หรือว่าบางทีต้องผ่าศพออก
แต่ว่าตอนนี้ศพมีอาการบวมอืดแล้ว ยากเกินไปที่นางจะทำการผ่าศพคนเดียว
เมื่อคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางจึงหยิบแม่เหล็กออกมาสัมผัสไปตามบริเวณศีรษะของศพ
จนกระทั่งไล่มาจนถึงบริเวณหัวใจ แม่เหล็กก็เกิดปฏิกิริยาขึ้น โดยบริเวณหน้าอกมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยเช่นกัน
หยวนชิงหลิงวางแม่เหล็กลง แล้วทำการสำรวจบริเวณหน้าอกอย่างละเอียด ปรากฏว่าในหัวใจจะมีเข็มฝังอยู่ มันมีขนาดบางอย่างมาก ดั่งขนนกก็ไม่ปาน ถึงแม้ตอนนี้ร่างกายศพจะบวมอืดขึ้นแต่รูเข็มก็เล็กจนไม่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน
อย่างไรเสีย ตอนนี้คงต้องผ่าศพดูหัวใจเสียแล้ว
ตั้งแต่ไหนแต่ไรการชันสูตรพลิกศพก็ไม่เคยใช่เรื่องง่ายดายเลย
ซึ่งตัวนางก็ไม่ได้ประสบการณ์อันโชกโชน เพียงแค่เคยเข้าร่วมคลาสเรียนในตอนที่ยังเรียนหมอเท่านั้น
อีกอย่างตอนนี้ไหล่ของนางมีบาดแผล ไม่มีทางที่จะออกแรง เป็นเช่นนี้คงต้องเรียกให้สวีอีเข้ามาช่วยแล้ว
สวีอีที่รออยู่ด้านนอกด้วยความร้อนรน เมื่อเห็นประตูถูกเปิดออก เขาถึงกับสะดุ้งทันที “พระ……พระชายา!”
“เข้ามา ช่วยข้าหน่อย” หยวนชิงหลิงบอก
สวีอีมองยังไฟฉายบนหัวของนาง “สิ่งนี้คืออะไรกันพ่ะย่ะค่ะ?”
“อย่าเพิ่งพร่ำเพรื่อ รีบเข้ามาช่วยข้าเร็วเข้า ข้าเจอบางอย่างแล้ว” หยวนชิงหลิงขัดทันที
สวีอีที่ได้ยินว่าเจอบางอย่างแล้ว ก็รีบเข้าไปช่วยนางทันที
กลิ่นฉุนลอยฟุ้งออกมา ทำเอาสวีอีแทบอาเจียนออกมา หยวนชิงหลิงจึงรีบหยิบผ้าปิดปากออกมาให้เขาสวมเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นกลิ่นก็ยังแรงจนทำเอาสวีอีแทบจะขาดใจตาย
หยวนชิงหลิงรอให้เขาจัดการการรับรู้กลิ่นของตัวเองจนเรียบร้อย จึงค่อยส่งมีดผ่าตัดให้กับเขา
“เจ้าช่วยข้าผ่าหัวใจศพออกมาที ข้าอยากเห็นว่าด้านในนั้นมีเข็มฝังอยู่หรือไม่”
“ห๊า?เปิดหัวใจ?” มือของสวีอีสั่นเทาขึ้นมา โดยเฉพาะในตอนที่เห็นศพเหล่าเขียวช้ำ ทั้งยังบวมอืดไปหมดแล้ว เขาก็ยิ่งตื่นตระหนก
“กลัวอะไรกัน?คนตายไปแล้ว ถ้าหากเจ้าช่วยพวกเขาค้นพบตัวฆาตกร ให้พวกเขาได้นอนตายตาหลับสักที พวกเขาจะขอบคุณเจ้าด้วยซ้ำ”
หยวนชิงหลิงกดเสียงต่ำ
ภายใต้แรงกดดัน สวีอีจึงทำได้เพียงลงมีดเท่านั้น
เมื่อผ่าเปิดหัวใจออกมา หัวใจทั้งดวงกลายเป็นสีดำ ทั้งยังค้นพบว่ามีเข็มเล็กๆ ฝังอยู่ในนั้นด้วย
หยวนชิงหลิงใช้ตัวคีบหยิบเอาเข็มออกมา แล้วมองไปยังหัวใจที่เปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำนั้น
“ถูกพิษสินะพ่ะย่ะค่ะ?” สวีอีกล่าวขึ้นด้วยอาการคลื่นไส้
“มีความเป็นไปได้ มีคนยิงเข็มยาพิษนี้ใส่พวกเขาให้พวกเขาเกิดอาการขาดอากาศหายใจภายในทันที ส่วนบาดแผลด้านนอกเป็นเพียงการตบตาเท่านั้น เจ้าลองผ่าศพอื่นๆ ดูสิ ว่าเป็นเช่นเดียวกันหรือไม่ ?” หยวนชิงหลิงกล่าว
สวีอีถึงกับตกตะลึง “ถ้าหากเป็นอย่างที่ท่านว่า คนที่ทำร้ายพวกเขาจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้ยาพิษงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ?”
“ดูเหมือนจะถูกต้อง เพราะเขาใช้พิษในจำนวนน้อย แต่สามารถเจาะจงบริเวณได้อย่างตรงจุดทำให้คนสามารถตายได้ในทันที ทั้งยังทำให้ไม่มีการแพร่พิษไปยังบริเวณอื่นของร่างกายอีกด้วย”
หัวใจได้รับพิษ ทำให้หัวใจหยุดเต้นก่อน จึงทำให้พิษไม่สามารถแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นของร่างกายหรือเส้นเลือดต่างๆได้ เช่นนั้นเมื่อเทียบการทักษะในการชันสูตรพลิกศพในยุคโบราณเช่นนี้แล้ว เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่สามารถพิสูจน์ออกมาได้แน่นอน
อีกทั้งบนร่างกายศพมีบาดแผลมากมายเช่นนี้ เจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพทั่วไปจะไม่ทำการผ่าศพเด็ดขาด เพราะพวกเขาถือว่านั่นเป็นการไม่ให้เกียรติต่อผู้ตาย
และอันที่จริงการจะบอกว่าแผลนั้นเกิดขึ้นก่อนหรือหลังจากที่ผู้ตายเสียชีวิต หมอนิติเวชผู้มากประสบการณ์จะสามารถบอกได้เลยทันทีที่ได้เห็นศพ แต่หยวนชิงหลิงไม่ใช่หมอนิติเวช รวมทั้งศพที่ขึ้นอืดจากการถูกทิ้งไว้เป็นเวลานาน ยิ่งทำให้นางไม่สามารถที่จะวิเคราะห์ได้เลย
ซึ่งแน่นอนแล้วว่านางไม่สามารถวิเคราะห์สาเหตุการตายที่แน่ชัด บางทีผู้ตายอาจถูกทำร้ายในขณะที่กำลังขาดอากาศหายใจก็เป็นได้ ความต่างของช่วงเวลามีความไม่ชัดเจน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะถูกทำร้ายหลังจากที่เสียชีวิตแล้ว
สวีอีได้ทำการผ่าเปิดหัวใจของผู้ตายอีกคนหนึ่ง ปรากฏว่าพบเข็มเล็กๆ เช่นเดียวกันอยู่ในนั้น ทั้งหัวใจก็เป็นสีเดียวกัน
เขาเกิดความเคลิบเคลิ้ม จนลืมความกลัวไปจนหมด ซึ่งในขณะที่กำลังทำการผ่าศพอีกครั้ง กลับมีเสียงฝีเท้าจำนวนมากดังแทรกเข้ามาจากด้านนอก
ทันใดนั้นประตูก็ถูกผลักเข้ามาทันที
สีหน้าของหยู่เหวินเห้าเต็มไปด้วยความโกรธพร้อมกับพาผู้ช่วยกรมและคนอื่นๆ ตามมาด้วย เมื่อเขาได้เห็นหยวนชิงหลิงกำลังยืนอยู่ด้านข้างศพ เขาก็เกิดความรู้สึกที่ทั้งโกรธทั้งเจ็บปวดใจ
หยวนชิงหลิงชิงพูดก่อนโดยไม่รอให้เขาได้ต่อว่า : “ข้าพบแล้ว ผู้ตายไม่ได้ตายจากการถูกทำร้าย แต่ตายด้วยยาพิษ”
ประโยคนี้ ทำเอาคำพูดต่อว่าที่หยู่เหวินเห้ากำลังจะพูดออกมามลายหายไปทันที
ฝ่ายนิติเวชและฝ่ายชันสูตรศพที่อยู่ตรงนั้น เมื่อได้ยินหยวนชิงหลิงพูดเช่นนั้น ฝ่ายนิติเวชก็รีบเดินเข้าไปแย้งทันที
: “พระชายา พวกเขาไม่มีทางตายด้วยพิษเด็ดขาด กระหม่อมได้ทำการตรวจสอบหลายครั้งแล้ว ไม่มีร่องรอยการถูกวางยาพิษเลยพ่ะย่ะค่ะ”
หยวนชิงหลิงตอกกลับทันที : “เช่นนั้นท่านเข้ามาดูนี่ หัวใจของผู้ตายทุกคน ล้วนมีเข็มพิษฝังอยู่ เข็มสองเล่มนี้ข้านำออกมาจากหัวใจของผู้ตาย และเพิ่งนำออกมาเมื่อสักครู่นี้ ยาพิษถูกผนึกอยู่ในหัวใจ บางทีบนเข็มนี้อาจจะยังมีคราบพิษหลงเหลืออยู่ ท่านลองตรวจสอบดูเถอะ”
ฝ่ายนิติเวชเข้าไปสำรวจ โดยที่หยู่เหวินเห้าเข้าไปดึงตัวนางทันที “เจ้ารีบกลับไปนอนด้านหลังที่ทำการเสีย”
หยวนชิงหลิงไม่มีการต่อต้านใดๆ ทั้งยังเชื่อฟังอีก “ข้าผิดไปแล้ว ข้าแค่อยากจะช่วยท่านเท่านั้น อย่าโกรธเลยนะ”
“ไป” หยู่เหวินเห้าลากตัวนางออกไป “เจ้าช่วยข้าไว้แล้วจริงๆ แต่การค้นพบเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เรื่องที่เหลือพวกเขาจะเป็นคนดูแลต่อเอง เจ้ารีบกลับไปรอข้าที่ด้านหลังที่ทำการ ข้าจะสั่งให้คนจัดเตรียมน้ำให้เจ้าได้ทำความสะอาดตัว”
“ข้าได้ยินมาว่ามีพยานรู้เห็นอยู่ที่นี่ด้วย ข้าสามารถเข้าไปสอบถามเขาได้หรือไม่?” หยวนชิงหลิงเดินออกไปพลางถามไปด้วย
หยู่เหวินเห้าตามใจนาง : “ได้ พรุ่งนี้ค่อยไปสอบถาม ยังมีสุนัขอีกตัวเป็นพยานด้วย พรุ่งนี้จะไปนำตัวมาให้เจ้าถาม”
“ได้!” หยวนชิงหลิงยิ้มรับ
หยู่เหวินเห้าถึงแม้จะหมดหนทางจัดการนาง แต่ในใจก็มีความดีใจอย่างมาก อย่างน้อยเป็นการค้นพบแรกหลังจากผ่านมาหลายวัน อีกทั้งการค้นพบครั้งนี้ยังเปลี่ยนทิศทางการไขคดีของเขาไปโดยสิ้นเชิง
ถ้าหากบอกว่าฆาตกรเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้พิษหรืออาวุธลับ เช่นนั้นสิ่งที่พวกเขาวิเคราะห์กันมาตั้งแต่แรกนั้นถือว่าผิดหมดเลย
นักฆ่าชั้นสูงล้วนมีระดับราคาการจ้างของพวกเขา ซึ่งคนทั่วไปไม่มีเงินมากพอที่จะจ้างให้พวกเขามาฆ่าคนได้แน่นอน
ดังนั้นจากการคาดเดาฆาตกรในตอนแรก คือกลุ่มคนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อพวกเขา
“ข้าพูดจริงนะ ข้าชื่นชอบสุนัขอย่างมาก พรุ่งนี้ท่านช่วยพาสุนัขตัวนั้นมาด้วยได้หรือไม่ ?” หยวนชิงหลิงกล่าวอ้อนวอน
ไม่สามารถที่จะบอกเขาไปตามตรงว่านางสามารถสื่อสารกับสุนัขได้
หยู่เหวินเห้าถึงกับกลอกตา “พรุ่งนี้ค่อยว่าเถอะ”
หลังจากที่ส่งนางกลับมาถึงด้านหลังที่ทำการ หยู่เหวินเห้าที่ไม่เชื่อใจในตัวลู่หยาอีก จึงได้สั่งเจ้าหน้าที่มาอยู่เฝ้าที่ด้านหน้าประตู ไม่อนุญาตให้นางออกไปไหน
ทันทีที่ปิดประตู เขาก็เดินจากไป
“พระชายา ตัวท่านกลิ่นเหม็นจัง หม่อมฉันไปจัดเตรียมน้ำให้ท่านอาบดีกว่าเจ้าค่ะ” ลู่หยาพูดพลางใช้มืออุดจมูกไปด้วย
หยวนชิงหลิงนั่งลง “ไม่อาบแล้ว เสื้อผ้าชุดนี้เหม็นไปหมดแล้ว ข้าไม่มีเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยน อาบน้ำเสร็จก็ยังเหม็นอยู่ดี”
“เช่นนั้น……เช่นนั้นท่านพักผ่อนสักหน่อยเถอะ รอให้ท่านอ๋องเสร็จกิจแล้ว พวกเราก็จะกลับกันแล้วเจ้าค่ะ” ลู่หยากล่าว
หยวนชิงหลิงกลับมัวแต่ครุ่นคิดอยากจะพูดคุยกับสุนัขตัวนั้น
หลังจากเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยาม หยู่เหวินเห้าก็กลับมา : “ไป กลับจวนกันเถอะ”
“เป็นอย่างไรบ้าง?ศพอื่นๆ ก็พบเข็มพิษใช่หรือไม่?” หยวนชิงหลิงรีบถามทันที
ลู่หยาปิดจมูกแล้วเดินถอยไปอีกทาง ทั้งท่านอ๋องและพระชายาต่างก็มีกลิ่นเหม็น
หยู่เหวินเห้าจับมือนางเดินออกป “ใช่ มีเข็มพิษทุกศพเลย ฆาตกรน่าจะยิงเข็มพิในเวลาเดียวกัน และฆาตกรรายนี้นับว่าเป็นยอดฝีมือด้านการใช้อาวุธ”
หยวนชิงหลิงถึงกับเปล่งเสียงออกมา “ยอดฝีมืองั้นหรอ? เช่นนั้นคงจะหาตัวได้ยาก”
แต่หยู่เหวินเห้ากลับส่ายหน้า “ไม่ ทางกลับกันยิ่งเขาเป็นยอดฝีมือยิ่งหาตัวได้ง่าย ผู้ที่มีความชำนาญด้านการใช้เข็มพิษลำดับต้นๆ ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ยิ่งเป็นคนที่ยอมฆ่าคนเพื่อเงินด้วยแล้วยิ่งมีไม่มากนัก”
หยวนชิงหลิงที่ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเขามีบุคคลเป้าหมายแล้ว ทำให้นางโล่งใจไปอย่างมาก
ดูท่าแล้วคงไม่จำเป็นต้องไปถามสุนัขหรือพยานรู้เห็นอีกแล้ว
เมื่อกลับมาถึงจวน อย่างไรเสียก็ต้องอาบน้ำสักหน่อยแล้ว
หยวนชิงหลิงกำลังเตรียมจะเรียกคนให้จัดเตรียมน้ำ หยู่เหวินเห้าก็ห้ามทันที : “ไม่ต้อง ข้าจะพาเจ้าไปที่แห่งหนึ่ง”
“ที่ไหน?” ดึกขนาดนี้แล้ว ยังจะไปไหนอีก?
ดวงตาของหยู่เหวินเห้าประกายรอยยิ้มออกมาทันที “แน่นอนว่าต้องไปที่ที่น่าไป”