ตอนที่ 239 ทิวทัศน์ของการกินโลลิจริงวันแรก

คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

239 ทิวทัศน์ของการฝึกต่อสู้จริงวันแรก

 

“เข้าใจล่ะ”

 

สี่ล้อสินะ

มันให้ความรู้สึกมั่นคงแตกต่างจากแบบสองล้ออย่างแน่นอน ถนนลูกรัง ……ม๊า อาจจะเหมาะกับการเดินทางบนถนนที่ขรุขระ

 

ถึงอย่างงั้น――

 

“รู้สึกว่าจะใหญ่โตไปหน่อยเน๊ะ?”

 

เมื่อพิจารณาเทียบกับเครื่องจักรต้นแบบสองล้อที่สร้างโดยซาร์กี้ วิศวกรจากเวิร์คช็อปที่แปดของโรงเรียนทหารจักรกล นี่มันใหญ่กว่ามาก

 

ล้อมีขนาดใหญ่ขึ้นทั้งในแนวตั้งและแนวนอน และจำนวนก็เพิ่มมากขึ้น ฉันรู้สึกว่าแหล่งพลังงานก็ใหญ่กว่ามาตรฐานเล็กน้อยเช่นกัน

 

ฉันที่ลองขับโดยร่างกายเด็กก็รู้สึกใหญ่ไปไม่น้อย

 

“ขนาดของล้อสร้างความแตกต่างในการปีนข้ามสิ่งต่าง ๆ อย่างขั้นบันได้หรือก้อนหิน คุณไม่สามารถวิ่งได้ดี เว้นแต่จะมีขนาดที่เหมาะสม”

 

จังโก้ ลูกชายคนที่สามของโรงงานไฟรช์อธิบาย

 

พวกเขาพี่น้องชายสามคน ได้นำม้าจักรกลสำหรับขับนอกเมืองมาที่หน้าทางเข้าเมืองหลวงมาเวเลีย

และตอนนี้ พวกเขากำลังทำการปรับปรุงขั้นสุดท้าย

 

“หลังจากที่ลองขับไปรอบ ๆ แถวนี้แล้ว ไม่มีปัญหาด้านประสิทธิภาพ แต่คุณควรจะวิ่งระยะไกลด้วยความเร็วที่เหมาะสม ทว่า ความเห็นอย่างตรงไปตรงมาของข้าคือมันยังเร็วไปสำหรับการทดลองวิ่งระยะไกล”

 

“เป็นอย่างงั้นเหรอ?”

 

“อ้า จะอธิบายยังไงดี……โดยรวมแล้วมันยังแข็งเกินไป สงสัยคงเพราะว่ามันเป็นโลหะทั้งหมด และไม่มีชิ้นส่วนไม้เหมือนรถม้าธรรมดา แรงกระแทกแค่นิดหน่อยก็ส่งไปด้านหน้ารถ……ข้าอธิบายได้ดีแค่นั้นแหละ”

 

ไม่หรอก คุณพูดได้ค่อนข้างดีแล้ว

 

“สรุปคือไม่มีความยืดหยุ่นสินะ”

 

ไม่มีสเปคที่ดูดซับแรงกระแทก หรือลบมันได้เลยเหรอ

ในแง่ของร่างกายมนุษย์ ก็คงเป็นกระดูก ฟังดูแล้วอาจจะเป็นทางนั้น เพราะไม่มีผิวชั้นนอกแข็งแกร่งที่เรียกว่ากล้ามเนื้อที่สามารถขยายและหดตัวได้อย่างยืดหยุ่น

 

……หืม? แตกต่างไปหน่อยรึเปล่าน่ะ? ม๊า ช่างเถอะ

 

ทฤษฎีก็คือว่า ถ้าคุณรับแรงที่เข้ามาหาโดยตรง คุณจะได้รับบาดเจ็บ ไม่มีเทคโนโลยีที่จะลบ กระจาย หรือปัดป้องพลังเมื่อได้รับมันมา

 

เมื่อเป็นเช่นนั้น มันก็ค่อนข้างเปาะบางต่างจากรูปร่างที่เห็นภายนอก ชิ้นส่วนอาจจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ระหว่างขับได้

 

――ม๊า การทดลองขับก็รวมถึงแง่มุมนั้นด้วย

 

“พร้อมสำหรับสิ่งนั้นแล้วหรือยัง?”

 

“ตลอดเวลา”

 

“ดี”

 

ซิลเลนกับอีสที่เปลี่ยนเป็นชุดฝึกพร้อมอยู่แล้ว ได้อบอุ่นร่างกาย และเตรียมพร้อมสำหรับการออกกำลังกายแล้ว

 

“จ๊า มาเริ่มวิ่งไล่จับกันเถอะ”

 

อาคาชิซึ่งรับผิดชอบในการขนสัมภาระเป็นคนเดียวที่อยู่บนเรือเดี่ยว ดูเหมือนจะพร้อมแล้วเหมือนกัน

 

“ฉันจะเอากลับไปส่งที่โรงงานตอนเย็นน่ะ”

 

“โอ้ ถึงจะไม่รู้ว่าจะไปไหนกัน แต่ระวังด้วยนา”

 

ฉันขึ้นขับม้าจักรกลสี่ล้อ และเริ่มวิ่งออกไป ซิลเลน อีส อาคาชิก็เริ่มวิ่งเช่นกัน

 

ตอนนี้ยังเช้าอยู่

คงจะดีไม่น้อยหากพวกเราสามารถไปถึงป้อมปราการด้านตะวันออกได้ในตอนเช้า แต่ไม่ว่าเราจะทำได้หรือไม่ก็ตาม นี่จะเป็นการฝึกที่ดี

 

 

 

“――วิ่ง!? ด้วยตัวเอง!? ไปยังป้อมปราการด้านตะวันออก!?”

 

เมื่อคืน พวกเราได้จัดตารางสำหรับการฝึกต่อสู้จริงที่เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้

 

ในระหว่างมื้อเย็น ฉันถูกซิลเลนถามว่า「เราจะไปที่ป้อมกันยังไง」และเมื่อตอบไปเธอก็ประหลาดใจมาก

 

“ไม่ เป็นไปไม่ได้! คิดไหมว่าอยู่ไกลแค่ไหนกัน! ต้องใช้เวลาเดินมากกว่าหนึ่งวันเชี่ยนะ!”

 

พรุ่งนี้โรงเรียนทหารจักรกลจะหยุด และจะเปิดเรียนอีกครั้งในวันมะรืนนี้

ดังนั้นการฝึกแบบการต่อสู้จริงจึงกำหนดให้เป็นแบบไปเช้าเย็นกลับ

 

“ไม่เป็นไรหรอก ก่อนอื่นถ้าเดินเท้าไป เราสามารถมองข้ามทางหลวง แล้วมุ่งหน้าตรงไปยังเป้าหมายได้เลย นอกจากนี้ยังเป็นการฝึกอีกด้วย เพราะฉันคิดว่าทำได้แล้ว ถึงกล้าแนะนำให้ฝึกจริงไงล่ะ”

 

“……งะ งั้นเหรอ? ทำได้?”

 

ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นปัญหา

 

“ตามปกติแล้ว คุณสามารถเพิ่มความสามารถทางกายภาพด้วยวิธีนั้น แล้วที่เหลือก็แค่คงสภาพมันไว้ และวิ่งให้หนักที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากได้ผลดี ความเหนื่อยล้าทางร่างกายของคุณจะลดลง และสิ่งนั่นจะทำให้สามารถวิ่งได้เร็วกว่าการวิ่งโดยไม่มี”

 

เนื่องจากมีพวกเด็ก ๆ อยู่รอบ ๆ ดังนั้นฉันจึงเก็บเป็นความลับ แต่ สิ่งนั่น ก็คือ「คิ」ล่ะนะ

 

“หรือก็คือฉันกำลังบอกว่า พวกเรากำลังก้าวไปสู่ขั้นต่อไปแล้วล่ะ? นอกจากนี้ยังเป็นการฝึกเพื่อคงสภาพด้วย หากคุณทำไม่ได้ คุณจะไม่สามารถฝึกการต่อสู้จริงได้ตั้งแต่แรก

เน๊ะ? นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันคิดว่าทำได้แล้ว”

 

“อะ อืーม……”

 

ม๊า ก็เพราะซิลเลนเป็นคนที่เคยไปที่นั่นมาแล้ว ฉันเดาว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับสิ่งนี้ เพราะเธอรู้ระยะทางจริง

 

“มาลองดูกันก่อนเถอะ ถ้าไม่ได้ผลจริง ๆ ค่อยคิดวิธีอื่นก็ได้”

 

“……เข้าใจแล้ว เราจะพยายามให้ดีที่สุด”

 

อืม แบบนั่นแหละดี

 

“แคนเองก็จะทำได้ในเร็ว ๆ นี้เหมือนกัน”

 

“ขี้โกง ของสนุก”

 

“ไม่ได้ขี้โกงสักหน่อย ซิลกับอีสต้องวิ่งเพราะเป็นการฝึก ส่วนฉันไม่ได้ฝึกด้วย”

 

เหล่าลูกศิษย์ยังคงเป็นแค่เด็กน้อย เมื่อพูดถึง「คิ」ฉันตัดสินใจไว้แล้วว่ายังไงก็ต้องวิ่ง แล้วถ้าให้ฉันวิ่งอย่างจริงจัง ฉันจะไปถึงป้อมปราการทางทิศตะวันออกในพริบตา

 

“แต่แรกแล้ว ฉันก็เร็วกว่าเรือเดี่ยวหรือม้าจักรกล”

 

“ไม่มีทาง ยังไงก็พูดเกินจริงแน่เลย เรือเดี่ยวก็เร็วมาก”

 

ว่าไงนะ

 

“เนียจังเร๊วกกว่าเรือเดี่ยวจริงน่ะ”

 

“เอ๊ะ? ท่านพี่หญิงรู้อะไรมางั้นเหรอคะ?”

 

“เปล่าหรอก เป็นเพียงความคิดเห็นตามสิ่งที่เธอทำได้เท่านั้นเอง”

 

เข้าใจสินะ แคน แต่ฉันก็จะให้วิ่งอยู่ดี

 

 

 

――นั่นคือสิ่งที่เราคุยกันตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้

 

“――”

 

“――”

 

ฉันกำลังนั่งคร่อมม้าจักรกลสี่ล้อที่วิ่งด้วยความเร็วเต็มที่จนแหล่งพลังงานคำราม ซิลเลนกับอีสกำลังวิ่งราวกับไล่ตามอยู่ด้านหลัง

 

ในตอนแรก「คิ」ของพวกเธอก็ไม่เสถียร ไม่เร็วเกินไปก็ช้าเกินไป แต่ไม่นานก็เริ่มเสถียร และเริ่มรักษาความเร็วให้คงที่ได้แล้ว

 

ความเร็วพอแล้ว

ตอนนี้ซิลเลนอาจจะกำลังแปลกใจเล็กน้อย เพราะเธอเร็วกว่าเรือเดี่ยวที่น่าสงสารแล้ว เธอคงคิดว่าตัวเองสามารถเคลื่อนไหวได้มากกว่าที่คิดเอาไว้ นั่นเพราะ「คิ」ที่ใช้ในการฝึก แตกต่างจาก「คิ」ที่ใช้จริง

 

และ เรือเดี่ยวที่อาคาชินั่งอยู่ก็วิ่งอยู่หลังสุด

 

ใกล้จะถึงเวลาต้นฤดูร้อนแล้ว

อากาศยังเย็นสบาย แต่แสงแดดเริ่มแรงขึ้นเล็กน้อย

 

ภายใต้ท้องฟ้าสีคราม ฉันรู้สึกดีมากที่ได้เพิ่มความเร็วโดยไม่ต้องกังวลกับใคร และขับม้าจักรกลสัมผัสกับสายลม

กะแล้ว นี่เป็นความรู้สึกที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากการวิ่งด้วยขาของตัวเอง

 

แม้แต่การขับเรือเดี่ยวเองก็อาจจะรู้สึกแตกต่างจากการเป็นแค่ผู้โดยสาร และทำได้แค่ขยับตัว

ม๊า ในร่างกายนี้ที่สายสัมพันธ์ทางเวทมนตร์พังทลายลงไปแล้ว ฉันก็ไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถขับเรือเดี่ยวได้

 

แม้ว่าจะไม่สามารถเลี้ยวหักศอกได้เหมือนม้าจักรกลสองล้อ แต่ฉันคิดว่าม้าจักรกลสี่ล้อมีความเสถียรมากกว่าอย่างแน่นอน

พูดอีกอย่างคือ มันหนักกว่าสองล้อมาก

 

อาจเป็นความคิดที่ดีที่จะพัฒนาสิ่งนี้

 

――ในช่วงที่ฉันกำลังคิดเรื่องนี้

 

 

เคร้ง

 

 

ฉันได้ยินเสียงของบางสิ่งแตกหักลอดผ่านออกมาจากเสียงหัวใจของแหล่งพลังงานที่สั่นสะเทือน 

 

“หืม……っ!?”

 

ขณะที่ฉันคิดว่ารถเอนไปทางซ้าย ฉันก็เห็นล้อหน้าซ้ายหมุนกลิ้งไปด้านข้าง

 

ล้อหลุดแล้ว

เสียงอะไรบางอย่างแตกนั่นคงเป็นเสียงกรีดร้องของส่วนที่ตรึงเอาไว้

 

ฝั่งซ้ายซึ่งสูญเสียสิ่งรองรับ ขูดพื้นอย่างรุนแรง――ชนก้อนหินเล็ก ๆ แล้วกระเด้งขึ้นมา

ด้วยอุปสรรค์มากมายเพียงนั้น ตัวม้าจักรกลสี่ล้อก็ลอยขึ้นกลางอากาศ

 

ก้นกระดกขึ้นสูง และหมุนในแนวตั้งราวกับว่ากำลังม้วนตัวไปข้างหน้า

 

ทว่า――ช้า!

 

ฉันถูกโยนขึ้นไปกลางอากาศพร้อมม้าจักรกลสี่ล้อ ขั้นแรก ฉันดึงก้านควบคุมที่ฉันยังถืออยู่เพื่อยึดตัวถังรถและตัวฉันเอง จากนั้นเปลี่ยนน้ำหนักด้วย「คิหนัก」ฉันเตรียมตัวตกลงพื้นอย่างเป็นระบบ

 

ม้าจักรกลสี่ล้อสูญเสียทั้งความเร็วและน้ำหนัก และลงจอดอย่างนุ่มนวลราวกับขนนก

 

“เนีย! ไม่เป็นไรใช่ไหม!?”

 

“อุบัติเหตุ! อุบัติเหตุ!”

 

เหล่าลูกศิษย์รีบวิ่งเข้ามาหาฉัน เนื่องจากพวกเธอวิ่งตามหลัง จึงน่าจะได้เห็นภาพการพลอกคว่ำอันน่าทึ่งนี้

 

“ไม่เป็นไรหรอก แค่ตกใจนิดหน่อย”

 

ทันใดล้อก็หลุดออกมา ฉันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับสิ่งนั้น

 

อย่างที่จังโก้ ลูกชายคนที่สามบอกฉันไว้ว่า เขาคิดว่าความยืดหยุ่นไม่เพียงพอ

ชิ้นส่วนที่อยู่ภายใต้ความเครียดจะแตกหัก เนื่องจากการกระแทกซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่เกิดจากความไม่สม่ำเสมอของพื้นดิน

 

――นี่เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ เนื่องจากยังเป็นเครื่องจักรต้นแบบ

 

“ม๊ายเป็นไรช๊ายไหมเน๊”

 

และจากนั้น อาคาชิบนเรือเดี่ยวซึ่งมาถึงช้าสุด ก็มาหยุดอยู่ใกล้ ๆ

 

“อาคาชิช่วยเก็บล้อที่กลิ้งออกไป กับชิ้นส่วนต่าง ๆ แล้วตามมาได้ไหม?”

 

“หืม? น๊านก็ได้อยู่หรอก……แต่เนียจังจะทำยังง๊าย? จะมานั่งกับทางนี้ไหม? แล้วก็ จะทำยังง๊ายกับม้าจักรกลล๊า?”

 

“อ้า ไม่มีปัญหา”

 

ฉันยกม้าจักรกลสี่ล้อที่ล้อหายไปล้อหนึ่ง

 

“จากนี้ฉันก็จะวิ่งไปเหมือนกัน”

 

แม้จะมีน้ำหนักมากขนาดนี้ ม๊า ฉันคิดว่าไม่มีประโยชน์สำหรับการฝึก

แต่ฉันก็ไม่สามารถทิ้งมันไว้ข้างหลังได้

 

“――อย่ามัวแต่เหม่อกันสิ? โฮร่า รีบกันหน่อยเร็ว”

 

ฉันเร่งเหล่าลูกศิษย์กับอาคาชิที่ตกตะลึง แล้วเริ่มวิ่ง

 

 

 

 

 

ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー

 

คนแปลขออนุญาตเปิดโดเนทหน่อยนะงับ 

{ไทยพาณิชย์} {880-222211-5} {เสฏฐวุฒิ}

 

ขอบพระคุณทุกท่านที่สนับสนุนเป็นกำลังใจเข้ามาด้วยนะครับ

ขอบคุณงับ