บทที่ 223 คำพูดที่ไพเราะหวานฉ่ำ ยังไงก็ใช้ได้ผล

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 223 คำพูดที่ไพเราะหวานฉ่ำ ยังไงก็ใช้ได้ผล

บทที่ 223 คำพูดที่ไพเราะหวานฉ่ำ ยังไงก็ใช้ได้ผล

ถังจี้โจวตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว

เขามองถังหว่านที่เดินเข้ามาและพูดด้วยรอยยิ้ม “ถังหว่าน วันนี้พวกเราจะเลิกกองถ่ายกันก่อน โจวอี้ เดี๋ยวคุณช่วยเขาเอารถของถังหว่านกลับไปที่โรงแรมเสิ่นถังเพื่อจัดเตรียมงานเลี้ยงนะ ส่วนถังหว่าน คุณควรไปกับเขาด้วย!”

“ฮะ?” ถังหว่านเห็นถังจี้โจวและโจวอี้กระซิบกระซาบกันเมื่อครู่นี้ ซึ่งตอนนี้เธอไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะให้โจวอี้และเธอมุ่งหน้าไปที่โรงแรมก่อน แถมยังพูดต่อหน้าผู้คนแบบนี้…

โจวอี้บอกถังจี้โจวเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับเขา?

ถังหว่านครุ่นคิดและมองโจวอี้ด้วยสายตาสงสัย แต่ก็พบว่าโจวอี้เพียงส่ายหัวเล็กน้อย

ไม่ได้บอก?

ถังหว่านลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ในเมื่อคุณถังพูดแบบนี้ก็ให้เขาไปกับฉัน”

ทันใดนั้น สายตานับไม่ถ้วนที่กำลังจ้องมองอยู่ก็กลายเป็นเหลือเชื่อ

พวกเขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง

ถังหว่าน สาวงามผู้เย็นชาดุจภูเขาน้ำแข็งที่ปฏิเสธผู้ชายมาตลอด แต่ตอนนี้ตกลงที่จะพาโจวอี้ไปที่รถของเธอ?

เป็นไปได้ยังไง?

ไม่กี่วันก่อนโปรดิวเซอร์จินหมิงเคยขอติดรถไปกับถังหว่านเพื่อกลับโรงแรมของทีมงาน แต่ถังหว่านปฏิเสธทันควันแบบไม่คิดเลยด้วยซ้ำ

เฉินอันฉีกำลังช่วยทีมงานแพ็กของ แต่เมื่อเธอได้ยินคำพูดของถังจี้โจว เธอก็ถึงกับชะงัก เธอคิดว่าถังหว่านจะปฏิเสธ แต่ใครจะคิดว่าถังหว่านกลับเห็นด้วย!

ทำไม?

หรือว่าถังหว่านชอบโจวอี้เข้าแล้ว?

ขณะที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัว เฉินอันฉีก็ส่ายหัวทันทีและโยนความคิดไร้สาระนี้ออกไป

ในไม่ช้าโจวอี้ก็เดินตามถังหว่านไปที่รถตู้ของถังหว่าน

“เอ๋? พี่เขยของฉันนี่นา ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” ซุนเหมิงซึ่งเพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมจะลงจากรถถึงกับประหลาดใจเมื่อเห็นโจวอี้เดินตามถังหว่านมา

“ผมคิดถึงภรรยาผมน่ะ! ผมก็เลยมาเยี่ยม” โจวอี้ยิ้ม

“พี่สาวเสี่ยวหว่านมีความสุขล่ะสิที่พี่เขยเอาใจใส่ขนาดนี้!” ซุนเหมิงยิ้มร่า

เมื่อถังหว่านได้ยินคำพูดนี้ เธอก็รู้สึกแย่เล็กน้อย

เอาใจใส่?

ผู้ชายคนนี้ไม่แม้แต่จะโทรหาหรือส่งข้อความมาเลยก่อนหน้านี้ แบบนี้เรียกว่าเอาใจใส่งั้นเหรอ!

เธอเหลือบมองไปที่โจวอี้ซึ่งยังคงยิ้ม ทันใดนั้นก็เอื้อมมือไปบิดเอวอีกฝ่ายอย่างรุนแรง

“เจ็บ!..”

แท้จริงแล้วโจวอี้ไม่ได้รู้สึกเจ็บมากนัก แต่เมื่อเห็นอารมณ์ที่ฉุนเฉียวของถังหว่าน เขาจึงต้องแสดงอาการร่วมให้เธอพอใจ

ความแค้นของถังหว่านเหือดหายไป และรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งบนใบหน้าของเธอ ก่อนจะกล่าวว่า “เจ็บก็ดี! ใครบอกให้วางสายฉันล่ะ?”

เขาคว้ามือของถังหว่านและพูดด้วยรอยยิ้ม “ภรรยาที่รัก ผมไม่ได้ตั้งใจจะวางสาย แต่วันก่อนผมต้มยาไปเยอะมาก ผมเหนื่อยและง่วงมากจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ผมเลยไม่ได้คุยอะไรกับคุณไปมากกว่านั้น”

“คุณต้มยาไปเพื่ออะไร?” ถังหว่านถามด้วยความสงสัย

“ผมกำลังต้มยาขายเพื่อทำเงินยังไงล่ะ! ผมทำเพื่อให้ภรรยาของผมใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นในอนาคต ผมจะพยายามให้ดีที่สุดเพื่อหาเงิน และทำให้คุณอยู่ดีกินดีอ้วนท้วนสมบูรณ์!” โจวอี้หัวเราะ

“ทำตัวดี ๆ หน่อย! เหมิงเหมิงยังอยู่ที่นี่นะ!” ถังหว่านรู้สึกว่ามือของโจวอี้เลื่อนมาที่ต้นขาของเธอ และใบหน้าที่เรียบเนียนของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดง น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ

“ได้ ตอนนี้เหมิงเหมิงอยู่ด้วย ผมต้องทำตัวดี ๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ไม่อยู่ละก็…” โจวอี้โน้มตัวไปที่ใบหูของถังหว่าน และจงใจเปล่งเสียงลากยาว

“คุณ…” ถังหว่านผลักโจวอี้ออกไปทันที

เธอไม่ได้ถามโจวอี้เรื่องการต้มยาอีกต่อไป เพียงแต่คิดถึงเรื่องอื่น

“ว่าแต่คุณรู้จักพวกทีมงานได้ยังไง แถมดูเหมือนว่าคุณจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้กำกับถังและคนอื่น ๆ ด้วย” ถังหว่านถาม

“ผมก็เป็นนักแสดงในกองถ่ายน่ะสิ ผมจะไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้กำกับถังและทุกคนได้ยังไง” โจวอี้ตอบอย่างภาคภูมิใจ “ผมเข้าร่วมกองถ่ายนี้ก่อนคุณซะอีก!”

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ผมบังเอิญได้เจอเพื่อนคนหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ และด้วยเหตุผลพิเศษ เมื่อรู้ว่าเธอมาถ่ายทำที่นี่ ผมก็เลยนัดกับเธอเพื่อทานอาหารเย็น ใครจะไปคิดว่าทีมงานของเธอคือทีมงานละครเรื่องนี้จากนั้นผมก็ได้พบกับถังจี้โจวและเกาชง…”

คำพูดของโจวอี้นั้นจริงครึ่งหนึ่งและเท็จครึ่งหนึ่ง

ถังหว่านฟังแล้วก็ตกตะลึง

บังเอิญเกินไปไหม?

โจวอี้ได้รับบทบาทของมารพิณหกนิ้วในละครเรื่อง “Crossing the Jianghu” สินะ ถ้าเธอจำไม่ผิด ดูเหมือนว่าเธอจะมีฉากที่ต้องถ่ายทำกับมารพิณหกนิ้วด้วย

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเธอต้องเล่นละครกับโจวอี้ด้วย!

“พี่เสี่ยวหว่าน ตอนนี้พี่คิดได้รึยังว่าเมื่อวันก่อนพี่ทำผิดต่อฉันไปนะ หนึ่งในนักแสดงของเราคือหมอโจวจริง ๆ ด้วย ฉันบอกพี่แล้วแต่พี่ไม่เชื่อฉัน!” ซุนเหมิงยิ้มอย่างมีความสุข

ถังหว่านจำเรื่องนี้ได้ทันที

ก่อนหน้านี้ซุนเหมิงบอกเธอแล้ว

“เป็นคุณใช่ไหมที่แนะนำฉันให้กับผู้กำกับถัง?”

“ไม่ ผมไม่ได้แนะนำคุณ ตรงกันข้ามเลย ตอนที่พวกเขามีความคิดจะให้คุณเล่นบทบาทของตัวละครเอกหญิงลำดับสองนั่นน่ะ ผมรีบคัดค้านทันที” โจวอี้หัวเราะ

“ทำไม?”

“เพราะผมกลัวว่าคุณจะเหนื่อยเกินไป! คุณกำลังจะออกอัลบั้มเร็ว ๆ นี้ไม่ใช่เหรอ ถ้าเล่นละครทีวีอีก คุณคงวิ่งทั้งวัน ผมเกรงว่าคุณจะทนไม่ไหว”

“…”

ถังหว่านไม่ได้เอ่ยอะไร แต่หัวใจของเธออบอุ่นขึ้นมา

ตอนนี้เธอไม่สนใจเรื่องที่โจวอี้ไม่เคยโทรหาหรือส่งข้อความถึงเธอก่อนหน้านี้แล้ว

“พี่เขย ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม” ซุนเหมิงหันมาถาม

“ถามมาเลย!”

“พี่บอกว่ามีเพื่อนในกองถ่าย แล้วใครคือเพื่อนคนนั้น?”

“เฉินอันฉี” โจวอี้ตอบด้วยรอยยิ้ม

เฉินอันฉี?

ซุนเหมิงตะลึงงัน แม้แต่ถังหว่านก็ยังตกตะลึง

พวกเธอไม่คาดคิดว่าโจวอี้จะรู้จักเฉินอันฉี

ต้องรู้ว่าเฉินอันฉีสวยมาก ทั้งยังมีรูปร่างที่ดี ที่สำคัญคืออีกฝ่ายยังเด็กมาก แล้วโจวอี้จะเป็นเพื่อนกับเธอได้ยังไง?

ระหว่างพวกเขามีอะไรมากกว่าเพื่อนไหม?

โจวอี้มองท่าทีของทั้งสองสาวและยิ้มออกมาทันที “จำได้ใช่ไหมว่าก่อนหน้านี้ผมไปโรงเรียนสอนขับรถเพื่อเรียนเอาใบขับขี่ เฉินอันฉีและผมเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียน และเราเรียนอยู่ในรถคันเดียวกัน”

“เธอสวยไหม?” ถังหว่านถาม

“สวย! แต่ไม่เท่าคุณ” โจวอี้คิดว่าถังหว่านคงอิจฉา เขาจึงไม่คิดที่จะตกหลุมพราง

ต้องเอาใจผู้หญิงให้เป็น!

คำพูดที่ไพเราะหวานฉ่ำ ยังไงก็ใช้ได้ผล

โจวอี้แอบยกย่องตัวเองในใจ

ถังหว่านอ้าปากค้าง ก่อนจะเผยยิ้มผ่านแววตาคู่สวย เธอพ่นลมหายใจเบาแล้วพูดว่า “ปากของคุณนี่กะล่อนมากนะ!”

“ลองชิมไหม”

“หุบปาก!”

“ฮ่า ๆ”

เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ

เมื่อรถตู้มาจอดที่โรงแรมเสิ่นถัง โจวอี้และถังหว่านก็ลงจากรถและเข้าไปในโรงแรมเพื่อจองห้องจัดเลี้ยง

ในตอนแรก ซุนเหมิงไม่เต็มใจที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ แต่โจวอี้ไม่ให้กลับไปเพราะเธอต้องเป็นคนดูแลถังหว่าน

ทั้งสามคนรออยู่ในห้องนานกว่าครึ่งชั่วโมง ก่อนที่ถังจี้โจว เกาชง และจินหมิงจะมาถึง ตามด้วยหลี่เป่าเอ๋อ นักแสดงนำหญิงลำดับหนึ่งที่กลับไปสองวันก่อนและเพิ่งกลับมาในวันนี้