เฟิ่งชิงหัวกำลังครุ่นคิดอยู่ ทันใดนั้นเอง ก็รู้สึกว่ากำลังมีคนขยับใกล้เข้ามาที่ด้านหลัง นางได้แกล้งทำเป็นไม่รู้ตัว จากนั้นก็ได้เหวี่ยงหมัดเข้าใส่
หมัดได้ถูกคนจับเอาไว้ที่กลางทาง เสียงเคร่งขรึมเย็นชาของบุรุษได้ดังขึ้น: “หากต่อยจนเป็นอะไรขึ้นมาเจ้าก็จะใช้วิธีช่วยเหลือของเจ้าอีกเล่นนั้นหรือ?”
เฟิ่งชิงหัวเพ่งมองดู เหนือความคาดหมายชายที่อยู่ตรงหน้าคือจ้านเป่ยเซียว
เฟิ่งชิงหัวมองไปดูรอบ ๆ : “ท่านเข้ามาจากทางไหนกัน? เหตุใดถึงไม่มีสุ้มเสียงเลยเล่า?”
จ้านเป่ยเซียวกล่าวอย่างเย็นชา: “อยากจะรู้หรือ?”
เฟิ่งชิงหัวพยักหน้า นางมั่นใจว่าเมื่อสักครู่ประตูไม่ได้ขยับ หน้าต่างเป็นแบบกึ่งซ่อน ถ้าหากมีคนเข้ามาจะต้องได้ยินเสียงแน่
“เจ้าบอกข้ามาก่อน เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”
“บอกท่านไปแล้วนี่ ท่านไม่เชื่อเอง ข้ายังจะทำอะไรได้อีก?” เฟิ่งชิงหัวแบมือกล่าว
“คนโกหก”
“คนหน้าตาย!” เฟิ่งชิงหัวตอกกลับ
“เอาล่ะ ท่านรีบออกไปเถอะ ถ้ายังมีเรื่องต้องทำ อีกสักครู่ถ้าหากมีคนเข้ามาเห็นท่านอยู่ที่นี่คงยากที่จะจัดการแน่”
“อยากที่จะจัดการอย่างไร?” จ้านเป่ยเซียวกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง ทั่วทั้งวังหลวง มีที่ไหนที่เขาไปไม่ได้บ้าง?
เฟิ่งชิงหัวมองเขาราวเขาราวกับมองคนปัญญาอ่อน: “อยากที่จะจัดการแน่นอนอยู่แล้ว ท่านคิดดูสิ ท่านมีฐานะเป็นท่านอ๋องเจ็ด ท่านมีพระชายา กลับได้มาอยู่ที่ตำหนักขององค์หญิง ให้คนอื่นพบเข้า จะต้องคิดว่าท่านมาลักหยกขโมยบุปผาเป็นแน่ พอถึงตอนนั้นข้าในฐานะพระชายาของท่านจะทำเช่นไร? พระสวามีของตนไปอยู่ที่ตำหนักของหญิงอื่น ใครจะเชื่อว่าระหว่างพวกท่านไม่มีอะไร”
“หรือว่าตอนนี้เจ้าคิดจะมีอะไรกับข้าเช่นนั้นหรือ?” จ้านเป่ยเซียวกล่าว และเดินขยับเข้าไปหาเฟิ่งชิงหัวหนึ่งก้าว มือใหญ่ ๆ พยุงเอวของนางเอาไว้ และค่อย ๆ กดนางลง แววตาร้อนแรง
เฟิ่งชิงหัวต่อยเข้าที่หน้าอกของเขาเบา: “ตอนนี้ข้าเป็นองค์หญิงซีหลัน ท่านอย่าเข้าใกล้ข้าจนเกินไป ช่วยรักษาจารีตของผู้เป็นสามีหน่อยจะได้ไหม ข้าไม่ชอบให้ผู้ชายของตัวเองเข้าใกล้ผู้หญิงอื่นจนเกินไป ถึงจะเป็นผู้ชายของข้าเพียงในนามก็ไม่ได้”
“ที่นี่ไม่มีคนอื่นเสียหน่อย เจ้าจะอยู่ในฐานะใครมันเกี่ยวอะไรด้วยหรือ ข้ารู้ดีว่าเจ้าคือผู้ใด”
เฟิ่งชิงหัวเกือบจะเวียนศีรษะเพราะคำพูดนี้ของเขา เมื่อเห็นจ้านเป่ยเซียวกำลังจะขยับใกล้เข้ามาอีกครั้ง เฟิ่งชิงหัวก็ได้รีบยื่นมือออกไปขวางเขาเอาไว้
“ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่? ข้าสวมรอยเป็นองค์หญิงซีหลันมาที่นี่มันก็อันตรายมากอยู่แล้ว หากถูกพบเข้าว่าท่านอยู่ที่นี่ มีความเป็นไปได้สูงมากที่ตัวตนของข้าจะถูกเปิดโปง”
ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ต่อให้ตายก็ยังไม่เอา ตอนนี้กลับมาปรากฏตัวที่เรือนบรรทม ไม่ว่าใครก็คงทั้งสงสัย
“องค์หญิง ผู้ส่งสารมาแล้วเพคะ” นอกตำหนัก ข้าหลวงได้ร้องกราบทูล
เมื่อเฟิ่งชิงหัวได้ยินก็ร้อนใจ คนที่มานั้นคือองค์ชายใหญ่ ใครจะรู้ล่ะว่าเข้าจะพบเข้าว่าจ้านเป่ยเซียวอยู่ที่นี่หรือไม่
“ท่านรีบไปซ่อนเร็วเข้า” เฟิ่งชิงหัวกระซิบ
“ซ่อน? เจ้าให้ข้าซ่อนตัวเช่นนั้นหรือ?” จ้านเป่ยเซียวเต็มไปด้วยความไม่พอใจ คำคำนี้ เขาไม่ชอบเป็นอย่างมาก
ตอนนี้เฟิ่งชิงหัวไม่มีอารมณ์จะไปพูดดีกับจ้านเป่ยเซียวแล้ว และดึงแขนของเขาเข้าไปที่ห้องด้านในทันที และผลักเขาลงไปบนเตียง
จ้านเป่ยเซียวยังไม่ทันได้ตอบสนอง เฟิ่งชิงหัวก็ได้ปิดม่านโปร่งทั้งสองข้างลงเป็นที่เรียบร้อย ส่วนตนเองก็ได้นอนตามลงไป
นางกำนัลผลักเปิดประตูเข้ามา แล้วทำความเคารพเฟิ่งชิงหัว: “องค์หญิง องค์ชายใหญ่มาแล้วเพคะ”
“อืม” เฟิ่งชิงหัวตอบรับคำ ลองปรับเสียง ถึงได้กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย้ายวนขององค์หญิงซีหลัน: “เชิญเสด็จพี่เข้ามาเถอะ”
ทันทีที่เฟิ่งชิงหัวเอ่ยขึ้น เอวก็ได้ถูกบุรุษหนุ่มกอดเอาไว้แน่น หลังแนบชิดติดกันกับหน้าอกของบุรุษหนุ่ม
เฟิ่งชิงหัวหันไปถลึงตาใส่เขา: “อยู่ดี ๆ หน่อย”
ตอนนี้จ้านเป่ยเซียวอารมณ์ไม่เลย จึงพยักหน้ากล่าว: “รับทราบ พระชายาของข้า”
ปากบอกเชื่อฟัง แต่มือกลับลูบไล้ไปตามเอวของนาง มุมปากก็จูบลงไปที่ลำคอของนางเบา ๆ อยู่หลายครั้ง
เฟิ่งชิงหัวกั้นจนหน้าแดง แทบทนไม่ไหวที่จะทุบตีเขาอย่างแรง
คนถือโอกาสก็คือคนประเภทนี้นั่นเอง
“มืออย่าจับไปมั่วซั่วสิ!” เฟิ่งชิงหัวตวาดเสียงเบา ดวงตาทั้งสองข้างกลับจับจ้องไปยังคนที่อยู่ด้านนอก
“ข้าคิดว่า เจ้าจงใจเชิญข้าเอง ไม่อย่างนั้นละก็ ในตำหนักมีที่ซ่อนตัวมากมาย เหตุใดต้องลากข้ามาที่บนเตียงด้วยเล่า?” จ้านเป่ยเซียวหัวเราะออกมาเบา ๆที่ข้างหูของเฟิ่งชิงหัว ลมหายใจอันร้อนระอุกระทบเข้าที่หูของนาง
“ห้ามส่งเสียง” เฟิ่งชิงหัวกล่าว พร้อมกับได้ยื่นมือออกไปกระแทกเอวด้านหลังของบุรุษเพื่อตักเตือน สีหน้าของจ้านเป่ยเซียวเปลี่ยนไปทันที พิงตัวเข้ากับแผ่นหลังของเฟิ่งชิงหัว
“เสด็จน้อง?” ที่ด้านนอกผ้าม่าน เสียงของบุรุษดังขึ้นมาภายใต้ความเงียบ
จากนั้น ก็ได้เห็นบุรุษร่างกายสูงใหญ่ในชุดผู้ส่งสารคนหนึ่งเดินเข้ามา เฟิ่งชิงหัวหรี่ตามอง เป็นคนที่เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับองค์หญิงซีหลันในวันนั้นนั่นเอง
รูปร่างหน้าตาของคนเป่ยเว่ยคนข้างหยาบกร้าน รูปร่างแข็งแรงกำยำถือว่าดูดี นอกจากนี้แต่ละคนต่างก็ไว้หนวดเครา ดูเป็นผู้ใหญ่เป็นพิเศษ มีกลิ่นอายของความหยาบกร้านยิ่งกว่าเมื่อเทียบกับคนเทียนหลิง
เห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่อยากจะให้ผู้อื่นรู้ถึงตัวตนของเขา จึงได้ปลอมตัว ตัวจริงน่าจะแตกต่างไปจากตอนนี้เล็กน้อย
“บาดแผลบนใบหน้ายังไม่หายดีอีกหรือ?” บุรุษเดินตรงเข้ามาที่ข้างเตียงของเฟิ่งชิงหัว ยื่นมือออกไปคิดที่จะเปิดม่านของเฟิ่งชิงหัว เฟิ่งชิงหัวรับเอ่ยห้ามขึ้นมาทันที: “เสด็จพี่ ซีหลันยังมิได้ตื่นนอนเพคะ”
บุรุษเลิกคิ้วเล็กน้อย: “ทำไม? กลัวข้าเห็นเช่นนั้นหรือ?”
เฟิ่งชิงหัวเพียงรู้สึกประหลาดใจ
เสด็จพี่ผู้นี้ ไม่รู้จักหลีกเลี่ยงคำครหาเลยจริง ๆ ต่างบอกว่าบุรุษและสตรีเมื่ออายุเจ็ดขวบจะนั่งด้วยกันไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังเป็นพี่น้องคนละมารดา จะเปิดม่านของผู้เป็นน้องสาวออกตามอำเภอใจได้อย่างไร
แต่ว่าเฟิ่งชิงหัวคิดดูอีกนัยหนึ่ง บางทีอาจเป็นเพราะคนเป่ยเว่ยเปิดใจกว้างยิ่งกว่า จึงได้เก็บความสงสัยที่อยู่ภายในใจลง
เฟิ่งชิงหัวกล่าวเชิงตำหนิ: “เสด็จพี่ ใบหน้าของสตรีจะดูตามอำเภอใจได้อย่างไร อีกอย่าง ตอนนี้ข้าอัปลักษณ์ ก็เลยไม่อยากให้ทานดู”
ได้ยินเช่นนั้น บุรุษก็ไม่ได้กล่าวอะไร เพียงแค่กล่าวว่า: “ถ้าหากหมอเทวดานั่นไม่มีประโยชน์อันใด สองวันนี้ข้าจะไปหามาให้เจ้าใหม่อีกสักสองคน เจ้าอดทนอีกสักระยะหนึ่ง ข้าสืบมาได้ว่าพระชายาของจ้านเป่ยเซียวไม่เป็นที่พอพระทัยของไทเฮานัก ไทเฮาได้เตรียมพระชายาอีกคนเอาไว้ อีกอย่างปัจจุบันองค์ชายอีกหลายคนของเทียนหลิงยังไม่มีพระชายา เจ้ามีโอกาสสูงมาก จะต้องเป็นหนึ่งในนั้นให้ได้ ที่ดีที่สุดคือให้ได้เป็นพระชายาของจ้านเป่ยเซียวหรือไม่ก็พระชายาองค์รัชทายาท”
จ้านเป่ยเซียวได้หรี่ตาลงตั้งแต่ตอนที่บุรุษได้ใกล้เข้ามาแล้ว ตอนที่เขากำลังจะขยับเข้าใกล้ในเมื่อสักครู่ จ้านเป่ยเซียวถึงขึ้นที่เตรียมจะลงมือ ทว่ากลับได้ยินชื่อของตนเองขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว แววตาก็อันตรายยิ่งขึ้น
คนของแคว้นเป่ยเว่ย ยืนหยัดการผูกสมรสปรองดองในครั้งนี้เช่นนี้ แท้จริงแล้วเพราะอะไรกันแน่?
เฟิ่งชิงหัวได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าเบา ๆ เกรงว่าหากพูดมากเกินไปจะความแตกเอา ดังนั้นจึงมิได้กล่าวอะไรมาก
แต่ทว่า ท่าทางเช่นนี้เมื่ออยู่ในสายตาของบุรุษที่อยู่ตรงข้ามกลับมีความหมายอีกอย่าง
“ซีหลัน เจ้าไม่สบายหรือเปล่า เหตุใดวันนี้ถึงได้พูดน้อยนักเล่า? ปกติเจ้ามิได้เป็นเช่นนี้” บุรุษกล่าว สายตาราวกับว่าจะทะลุผ่านม่านเข้าไปยังดูด้านในให้ชัดเจน
เฟิ่งชิงหัวกล่าวโดยเร็ว: “ไม่ใช่ เพียงแค่ เพิ่งจะตื่นนอน ยังไม่ทันจะตื่นเต็มที่ เสด็จพี่ไปนั่งรอที่ด้านนอกสักประเดี๋ยว รอซีหลันเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วเราค่อยคุยกันดีไหมเพคะ?”
นางยังมีหลายเรื่องที่ไม่ทันได้ถาม จึงไปอยากจะปล่อยให้เขากลับไป แต่มีระเบิดเวลาอยู่ที่ด้านหลัง มันแทบจะเอาชีวิตจริง ๆ
องค์ชายใหญ่เอามือไขว้หลัง พยักหน้า: “เช่นนั้นเจ้าก็เร็ว ๆ หน่อย อีกเดี๋ยวข้าต้องออกจากวังไปทำธุระอีก”
“เพคะ” เฟิ่งชิงหัวพยักหน้า
จากนั้น บุรุษก็ได้ก้าวเท้าเดินออกไป เฟิ่งชิงหัวกำลังจะวางใจลง จู่ ๆ คนผู้นั้นก็เดินตรงเข้ามาและเปิดม่านออก เฟิ่งชิงหัวตอบสนองโดยสัญชาตญาณ
พลิกตัวแล้วเอาผ้าห่มคลุมศีรษะของจ้านเป่ยเซียวเอาไว้ทันที ทับเขาเอาไว้ที่ด้านล่าง ในขณะเดียวกัน ม่านมุ้งก็ถูกเปิดออก องค์ชายใหญ่ยืนอยู่ที่ข้างเตียง สองตาเบิกกลมโต
เฟิ่งชิงหัวรู้สึกเสียวสันหลังวาบ กดความหวาดกลัวเอาไว้และหันหน้าไปทางเขา: “เสด็จพี่ ท่านทำแบบนี้ ไม่เหมาะกระมัง”
“ซีหลัน เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” ในน้ำเสียงขององค์ชายใหญ่แฝงไปด้วยความโมโห
เฟิ่งชิงหัวกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ : “เสด็จพี่ก็เห็นแล้วมิใช่หรือ?”
“เหลวไหล! เจ้าเป็นถึงองค์หญิง กลับกล้าเลี้ยงบุรุษบำเรอ เจ้ารู้ถึงภารกิจในครั้งนี้ของเจ้าหรือไม่!”
เฟิ่งชิงหัวแกล้งทำเป็นไม่ใส่ใจกล่าว: “เสด็จพี่ ขอแค่ท่านไม่พูด ใครจะรู้เล่า อีกอย่าง ข้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว มีความคิดอะไรบ้าง ก็น่าจะเป็นเรื่องปกติมิใช่หรือ?
“เจ้า! มอบเขาให้ข้า หากให้คนเทียนหลิงรู้เข้า แผลของเราในครั้งนี้คงต้องล้มเหลวแน่!” ในน้ำเสียงขององค์ชายใหญ่เต็มไปด้วยความโมโห ดูแล้วไม่เหมือนกับพบว่าน้องสาวมีความสัมพันธ์กับบุรุษ แต่กลับเหมือนพบว่าสตรีของตนมีความสัมพันธ์กับชายอื่นมากกว่า
“เสด็จพี่ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของข้า ตอนนี้ข้าชอบเขาเอามาก รอเบื่อแล้วข้าจะจัดการเอง อีกอย่าง ใบหน้าของข้ากลายเป็นเช่นนี้ ต่อให้อยากเป็นพระชายาอ๋องหรือพระชายาองค์รัชทายาทก็มิใช่เรื่องง่ายว่าไหม? แทนที่ท่านจะมากังวลว่าข้าจะถูกคนของเทียนหลิงพบเข้าหรือไม่ สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือควรจะรีบหาคนมารักษาใบหน้าให้ข้ามิใช่หรือ
“ชอบ? ชอบเขาหรือ? คนผู้นี้เป็นใครกันแน่ ถึงได้ทำให้เจ้าพูดคำว่าชอบออกมาจากปาก ซีหลัน ความชอบของเจ้า มันง่ายเช่นนี้ ไร้ค่าเช่นนี้เลยหรือ?” องค์ชายใหญ่กล่าวอย่างโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ
“เสด็จพี่ ท่านอย่ามายุ่งจะดีกว่า หากวันนี้ท่านอารมณ์ไม่ดีไม่อยากจะพูดอะไรกับข้า เช่นนั้นเราค่อยคุยกันวันหลังก็ย่อมได้”
“เจ้าไล่ข้า? นี่เจ้าไล่ข้าไปหรือ?”
“ไม่ได้ไล่ แต่เสด็จพี่มาไม่ถูกเวลาเลยจริง ๆ ยกตัวอย่าง ถ้าหากตอนนี้เสด็จพี่กำลังกอดซ้ายโอบขวาอยู่ จู่ ๆ หม่อมฉันก็เปิดม่านออกเช่นนี้ ในใจของท่านจะคิดเช่นไร? ถ้าหากข้าซักถามท่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือแม้กระทั่งให้ท่านสังหารสตรีพวกนั้นเสีย แล้วเสด็จพี่จะคิดเช่นไร?” เฟิ่งชิงหัวยิ่งกล่าวก็ยิ่งสงบ สายตาที่มององค์ชายใหญ่เต็มไปด้วยความเฉยเมย
“ซีหลัน ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากมาผูกสมรสกับเทียนหลิง แต่ก่อนหน้านี้เราได้ตกลงกันแล้วมิใช่หรือ? ตอนนี้เจ้าทำเช่นนี้ จะผิดสัญญาหรืออย่างไร?”
“เสด็จพี่กล่าวตลกแล้ว ถ้าหากเสด็จพี่มิได้พบเข้า เช่นนั้นระหว่างเราก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สำหรับตอนนี้ หากเสด็จพี่ยังอยากจะให้ข้าทำตามสัญญา ก็ให้ถือว่าเรื่องในวันนี้มิเคยเกิดขึ้นเถอะ”
“ดี ดี ทำเหมือนกับไม่เคยเกิดขึ้น ซีหลัน เจ้าอย่ามาเสียใจภายหลัง?” หลังจากที่องค์ชายใหญ่กล่าวจบก็ได้เดินจากไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะไปยังได้ถีบกระถางต้นไม้ที่อยู่นอกตำหนักแตกไปหลายกระถาง
เฟิ่งชิงหัวหัวใจเต้นแรง กอดจ้านเป่ยเซียวที่ถูกผ้าห่มคลุมอยู่เอาไว้แน่น
“มันน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าเป็นชู้กันเสียอีก” เฟิ่งชิงหัวพึมพำเสียงเบา
จ้านเป่ยเซียวเปิดผ้าห่มออก จ้องมองเฟิ่งชิงหัว: “เป็นชู้? เราสองคนเปิดเผย จะโทษก็โทษที่คนผู้นั้นมาไม่ถูกเวลามิใช่หรือ?”