“กินนี่ซะ”

คมกระบี่ทัณฑ์ฟ้าสาดแสงสะท้อนลุจ่อคอหอยของเซียะเทียนมิให้ขยับ ในขณะเดียวกันก็มีโอสถเม็ดกลมสีเขียวถูกโยนออกมาจากมือของเซียถงส่งให้อีกฝ่าย

“นี่คืออะไร?”

เซียะเทียนเอื้อมมือไปคว้ารับ จับจ้องโอสถเม็ดนั้นด้วยความสงสัย เพราะเมื่อครู่นางเพิ่งวางยาพิษใส่น้องชายของเขา มิใช่ว่าคราวนี้เองนางก็จะต้องการวางยาพิษแก่เขาด้วยเช่นกัน?

“โอสถพิษ หากเจ้าต้องการช่วยชีวิตน้องชายของเจ้า ก็จงกลืนโอสถพิษเม็ดนี้ไปเสีย นี่เป็นโอสถพิษที่ออกฤทธิ์แบบเรื้อรัง ตราบเท่าที่ข้ายังมอบโอสถระงับพิษให้แก่เจ้าทุกปี สบายใจได้ว่าชีวิตของเจ้าในปีนั้นๆ จะปลอดภัย”

“นี่เจ้า…”

ใบหน้าเซียะเทียนพลันกระตุกรุนแรง ร่างกายคล้ายจะขยับเคลื่อนไหวทันควัน แต่กลับถูกไอเย็นยะเยือกดุจความตายที่แผ่ซ่านออกจากคมกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเข้าระงับยังยั้ง ทำเอาเขาเสียขวัญหนักไม่กล้าขยับอีกต่อไป

“ไม่เป็นไร หากเจ้าไม่กิน เช่นนั้นข้าก็ขอเอาชีวิตของน้องเจ้าไปก่อน ลองจับตาดูให้ดี ในอีกไม่ช้าน้องชายของเจ้าจะเหลือแค่เพียงโครงกระดูก”

ดวงตาเซียถงดุดันกระแทกกระทั้น ปลายคมกระบี่ทัณฑ์ฟ้าค่อยๆ เข้าเฉือนเจาะทะลุกล้ามเนื้อบริเวณคอของเซียะเทียนจนเลือดซิบรินไหลออกมา

“เดี๋ยว! ข้ากิน! ข้ากินแล้ว!”

ต่อหน้าจิตสังหารของเซียถง เซียะเทียนตระหนักทราบได้ทันทีว่า นางมีเจตนาสังหารพวกเขาสองพี่น้องจริงๆ! เช่นนั้นเขาจึงไม่ลังเลอีกต่อไปและตบโอสถพิษเม็ดนั้นเข้าปากทันที หลังจากกลืนเข้าไป เขาก็หันไปมองหน้านาง ปั้นสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“แล้วโอสถถอนพิษของน้องข้าอยู่ไหน?”

“รับไป”

มือข้างหนึ่งยังคงปล่อยคาคมกระบี่จี้คอหอยของอีกฝ่าย ส่วนอีกข้างล้วงเข้าไปใต้อกเสื้อและหยิบโอสถจำนวนสองเม็ดออกมา จากนั้นก็โยนให้เซียะเทียนไป เขาที่รับมันมาก็ถึงกับแปลกใจ ไฉนถึงมีโอสถสองเม็ดได้? แสดงว่าต้องมีเม็ดหนึ่งเป็นโอสถถอนพิษและอีกเม็ดอาจเป็นโอสถพิษ….

แล้วเม็ดไหนล่ะ?

“มีทั้งหมดสองเม็ด เม็ดหนึ่งเป็นโอสถถอนพิษของเซียะตี้ ส่วนอีกเม็ดเป็นโอสถพิษชนิดเดียวกับของเจ้า คงจัดการที่เหลือเองได้”

คล้ายจะรู้ว่าเซียะเทียนกำลังคิดอะไรอยู่ เซียถงจึงกล่าวอธิบายคลายความสงสัยออกมาให้ฟัง

ราวกับกลัวว่าเซียะตี้จะไม่ได้กินโอสถพิษก็มิปาน เพราะโอสถทั้งสองเม็ดบนฝ่ามือของเซียะเทียนทั้งรูปทรงกลิ่นสีล้วนเหมือนกันทุกประการ ต่อให้เซียะเทียนจะมีสายตาที่เฉียบคมปานใด แต่ก็ไม่สามารถระบุได้เช่นกันว่า เม็ดใดคือโอสถพิษ และเม็ดใดคือโอสถถอนพิษ

คล้อยหลังลังเลอยู่สักครู่ เขาก็นำโอสถทั้งสองเม็ดเดินไปหยุดตรงหน้าของเซียะตี้ ขณะที่กำลังจะหยิบโอสถเม็ดหนึ่งป้อนเข้าปาก แต่พอเห็นน้องชายที่กำลังชักดิ้นชักงออยู่บนพื้นด้วยความทรมานแสนสาหัส เขาก็อดตรงเข้าไปสวมกอดทั้งน้ำตามิได้ ทั้งยังใช้มือค่อยๆ ลูบแผ่นหลังเพื่อปลอบปโลมน้องชายของตน และสุดท้ายนี้เขาก็รวบรวมความกล้าทั้งหมด หยิบโอสถเม็ดหนึ่งที่ตัวเองมั่นใจที่สุดขึ้นมาและป้อนเข้าปากของน้องชายทันที

“อ่ะแฮ่ม…”

ทว่าเสี้ยวอึดใจนั้นเอง จู่ๆ เซียถงก็กระแอมไอส่งเสียงออกไปทีหนึ่ง เซียะเทียนรู้ได้ทันทีว่าตนเกือบป้อนพิษให้น้องชายตนเองเสียแล้ว เช่นนั้นจึงรีบเปลี่ยนไปหยิบอีกเม็ดแทน แลสายตาเหลือบมองไปทางนางด้วยสายตาแสดงความขอบคุณ และเขาก็ป้อนโอสถเม็ดนั้นเข้าปากน้องชายทันที

ถึงแม้เซียะเทียนจะดูเป็นคนโหดร้ายและนิสัยค่อนข้างชั่วช้า แต่อย่างน้อยที่สุด เขาก็ไม่เคยปฏิบัติตัวแย่ต่อน้องชายของเขาเลย ในทางกลับกัน เมื่อน้องชายประสบปัญหา กลับเป็นเขานี่แหละที่ยอมละทิ้งศักดิ์ศรีทุกอย่าง เพื่อช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ

หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ เซียะตี้ก็เหลือบมองโอสถอีกเม็ดหนึ่งบนฝ่ามือของเซียะเทียน เนื่องด้วยตัวเขารู้จักนิสัยของน้องชายตนเองดี จึงรีบกล่าวห้ามก่อนทันทีว่า

“เสี่ยวตี้ โอสถอีกเม็ดในมือข้าเป็นโอสถพิษ”

เพราะจะอย่างไร เซียะเทียนรู้สึกกลัวเหลือเกินว่า เซียะตี้จะต้องตายเพราะความโลภของตัวเองจริงๆ

ทว่าสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น! เซียะตี้คว้าโอสถเม็ดนั้นบนฝ่ามือของเซียะเทียนและตบเข้าปากทันที! เขาหันไปมองอีกฝ่ายและกล่าวทั้งน้ำตาว่า

“แม้จะเป็นพิษข้าก็กิน ฟังว่าพิษชนิดนี้ต้องใช้เวลาหนึ่งปีในการออกฤทธิ์ หากถึงเวลานั้นหากนางผิดคำสัญญา อย่างมากพวกเราก็แค่ตายด้วยกัน”

เซียะเทียนได้ฟังดังนั้นก็อดถอนหายใจในความงี่เง่าของน้องชายตนเองมิได้

“เซียะเทียน เซียะตี้ ชีวิตของพวกเจ้าอยู่ในกำมือของข้าแล้ว หากข้ารู้เมื่อใดว่า พวกเจ้าคิดทรยศ ข้าจะปล่อยให้พิษในกายเหล่านี้ บ่อนทำลายอวัยวะภายในร่างกายของพวกเจ้าจนเน่าตาย!”

เซียะตี้รีบส่ายหัวสะบัดไม่หยุดหย่อนด้วยความกลัวจัด

“ไม่แน่นอน! ไม่แน่นอน! เราสองพี่น้องไม่คิดทรยศแน่นอน!”

“แล้วเมื่อใดเจ้าจะมอบโอสถระงับพิษแก่พวกเรา?”

เซียะเทียนขมวดคิ้วถักแน่นหนา หันไปถามทางเซียถงเช่นกัน

“วันนี้ของปีหน้าก็อย่าลืมเดินทางมาขอโอสถระงับพิษจากข้าก็แล้วกัน”

พูดจบ เซียงถงก็หมุนตัวกลับเข้าป่านและพุ่งทะยานออกไปมุ่งสู่ยอดเขาด้วยความเร็วสูงสุด นางเป็นกังวลเหลือเกิน มิทราบเลยว่า เซี่ยหลู่เฟิงในเวลานี้จะเป็นอย่างไรบ้าง?

ขณะที่เซียถงกับสองพี่น้องเซียะเทียนและเซียะตี้กำลังโรมรันพันตูสู้ศึกดุเดือด เซี่ยหลู่เฟิงก็กำลังรีบเร่งเดินทางขึ้นสู่บยอดเขาป่าสน เหลือบสายตาแหงนมองดวงตะวันที่เคลื่อนอยู่เหนือศีรษะ เขาก็ยิ่งตีฝีเท้าเร่งขึ้นต่อเนื่อง

เบื้องหน้าจากนี้เป็นหุบเขาทางแคบโดยมีสองข้างทางเป็นก้นเหวลึกไร้ก้นบ่อ พอมาถึงจุดนี้ เซี่ยหลู่เฟิงหัวใจตกไปยังตาตุ่มในทันใด ก้มมองก้นเหวลึกไร้ก้นอันมืดมิดตรงหน้า ยามนี้ชักรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี แถมจุดหมายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามยังเป็นป่าทึบหนา จากประสบการณ์ที่เคยอยู่ในสมรภูมิรบหลายปี เขาตระหนักทราบดีว่า สถานที่แบบนี้แหละ เหมาะสำหรับการซุ่มโจมตีที่สุดแล้ว!