ตอนที่ 67-1หญ้าพิษ

เมื่อได้ยินดังนั้นแล้ว ผู้อาวุโสหลี่จึงขมวดคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย:

“อันใดนะ?”

แม่นมหลัวมีอาการลังเลใจเล็กน้อยก่อนที่จะเหลือบมองไปยังสีหน้าตึงเครียดของผู้อาวุโสหลี่ และกล่าวว่า:

“เรียนท่านผู้อาวุโส มันคือตู”

“ตู?”

แม้แต่หลี่เสี่ยวหรันผู้ที่เป็นถึงท่านอำมาตย์ก็ยังมิเคยพบเห็นพืชชนิดนี้มาก่อน เพราะมันมีอยู่เฉพาะในทุ่งหญ้าแถบชนบท

“มันคืออันใดหรือ?”

ริมฝีปากของหลี่เว่ยหยางยกขึ้นช้า ๆ ขณะที่สีหน้าบ่งบอกถึงความตกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลี่จางเล่อ

ม้นจะเป็นไปได้อย่างไร?

แม่นมหลัวค่อย ๆ ผ่าเนื้อที่ก้อนนั้นออก

และทุกคนเห็นว่า มีอันใดบางอย่างที่มีสีครามอยู่ด้านใน เมื่อเห็นแล้วหลี่เสี่ยวหรันจึงขมวดคิ้วขึ้นทันที:

“แล้วมีสิ่งใดที่พิเศษเกี่ยวกับพืชชนิดนี้หรือ?”

“นี่คือหญ้าพิษชนิดหนึ่ง หากมันเติบโตใกล้กับพืชผล จะมิสามารถเก็บเกี่ยวพืชผลชนิดนั้นได้ และชื่อของมันคือ ‘ตู’”

การแสดงออกของแม่นมหลัวนั้นค่อนข้างเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

นางอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลลีแห่งนี้มาหลายปีแล้ว แต่มิเห็นสิ่งสกปรกเหล่านี้มาก่อน

นางเคยคิดว่า เรื่องแบบนี้มิมีทางที่จะปรากฏขึ้นในตระกูลหลี่ได้ …

“แล้วเหตุใดเจ้าพืชชนิดนี้จึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

ความสงสัยเล็กน้อยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลี่เสี่ยวหรัน

“มันใช้ทำอะไร?”

หลี่จางเล่อรีบกล่าวด้วยความร้อนรนว่า:

“รกนี่คือสิ่งที่น้องห้าให้ข้ามา…”

เมื่อหลี่ฉางซีเห็นว่า มีบางอย่างที่มิถูกต้องจึงรีบโต้แย้งว่า

“พี่ใหญ่ ข้ามิได้ใส่สิ่งนี้เอาไว้ในรก…”

หลี่จางเล่อจึงเหลือกตามองนางด้วยสายตาที่มิเป็นมิตร

เป็นเรื่องจริงที่หลี่ฉางซีมิได้ใส่สิ่งเหล่านั้นลงไปรก

แต่เป็นเพราะคุณหนูใหญ่มิสามารถทนกลิ่นของรกได้ นางจึงแอบปรึกษาท่านหมอประจำตระกูล

ท่านหมอผู้นั้นกล่าวว่า นางต้องเพิ่มสมุนไพรบางอย่างเพื่อระงับกลิ่นของมัน

นางจึงกล่าวว่า:

“ท่านหมอซ่งเป็นผู้แนะนำให้ข้าใส่สมุนไพรไว้ข้างในเพื่อกำจัดกลิ่นเหม็นคาวของมัน”

และทันใดนั้น หลี่เว่ยหยางได้กล่าวขึ้นว่า

“ท่านพ่อ ตูมิใช่สมุนไพร แต่เป็นวัชพืชที่มีพิษร้าย

ตอนอยู่ที่เมืองผิงเฉิง ข้าเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนว่า ฝนแล้งสิบปี น้ำท่วมเก้าปี ยังมิเทียบเท่ากับการที่มีต้นตูนี้เติบโตอยู่ในที่นาของตนเอง

เพราะพิษของมันร้ายแรงมากถึงขั้นที่สามารถทำให้ต้นข้าวที่มีอยู่ในนาตายจนหมดสิ้น!

ท่านคิดว่าพิษของมันมีความร้ายแรงหรือไม่?”

หลี่เสี่ยวหรันแทบจะมิเชื่อหูของตนเอง จึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจังอีกว่า

“ศักยภาพในการทำลายล้างของหญ้าพิษนี้น่ากลัวยิ่งกว่าน้ำท่วมและความแห้งแล้งเลยหรือ?”

หลี่เว่ยหยางพยักหน้า

“อันที่จริงมันน่ากลัวกว่านี้มาก ด้วยเหตุนี้ สามัญชนจึงเกลียดชังสิ่งเหล่านี้เป็นที่สุด

นอกจากนี้มันยังมิมีความสามารถในการกำจัดกลิ่นแต่ประการใด

พี่ใหญ่, ท่านคงจะเข้าใจผิดแล้ว!”

ทันใดนั้นฮูหยินใหญ่ก็นึกขึ้นมาได้ว่า มีบางอย่างที่มิถูกต้อง ทำให้ใบหน้าของนางดูเคร่งขรึม ขณะที่กล่าวว่า:

“เว่ยหยางอย่ากล่าวอย่างมิใส่ใจ!”

“เงียบ!”

หลี่เสี่ยวหรันตะคอกใส่หน้านางจากนั้นเขาจึงขมวดคิ้ว และกล่าวว่า

“จางเล่อ เหตุใดเจ้าจึงนำสิ่งนี้เข้ามาในบ้าน?”

“ข้า…ข้า…ข้าเพียงแค่ต้องการกำจัดกลิ่นของรกออกไปเท่านั้น จึงทำตามคำแนะนำของท่านหมอซ่ง

ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่า มันมีพิษร้ายแรงเช่นนี้”

ความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นในดวงตาที่งดงามของหลี่จางเล่อ

จากนั้นน้ำเสียงอันเยือกเย็นของหลี่หมินเต๋อดังขึ้นภายในห้องโถง

“พี่ใหญ่ครั้งที่แล้ว ท่านเคยกล่าวว่าท่านศึกษาตำรายามาแล้วหลายเล่มมิใช่หรือ?

ท่านจะมิทราบรู้ได้อย่างไรว่าหญ้าพิษชนิดนี้สามารถใช้เพื่อทำร้ายผู้อื่นได้ และมิใช่สมุนไพรเพื่อกำจัดกลิ่น”

หลี่หมินเฟิงขมวดคิ้วเข้มพร้อมกับกล่าวว่า :

“บนโลกใบนี้มีสมุนไพรหลายร้อยหลายพันชนิด ดังนั้นพี่ใหญ่ของเจ้าจึงมิอาจรู้ได้ทุกอย่างหรอก!

หากต้องการทราบอย่างถ่องแท้ เราต้องเชิญท่านหมอซ่งมาที่นี่เท่านั้น!”

ท่านหมอซ่งเป็นแพทย์ที่ตรวจอาการป่วยของผู้คนในตระกูลหลี่บ่อยครั้ง เป็นเวลาสามสิบกว่าปีมาแล้ว

ซึ่งคงมิมีผู้ใดกล้าสงสัยในคำกล่าวของเขาแน่

หลี่เสี่ยวหรันสั่งให้คนตามหมอซ่ง มาพบในทันที แต่ได้รับข่าวว่าสุขภาพของหมอซ่งมิค่อยดีนัก และเกษียณอายุแล้ว

และซื่อหยินเหนียงผู้ซึ่งคอยสังเกตการณ์อยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ มีรอยยิ้มที่เยาะเย้ยและเย็นชาปรากฏให้เห็นบนใบหน้าโดยที่มิมีผู้ใดสามารถสังเกตเห็นได้

ท่านหมอซ่งตรวจคนป่วยในตระกูลหลี่และรับเงินค่าตรวจทุกครั้ง

คราวนี้คุณหนูสามได้มอบทองคำของจักรพรรดิเป็นจำนวนถึงสองพันเหรียญให้เขาด้วยความใจกว้างราวกับแม่น้ำ

มันจะเพียงพอที่จะดำรงอยู่อย่างสุขสบายตลอดชีวิตนี้ เห็นได้ชัดว่าชายชราอ้างว่าป่วยและถอนตัวออกไปอย่างมิมีผู้ใดสงสัย

คราวนี้คุณหนูสามเตรียมพร้อมสำหรับการรับมืออย่างหนักหน่วง

นัยน์ตาสีเข้มของหลี่หมินเต๋อเปล่งประกายอย่างรู้แจ้ง:

“พี่ชายใหญ่ เราหาหมอท่านอื่นมาตรวจสอบ ก็คงสามารถทำได้เช่นกัน”

ในขณะนั้นท่านผู้อาวุโสหลี่กล่าวว่า:

“เชิญท่านหมอประจำตัวของข้ามาที่นี่”

ท่านผู้อาวุโสหลี่มักจะพึ่งพาท่านหมอเฉิน เพราะตระกูลเฉินได้ดูแลนางและครอบครัวมาตั้งแต่ตอนที่นางยังเป็นเด็ก

และท่านหมอเชิญผู้นี้เป็นรุ่นที่สองแล้ว

จากนั้นมินานนัก ท่านหมอเฉินได้ถูกเชิญมาที่บ้านตระกูลหลี่อย่างเร่งด่วน

หลี่เสี่ยวหรันสั่งให้ตรวจสอบตูในทันทีที่เขาเดินทางมาถึง

หลี่เสี่ยวหรันขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียดพร้อมกับกล่าวว่า

“สิ่งนี้สามารถใช้กำจัดกลิ่นได้หรือไม่?”

ท่านหมอเฉินส่ายหัวอย่างเป็นธรรมชาติ:

“ตูเป็นหญ้าพิษ สำหรับความสามารถในการกำจัดกลิ่นนั้นเป็นสิ่งที่มิเคยได้ยินมาก่อน”

การเยาะเย้ยที่เยือกเย็นปรากฏขึ้นทั่วริมฝีปากของหลี่เว่ยหยาง แต่นางแสร้งทำเป็นประหลาดใจและหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด

“เป็นไปได้อย่างไร? เหตุใดพี่ใหญ่จึงซ่อนหญ้าพิษเอาไว้ในรก”

ท่านหมอเฉินขมวดคิ้ว และปากของเขาขยับเล็กน้อย ราวกับว่าเขามีบางอย่างที่มิสามารถกล่าวออกมาได้

ใบหน้าหล่อเหลาของหลี่หมินเต๋อ ผู้ซึ่งมีดวงตาสีดำ มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นก่อนที่จะกล่าวว่า

“ข้าขอกล่าวบางอย่างจะได้หรือไม่?

หากมิสามารถใช้กำจัดกลิ่นได้ บวกกับความกลัวว่าจะถูกค้นพบจุดประสงค์ก็คือซ่อนมัน!

ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ใดจะคาดคิดว่า ตูจะถูกซ่อนอยู่ในรก”

หลี่เว่ยหยางกระพริบตาและหยุดชะงัก ก่อนที่จะกล่าวว่า

“แท้จริงแล้ว หญ้าพิษจะใช้รักษาได้อย่างไร?!

ตูมีอันตรายยิ่งกว่าสารหนู!

เห็นได้ชัดว่า มิมีความเป็นไปได้ที่จะมีสรรพคุณทางยา เนื่องจากมันสามารถใช้ปลิดชีวิตผู้คนได้…”

หลี่หมินเฟิงยืนขึ้นอย่างโกรธแค้น มือของเขากำแน่นพร้อมกับกล่าวว่า

“หลี่เว่ยหยางเจ้าต้องเป็นบ้าแน่! กล่าวเรื่องไร้สาระอันใด!”

หลี่เว่ยหยางจ้องมองมาที่เขา และกล่าวว่า:

“พี่ชายใหญ่ ท่านจำเป็นต้องตึงเครียดถึงเพียงนั้นเลยหรือ?

พี่ชายใหญ่มิทราบหรือว่า ตูถูกใช้ในการทำวิธีเกี่ยวกับคุณไสยมนต์ดำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝ่าบาททรงเคยห้ามไว้อย่างชัดเจน!”

เมื่อได้ยินดังนั้นหลี่เสี่ยวหรันจึงตัวแข็งทื่อ และทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้

ตูมักจะถูกใช้ในการทำพิธีเกี่ยวกับคุณไสยมนต์ดำ เพื่อให้คำสาปนั้นจะได้มีฤทธิ์มากขึ้น

ซึ่งจะส่งผลให้ครอบครัวมีความทุกข์ใจหรือได้รับบาดเจ็บ หรือต้องทนทุกข์กับความ

อยุติธรรม

หรือหากแย่กว่านั้นคือ ต้องเผชิญกับความชั่วร้ายเกี่ยวกับการเสียชีวิตของผู้คนในครอบครัว

และในกรณีที่เลวร้ายที่สุดทรัพย์สินจะสูญหาย และครอบครัวของพวกเขาจะต้องแตกแยก

ซึ่งเป็นผลมาจากคำสาปที่เลวร้ายเหล่านั้น

เขาเงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปยังบุตรสาวของตนเอง อย่างมิเชื่อสายตา

“จางเล่อ เหตุใดเจ้าจึงต้องทำเช่นนี้ด้วย?!”

เขามิเข้าใจว่า เหตุใดบุตรสาวผู้ที่มีความงดงามและเป็นผู้ที่มีจิตใจกว้างขวาง อีกทั้งยังเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถหลายด้านจะทำสิ่งที่ผิดพลาดได้ถึงเพียงนี้

และตอนนี้ยังใช้เวทมนตร์ดำอีกด้วย หากเรื่องนี้เล็ดลอดออกไปสู่สาธารณชน มันจะกลายเป็นอาชญากรรมที่รุนแรงถึงขั้นที่พวกเขาอาจจะถูกฆ่าล้างตระกูล!

นางต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ !

ขณะนี้ฮูหยินสาม ผู้ซึ่งนิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานานได้ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ขณะที่กล่าวออกมาว่า:

“อันที่จริง ครั้งที่แล้วที่ท่านพ่อของเจ้าลงโทษเจ้านั้น เป็นเพราะว่าเจ้าทำผิดอย่างแท้จริง

นี่เจ้ามีความโกรธแค้นในตัวเขา ถึงขั้นทำการสาปแช่งเลยเชียวหรือ?

เหตุใดผู้หญิงจึงมักจะทำอันใดเช่นนี้”

ทันใดนั้นหลี่จางเล่อเริ่มมีความรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก และร้องตะโกนออกมาว่า

“ท่านพ่อ ข้ามิได้ทำ ข้ามิได้ทำจริง ๆ !”