ตอนที่ 218 ผมรับแต่ความรักมาเลี้ยงดู

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 218 ผมรับแต่ความรักมาเลี้ยงดู

เมื่อกลับถึงบ้าน หลี่หมิงเฉิงเห็นหลินม่ายกลับมาในสภาพเปียกโชกครึ่งตัว จึงดุเธอ “ฝนตกหนักขนาดนี้ทำไมเธอถึงวิ่งออกไปข้างนอก ดูเสื้อผ้าสิเปียกหมดแล้ว รีบไปอาบน้ำร้อนเลย”

หลินม่ายชำเลืองมองเขา “ที่ฉันออกไปตากฝนหนักขนาดนี้ก็เพื่อซื้อบ้านให้นายอยู่ จะได้ไม่ต้องนอนที่ร้านแล้วกระทบการนอนของนาย”

หลี่หมิงเฉิงจึงถามอย่างมีความสุข “ซื้อบ้านที่ไหน อยู่ไกลจากที่นี่ไหม เมื่อไหร่จะได้ย้ายเข้าไป?”

แม้เขาจะมาจากบ้านนอกและเป็นเด็กผู้ชาย แต่เขาก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวมากนัก

แต่ถ้ามีห้องเป็นของตัวเอง ก็สบายกว่าการนอนในร้านแน่นอน

หลินม่ายกล่าวว่า “ตอนนี้กำลังดำเนินการ แต่ว่าตอนนี้ยังย้ายเข้าไม่ได้ เจ้าของบ้านยังต้องอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ถึงจะย้ายเข้าได้”

หลี่หมิงเฉิงโบกมือ “ไม่เป็นไร หนึ่งสัปดาห์มันแค่พริบตาเดียว”

หลังจากเลิกงานในตอนบ่าย ฟางจั๋วหรานมาที่ร้านของหลินม่ายเพื่อกินอาหารเย็นด้วยรอยยิ้มในดวงตา

เขาไม่ใช่คนที่ชอบแสดงอารมณ์ แม้ว่าเขาจะยิ้ม ก็ยิ้มเบาๆ เป็นเวลาสั้นๆ รอยยิ้มจะอยู่บนใบหน้านานกว่าสิบวินาทีก่อนที่จะหายไป

像今天这样,从楼下一直笑到楼上,这种情况林麦还是第一次看见。

เช่นเดียวกับวันนี้ ตั้งแต่ชั้นบนลงมาชั้นล่าง นี่เป็นครั้งแรกที่หลินม่ายเห็นสถานการณ์นี้

เธอมองเขาแปลกๆ “ได้รับเงินก้อนโตมาจะยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้เหรอคะ?”

“ไม่ใช่” ฟางจั๋วหรานเปลี่ยนเรื่องและกระซิบข้างหูเธอ “คุณซื้อบ้านหลังตรงข้ามหรือยัง?”

หลินม่ายกำลังจะซื้อบ้านตรงข้ามบ่ายนี้ เขาก็รู้เรื่องนี้

ฉันซื้อแล้ว กลับไปฉันจะเอาใบรับรองที่ดินและใบรับรองอสังหาริมทรัพย์ให้คุณดู

เมื่อเห็นทั้งสองสองคนกระซิบกัน โต้วโต้วก็ไม่พอใจเล็กน้อย “คุณอากับแม่กำลังคุยอะไรกัน พูดเสียงเบานิดเดียว หนูไม่ได้ยิน”

หลินม่ายไม่ต้องการให้โต้วโต้วรู้เรื่องนี้ กลัวว่าเด็กๆจะไม่รู้อะไรแล้วเอาไปพูดมั่วซั่ว

แม้ว่าการซื้อบ้านจะเป็นเรื่องที่น่าเปิดเผย แต่หลินม่ายก็ชอบที่จะจัดการอย่างเงียบๆ

ดังนั้นจึงโกหกว่า “แม่กำลังคุยกับอาเรื่องที่จะซื้อหนังสือนิทานให้หนูฝึกวาดภาพ ตอนแรกอยากจะทำให้หนูประหลาดใจ แต่หนูถามซะแล้ว”

เด็กน้อยเชื่อและยิ้ม

เมื่อกินอาหารเย็นเสร็จ เด็กน้อยก็นั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา

หลินม่ายเก็บจานแล้วขึ้นไปชั้นบน เรียกฟางจั๋วหรานเข้าไปในห้อง เปิดกล่องและแสดงใบรับรองที่ดินและใบรับรองอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาใหม่ให้เขาดู

มือใหญ่ยืนหนังสือสีแดงเล็กๆสองเล่มให้เธอ

หลินม่ายมองใกฃ้ๆเห็นว่าเป็นสมุดบัญชีเงินฝาก

ถามห้วนๆว่า “นี่สมุดบัญชีเงินฝากของคุณหรอ?”

ฟางจั๋วหรานมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนและตื้นเขินปรากฏบนใบหน้าของเขา “ถ้าไม่ใช่ล่ะ?”

เธอเห็นแล้วก็ดูงุนงงไป “คุณเอาสมุบัญชีมาให้ฉันทำไม ฉันไม่อยากช่วยคุณเก็บ สมุดบัญชีของฉันเองยังดูแลได้ไม่ดีเลย”

การแสดงออกของฟางจั๋วหรานหยุดนิ่ง “ไม่ใช่ให้คุณเก็บ แต่ว่าเงินในนี้ให้คุณไว้ใช้ตามอัธยาศัย”

หลินม่ายเบิกตากว้าง “ไม่ใช่ว่าฉันไม่มีเงินใช้ ทำไมต้องใช้เงินของคุณด้วย?”

ฟางจั๋วหรานตกใจเล็กน้อย

บ่ายวันนี้เข้าได้ยินการสนทนาระหว่างพยาบาลสองคน

พยาบาล ก. : แฟนของเธอส่งเงินเดือนให้หรือยัง?

พยาบาล ข. : ไม่ แฟนของเธอให้หรอ?

ด) : แน่นอนสิ! ฉันจะบอกเธอให้ ผู้ชายที่ไม่ให้เงินเดือน แสดงว่าเขาไม่รักเธอ เธอไม่เคยได้ยินหรอ ผู้ชายที่ให้เธอใช้เงินไม่ได้แปลว่ารักเสมอไป แต่ผู้ชายที่ไม่ยอมให้เธอใช้เงินแปลว่าเขาไม่ได้รักเธอแน่นอน

ฟางจั๋วหรานมีความสุขมากที่ได้ยินการสนทนาระหว่างพยาบาลทั้งสอง และคิดว่าจะมอบสมุกบัญชีเงินเดือนและสมุดบัญชีปกติทั้งหมดให้กับผู้หญิงตัวน้อยๆ

ให้เธอมีเงินใช้ ใช้จ่ายตามอัธยาศัย ให้เธอได้รู้สึกถึงความรักที่เขามีต่อเธอ และให้ความปลอดภัยสูงสุดแก่เธอ ไม่คิดไม่ฝันว่าเธอจะไม่สนใจเงินของเขาเลย

โชคดีที่เข้ายังนึกภาพออกว่าผู้หญิงตัวเล็กๆจะมีความสุขแค่ไหนเมื่อเธอได้รับยยสมุดบัญชีเงินเดือนและสมุดบัญชีฝากประจำที่เต็มไปด้วยความรัก จนตอนนี้เขายังคงหัวเราะไม่หยุด

ฟางจั๋วหรานกล่าวว่า “ผมเป็นแฟนของคุณ เป็นธรรมดาที่คุณจะใช้เงินของผม”

หลินม่ายหน้าแดงและพูดอย่างจริงจัง “ฉันคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่ภรรยาจะใช้เงินของสามี รอวันที่เราแต่งงานกัน ฉันค่อยใช้เงินของคุณอย่างฟุ่มเฟือย”

ฟางจั๋วหรานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนำสมุดบัญชีเงินกลับคืนไป

มีแต่คู่อื่นที่ผู้หญิงอยากจะให้แฟนมอบสมุดบัญชีให้

มีเพียงแฟนสาวของเขาเท่านั้นที่เห็นสมุดบัญชีเงินฝากที่เขามอบให้ราวกับว่าเป็นระเบิดมือ และหลีกเลี่ยงมัน

เขาคิดว่าการที่หลินม่ายปฏิเสธที่จะรับสมุดบัญชีเงินฝากก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาเสียใจ แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่ายังมีเรื่องน่าเศร้าอีกมากมายรอเขาอยู่

หลังจากที่หลินม่ายแสดงใบรับรองที่ดินและใบรับรองอสังหาริมทรัพย์ของบ้านที่เพิ่งซื้อให้เขาดู เธอก็หยิบเงินปึกหนึ่งออกมายื่นให้เขา

ฟางจั๋วหรานถามติดตลก “ให้เงินผมทำไม? คิดจะเลี้ยงดูผมหรอ?”

จากนั้นก็พูดว่า “ผมไม่รับเงินเลี้ยงดู ผมรับแต่ความรักมาดูแลก็พอ”

หลินม่ายตบศีรษะเขาด้วยธนบัตรในมือ “คุณพูดให้มันดีๆ ได้ไหมคะ?

ใครจะเลี้ยงดูคุณ? นี่คือเงินค่ารักษาพยาบาลของโต้วโต้วที่คุณช่วยออกและเงินที่ฉันยืมคุณมา”

เธอมีเงินในมือแล้ว จึงต้องการคืนเงินที่ติดหนี้เขาไว้

ฟางจั๋วหรานลืมเรื่องค้างชำระนี้ไปนานแล้ว

เขาผลักมือของหลินม่ายที่ถือเงินอยู่ “เราอยู่ในความสัมพันธ์แบบแฟนกันแล้ว เงินนี้ไม่จำเป็นต้องคืน”

“ไม่ ต้องคืน เราเป็นแค่แฟนกัน ไม่ใช่สามีภรรยา เงินที่ยืมก็ต้องใช้คืน”

ฟางจั๋วหรานเงียบไปครู่หนึ่งและพูดว่า “ถ้าตอนนี้ผมจะบอกว่าเงินนี้ให้คุณยังทันไหม?”

หลินม่ายยิ้มและส่ายหน้า “ไม่ทันแล้ว”

ฟางจั๋วหรานรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แฟนสาวของเขาจัดเจนขนาดนี้ได้อย่างไร?

ถึงวันสอบประจำเดือนแล้ว

หลังจากกินอาหารเช้า หลินม่ายก็ไปโรงเรียน

แม้อาจารย์เว่ยจะจัดที่นั่งให้เธอ แต่เธอก็ไม่ได้มาเรียน ดังนั้นจึงได้ที่นั่งไม่ดีนัก อยู่ตรงมุมแถวหลัง

แต่หลินม่ายไม่สนใจ นั่งสอบตรงไหนก็เหมือนกัน

แม้ว่าเธอจะเคยพบเพื่อนร่วมชั้นของเธอเพียงครั้งเดียว แต่เธอไม่เคยพูดคุย ดังนั้นเธอจึงไม่คุ้นเคยกับพวกเขา

เพื่อนร่วมชั้นแอบมองเธอ ด้านหนึ่งคือเธอมีหน้าตาดี ในทางกลับกันคือการกระทำที่กล้าหาญ เธอไม่มาโรงเรียนพวกเขาจึงเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

หลินม่ายมีความเป็นผู้ใหญ่อยู่ในใจ เธอรับมือกับสายตาที่สอดส่องของเพื่อนร่วมชั้นอย่างใจเย็น

แผนกไฟฟ้าที่หวังหรงทำงานอยู่ จะจ่ายค่าจ้างทุกสิ้นเดือน

วันสอบประจำเดือนของหลินม่ายเป็นวันที่แผนกไฟฟ้าจ่ายค่าจ้าง

หลังจากได้รับเงินเดือนที่แผนกบัญชีตอนเที่ยง หวังหรงกำลังคิดว่าจะซื้ออะไรดีในเดือนนี้

ต้องซื้อกระโปรงและรองเท้า มีร้านขายเครื่องสำอางบนถนนฮั่นเจิ้งที่ขายลิปสติกกันน้ำ ต้องซื้อสักหนึ่งแท่ง

ขณะที่หวังหรงกำลังคิดอยู่ ก็มีคนๆหนึ่งมาขวางเธอไว้

หวังหรงเงยหน้าขึ้นและเรียกอย่างอ่อนแรง “แม่”

จนกระทั่งตอนนี้หล่อนจึงนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป เงินเดือนของหล่อนจะไม่อยู่ในมือหล่อนอีกต่อไป ต้องมอบให้แม่เพื่อจัดการ

แม่หวังหรงยื่นมืออกมา “เอาเงินเดือนมาให้ฉัน!”

หวังหรงยื่นเงินเดือนให้อย่างไม่เต็มใจ “แม่ ฉันโตขนาดนี้แล้ว แม่จะเอาเงินเดือนของฉันไปทั้งหมดไม่ได้ อย่างน้อยเหลือให้ฉันสักสิบหยวนบ้างสิ”

แม่หวังหรงพูดด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “แกมันสารเลว แกทำให้ครอบครัวพัง กล้าดียังไงมาขอเงิน!” จากนั้นหล่อนก็ฉวยเงินแล้วจากไป

หวังหรงอึดอัดใจพูดอะไรไม่ออก กว่าจะผ่อนคลายลงก็ใช้เวลานาน

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ฮี้ววว เขารับแต่ความรักมาดูแลล่ะม่ายจื่อ จริงจังหน่อยพี่หมอ

กรรมตามสนองยัยหรง บางทีถ้าเธอไม่ล้ำเส้นม่ายจื่อก็คงจะไม่เป็นสภาพนี้นะ

ไหหม่า(海馬)