคมดนตรีของฉินโจวเดิม

ตัวตนอย่างหลัง ทำรายได้มากกว่าตัวตนแรกไม่รู้กี่เท่า ขณะเดียวกันก็ยังทำให้ตัวตนแรกง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก

ในตอนนี้

จางฉีเพิ่งฟังเพลงภาวนาจบ ใบหน้าฉายแววพึงพอใจ “สมแล้วที่เป็นราชาเพลงที่ฉันโหวตให้ เพลงของเฟ่ยหยางยอดเยี่ยมคงเส้นคงวาจริงๆ…ดูท่าแชมป์รายการนี้คงไม่หนีไปไหน ครั้งนี้มณฑลฉินชนะ!”

ฉินฉีผนวกรวม

ชาร์ตเพลงใหม่ในตอนนี้ขับเคี่ยวกันดุเดือดจนเรียกว่าชาร์ตเพลงใหม่เมื่อก่อนเทียบไม่ติด เพราะชาร์ตเพลงใหม่ในตอนนี้ไม่ได้มีแค่นักร้องและนักแต่งเพลงจากมณฑลฉินมาร่วมประลองอีกต่อไป

ยังมีมณฑลฉีเข้าร่วมด้วย

คนดนตรีของทั้งสองพื้นที่ลงสนามร่วมชิงชัยในการจัดอันดับนี้ ทำให้มาตรฐานของชาร์ตเพลงยกระดับขึ้นไปอีก!

จางฉีในฐานะคนพื้นถิ่น ก็ย่อมหวังให้นักร้องฝั่งฉินโจวคว้าอันดับหนึ่งมาได้

ก่อนหน้านี้นักร้องจากฉีโจวได้อันดับที่หนึ่ง แม้ว่านักประพันธ์เพลงจะเป็นคนมณฑลฉิน แต่จางฉีก็รู้สึกไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่

คนเรามักจะมีความรู้สึกรักถิ่นกำเนิดของตนอยู่ไม่มากก็น้อย

ต่อให้ฉินฉีผนวกรวมกันแล้ว ในใจของหลายคนก็ยังมีความรู้สึกรักถิ่นกำเนิดของตนอยู่ดี

“ลองฟังเพลงอื่นดีกว่า”

จางฉีเหลือบไปมองรายชื่อเพลงใหม่ สุดท้ายแล้วก็กดเล่นเพลงของเฉินจื้ออวี่ มุมปากยกยิ้มบาง “ลูกคนรองตลอดกาล…”

สมญานามว่าลูกคนรองตลอดกาลของเฉินจื้ออวี่ล้วนเป็นที่รู้กันในวงการ

คนอายุสี่สิบปีเศษอย่างจางฉี ถึงแม้จะไม่ได้ชื่นชอบเรื่องบันเทิงอย่างวัยรุ่น แต่ก็อดรู้สึกสนอกสนใจขึ้นมาไม่ได้

“เพลงชื่อเปลี่ยนตัวเอง เนื้อร้องทำนองโดย…”

จางฉีเลิกคิ้วในทันใด

เซี่ยนอวี๋!

นึกไม่ถึงว่าเพลงนี้ เซี่ยนอวี๋จะถึงกับเขียนให้เฉินจื้ออวี่

เซี่ยนอวี๋

เป็นหนึ่งในนักประพันธ์เพลงที่ในอนาคตมีโอกาสกลายเป็นพ่อเพลงมากที่สุดในสายตาของจางฉี!

ความคาดหวังของจางฉีเพิ่มขึ้นมาในฉับพลัน

มือกดเล่นเพลง

ในโสตประสาทก็มีเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของเฉินจื้ออวี่ เป็นเสียงที่แฝงไปด้วยความผ่อนคลายและเสน่ห์ดึงดูด

“ลืมตาตื่นตอนเช้า มองหน้าฉันในกระจก ทำไมกันหนอทรงผมฉันตื่นมาแล้วออกจะKUSO…”

จางฉีตื่นเต้นขึ้นมา

สไตล์ของเพลงน่าสนใจมากทีเดียว ฟังแล้วทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

‘KUSO[1]’ น่าจะเป็นภาษาถิ่นของสักทวีป?

บทเพลงยังคงร้องต่อไป “เปลี่ยนแปลงกันทีละนิด ความคิดแตกต่างยิ่งใหญ่ พลังพวกเราร่วมมือเปลี่ยนโลกได้ทั้งใบ”

จางฉีพยักหน้า

เพลงนี้ไม่เลวเลย

ต่อให้ยังฟังท่อนเวิร์สไม่จบ จางฉีก็พอจะตัดสินได้คร่าวๆ แล้ว นักร้องและดนตรีประสานกันอย่างลงตัว และการเรียบเรียงก็ยิ่งขัดเกลาให้เพลงนี้กลมกล่อมขึ้น

ใช่แล้ว ผู้ที่เรียบเรียงเพลงก็คือเซี่ยนอวี๋

ขณะที่กำลังรำพันอยู่ในใจ ข้างหูก็ได้ยินเสียงร้องว่า

“ช่วงนี้อารมณ์ขุ่นมัว ช่วงนี้มีเรื่องปวดหัว ทุกวันอ่านข่าวฉันอยากจะตะโกนสุดเสียงออกมา แต่ทำยังไงได้ ยอมรับต่อไปแค่นั้น เปลี่ยนตัวเองแล้วถึงรู้ว่าแตกต่างแค่ไหน…”

เพลงนี้ ร้องความคิดของเขาออกมา?

จางฉีแลดูราวกับกำลังจมอยู่ในภวังค์

ยิ่งทุกคนพูดคุยกันเรื่อง ‘ลูกคนรองตลอดกาล’ สนุกปากแค่ไหน เฉินจื้อวี่ก็ยิ่งหดหู่มากแค่นั้น

เนื้อเพลงถ่ายทอดเรื่องนี้ออกมาได้อย่างชัดเจน

เมื่อมองจากมุมนี้ เพลงนี้ของเซี่ยนอวี๋นับว่ารังสรรค์ขึ้นมาเพื่อเฉินจื้ออวี่

เพลงบรรเลงมาถึงตรงนี้ ก็เข้าสู่ท่อนพรีคอรัสแล้ว

“พวกเธอเพื่อนคนรุ่นใหม่ ก็อย่าเพิ่งยอมแพ้กันนะ เรามาช่วยกันร้องดังๆ ว่านา นา นา นา นา…”

ท่อนคอรัสก็ย่อมตามมา

“ตัวฉันก็เปลี่ยนโลกนี้ได้ เปลี่ยนตัวเองได้ เปลี่ยนคนใจร้ายโอบกอดกันไว้ จะไม่มีย่อท้อรีรอเดินหน้าไปต่อ ถึงจะเปลี่ยนโลกใบนี้ได้เปลี่ยนตัวฉันได้”

จางฉีคลี่ยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ!

ทำนองดี ขับร้องดี จึงกลายเป็นเพลงที่ดีเพลงหนึ่ง!

เขาชอบเพลงนี้!

ถึงแม้อายุอานามจะไม่น้อยแล้ว แต่อย่างน้อยจางฉีก็เคยเป็นวัยรุ่นมาก่อน บทเพลงสบายๆ ฟังรื่นหูแบบนี้เข้ากับรสนิยมของจางฉีอย่างไม่ต้องสงสัย!

ในตอนนั้น

ท่อนเวิร์สสองก็ดังขึ้น

จางฉีฟังด้วยสีหน้ายิ้มแย้มประหนึ่งกำลังเอิบอาบสายลมแห่งวัยเยาว์ เงยหน้ารับแสงแดดอุ่นยามเช้า

“เปลี่ยนแปลงกันทีละนิด ความคิดแตกต่างยิ่งใหญ่ พวกเราพยายามก็เปลี่ยนโลกได้ทั้งใบ เราคือตัวตนของเรา ไม่ยอมถูกใครโน้มน้าว ต่อให้โลกใหญ่นี้จะทำเรากลัวจนตัวสั่นเทา…”

รอยยิ้มของจางฉีพลันชะงัก

กล้ามเนื้อของเขาซึ่งก่อนหน้านี้ผ่อนคลาย จู่ๆ ก็กลับมาแข็งเกร็ง

“เดี๋ยวนะ…”

เขาฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ดวงตาฉายแววตกตะลึง!

แน่นอนว่าบทเพลงไม่ได้หยุดเล่นอัตโนมัติเพียงเพราะเขาพูดว่าเดี๋ยวนะ การขับร้องยังคงดำเนินต่อไปจนเพลงจบลง

ในตอนนั้น

จางฉีขยับกายไปด้านหน้าอย่างอดไม่ไหว

เขาฉวยมือคว้าโทรศัพท์ กดภาพโปรไฟล์ของเพื่อนเก่าเพื่อนแก่คนหนึ่ง รีบส่งข้อความไป ‘แนะนำให้นายฟังเพลงเปลี่ยนตัวเอง’

อีกฝ่ายถาม ‘เพลงใหม่?’

จางฉีพิมพ์ ตอบอย่างตั้งอกตั้งใจ ‘ไม่ใช่แค่เพลงใหม่ ฟังจบแล้วค่อยคุยกัน’

อีกฝ่ายตอบ ‘ได้’

จางฉีสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะสวมหูฟังซึ่งวางอยู่ข้างมือ ฟังเพลงเปลี่ยนตัวเองอีกหนึ่งรอบ

เมื่อความรู้สึกในใจและทัศนคติต่างจากเดิม ฟังเพลงอีกครั้งหนึ่งแล้ว ความรู้สึกของจางฉีก็เปลี่ยนไปทันที!

‘อย่างที่คิด…’

เขาพูดพึมพำ

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จางฉีหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู เป็นเพื่อนเก่าที่โทรมา

เขาหัวเราะออกมาอย่างซับซ้อน กดรับสาย “ฟังแล้ว?”

อีกฝ่ายพูดอย่างเฉียบขาด “เพลงนี้ฉันจองแล้ว”

จางฉีคล้ายกับว่าจะไม่ประหลาดใจ “สุดยอดมากใช่ไหมล่ะ”

น้ำเสียงของอีกฝ่ายตื่นเต้นอยู่บ้าง “เนื้อร้องกับทำนองเยี่ยมมาก ที่สำคัญที่สุดก็คือเพลงนี้ร้องถึงสถานการณ์ปัจจุบันของมณฑลฉินกับมณฑลฉี”

ไม่ผิดหรอก บทเพลงนี้ร้องถึงสถานการณ์ปัจจุบันของมณฑลฉินกับมณฑลฉี!

นับตั้งแต่ฉินฉีผนวกรวมกัน ชีวิตของผู้คนทั้งสองพื้นที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน

มองจากภาพรวมก็เป็นเรื่องดี

แต่ทว่า ก็มีจุดที่ไม่ดีอยู่บ้างเหมือนกัน

แนวคิดด้านอาณาเขต รวมไปถึงอุปสรรคทางวัฒนธรรมที่ยังคลุมเครือก็ยังปรากฏอยู่!

และเพลงเปลี่ยนตัวเองพูดถึงอะไร

จางฉีเอ่ยอย่างสะท้อนใจ “ตอนแรกฉันคิดว่าเพลงนี้นักร้องพูดถึงแค่การเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่พอฟังไปถึงท่อนสุดท้าย ฉันถึงได้รู้ว่าฉันคิดตื้นไป เปลี่ยนตัวเองอะไรล่ะเพลงนี้มีความหมายแฝงลึกซึ้งกว่านั้น ทั้งเนื้อร้องทำนองกินใจสุดๆ แถมยังแทงใจดำด้วย! ตัวอย่างเช่นเนื้อเพลงท่อนที่ร้องว่าทุกวันอ่านข่าวฉันอยากจะตะโกนสุดเสียงออกมา ตอนแรกฉันไม่ได้คิดมาก ตอนหลังลองขบคิดดู นี่มันหมายถึงข่าวผนวกรวมฉินฉีตอนนั้นไม่ใช่หรือไง”

อีกฝ่ายแสดงความเห็นไปในทางเดียวกัน “เปลี่ยนตัวเองแล้วถึงรู้ว่าแตกต่างแค่ไหน พวกเธอเพื่อนคนรุ่นใหม่ ก็อย่าเพิ่งยอมแพ้กันนะ ฉินฉีผนวกรวมกัน พวกเรามาต้อนรับยุคสมัยใหม่…เปลี่ยนคนใจร้ายโอบกอดกันไว้ ท่อนนี้ฟังแล้วก็น่าละอายใจอยู่นะ ทุกคนเป็นคนบลูสตาร์เหมือนกัน แต่ขณะที่เราผนวกรวมกันแล้ว ในใจกลับยังไม่พอใจ ยังมองว่าทั้งสองพื้นที่แบ่งแยกกันอยู่…สรุปแล้วทุกคนยังไม่กลมเกลียวกัน คนทั้งสองพื้นที่ยังใจร้ายใส่กัน ยังแบ่งแยกกันอยู่ ทางการของทั้งสองพื้นที่ก็ยังไม่โอบรับกันและกัน กำแพงทางวัฒนธรรมเป็นนโยบายปกป้องตัวเองที่เห็นแก่ตัวที่สุด”

“ฉันก็คิดเหมือนกัน”

จางฉียิ้มขื่น “ไม่ยอมถูกใครโน้มน้าว ต่อให้โลกใหญ่นี้จะทำเรากลัวจนตัวสั่นเทา ต้องปรับตัวให้ได้…ตัวเองในที่นี้ หมายถึงตัวนักร้องจริงหรือ นี่หมายถึงพวกเรา พูดถึงพวกเราทุกคนในทั้งสองพื้นที่…”

“ใช้คำว่าตัวเอง แต่ที่จริงแล้วไม่ได้หมายถึงตัวเอง”

น้ำเสียงของเพื่อนฟังดูละเหี่ยใจขึ้นมา “ทุกคนคิดว่าฉินฉีผนวกรวมแล้ว ทุกคนจะมีแต่ความสุข แต่ไม่มีใครยอมรับว่า ทั้งสองพื้นที่ยังคงมีความขัดแย้งกันอยู่ เพลงนี้ฉันฟังการเสียดสีออกง่ายมาก ใจกล้ามาก แต่ฉันโคตรชอบ”

“เป็นไงล่ะ”

“ฉันจะดันเพลงนี้”

“เรื่องทางการฉันจัดการเอง เรื่องสมาคมเดี๋ยวฉันไปเคลียร์ เพลงแบบนี้จะปล่อยให้เป็นแค่เพลงฮิตติดกระแสได้ยังไง เนื้อเพลงบรรยายความในใจของฉันออกมาหมดแล้ว พวกเราจะหลับหูหลับตาไม่ได้”

“มันต้องอย่างงั้นอยู่แล้ว”

หลังจากวางสาย

จางฉีก็เปิดไฟล์ในคอมพิวเตอร์ ใจในรู้สึกปั่นป่วนจนพิมพ์ข้อความหนึ่งลงไปอย่างอดไม่ได้ ‘สิ่งที่ต้องเปลี่ยนคือโลกใบนี้ หรือว่าตัวเราเอง เมื่อบลูสตาร์ผนวกรวมเป็นหนึ่งเดียวแล้ว ทุกคนควรทำอย่างไร ลองฟังเพลงนี้ดู บางทีคุณอาจเข้าใจ…’

…………………………………………….

[1] KUSO ในเพลง เป็นคำแสลงอินเทอร์เน็ต หมายถึงแย่ เลวร้าย กระจอก ฯลฯ มาจากภาษาญี่ปุ่น และกลายเป็นที่นิยมใช้ในหมู่วัยรุ่นชาวไต้หวันตั้งแต่ช่วงปี 2000