9 โมงเช้า บ้านประมูลบางเต่อ
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของบ้านประมูลระดับโลก ตำแหน่งและขนาดของบ้านประมูลนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลย
การประมูลในวันนี้เป็นงานใหญ่และสําคัญ แน่นอนว่าหลายคนที่มาที่นี่ส่วนใหญ่นั้นก็มีภูมิหลังที่น่าประทับใจ
โดยปกติ ในระหว่างการประมูลขนาดใหญ่เช่นนี้ มันก็มักจะมีสิ่งของที่หายากและล้ำค่าอยู่เสมอ และนั่นก็ย่อมทําให้พวกขุนนางตามไปเหมือนฝูงเป็ด
แม้ว่าบางคนจะไม่สามารถซื้อของได้ แต่พวกเขาก็จะหาทุกวิถีทางที่จะได้รับค่าเชิญ พวกเขาเต็มใจที่จะทุบศีรษะใครก็ตามให้แตกเพื่อให้ได้มาซึ่งดอกาสนี้
นี่คือสิ่งที่ทุกคนรู้ ในเวลาเดียวกัน นี่ก็คือสิ่งที่หลี่เหลียงต้ากาลังบอกลูกชายของเขา หลี่หรงเฉิง
“วันนี้ จุดประสงค์หลักคือให้ลูกมาเปิดโลก ลูกจะได้พบกับนักสู้มากมายในภายหลัง แม้ว่าไอ้เด็กเหลือขอจากตระกูลหวังคนนั้นจะกลายเป็นปราชญ์ชั้นยอดแห่งการสอบศิลปะการต่อสู้ในฐานะนักสู้ไปแล้ว แต่เมื่อเทียบกับคนที่เข้าร่วมการประมูลในวันนี้ มันก็ไม่มีอะไรเลยมันเป็นแค่เด็กหนุ่ม ถ้ามันต้องการที่จะเป็นคนที่มีอานาจอย่างแท้จริง มันก็ยังต้องเดินทางไปอีกยาวไกล และมันก็ไม่มีใครรู้ว่าเส้นทางของมันจะพังลงหรือไม่”
การแสดงออกของหลี่เหลียงต้านั้นโหดเหี้ยม แต่เมื่อเขามองไปที่หลี่หรงเฉิง ความรักก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา
“ด้วยเหตุนี้เอง ช่วงเวลาแห่งความพ่ายแพ้จึงไม่มีความหมายอะไร มันไม่มีใครรู้หรอกว่าลูกหรือหวังเต็งจะแข็งแกร่งขึ้นในอนาคตมากแค่ไหน จงตั้งใจสอบศิลปะการต่อสู้ของลูกในปีหน้า ตระกูลหลี่ของเราจะช่วยเหลือลูกในทุกสิ่ง พ่อไม่เชื่อว่าลูกจะไม่สามารถทําได้ดีกว่าหวังเต็ง”
“พ่อครับ ผมเข้าใจแล้ว” หลี่หรงเฉิงพยักหน้าเหมือนไก่จิก เขากําหมัดแน่น และความหวังก็จุดประกายขึ้นมาในดวงตาของเขาอีกครั้ง
“หวังเต็ง รอก่อนเถอะ ปีหน้าฉันจะเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนําอย่างแน่นอน ฉันได้รับการสนับสนุนมาจากตระกูลหลี่ทั้งหมด และเมื่อเวลานั้นมาถึง แกโดนฉันเล่นแน่…”
ขณะที่เขากําลังจินตนาการว่าเขาจะเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนําได้อย่างไร และจะกดหวังเต็งให้ต่ําลงยังไง…
แผ่นหลังที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นในวิสัยทัศน์ของเขา จากนั้นรอยยิ้มอันน่าเกลียดบนใบหน้าของหลี่หรงเฉิงก็หยุดนิ่งทันที
“ หวังเต็ง!
“พ่อ มันคือไอ้เด็กเหลือขอคนนั้น!”
หลี่เหลียงต้ามองไปในทิศทางที่หลี่หรงเฉิงชี้
เมื่อหวังเต็งได้ยินเสียง เขาก็หันหลังกลับ
“หลี่หรงเฉิง!”
เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงศัตรูของตัวเองได้
ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในใจทั้งสองเกือบจะพร้อมๆกัน
หวังเต็งไม่ได้สนใจพวกเขาแต่อย่างใด เขาเดินต่อไปที่ทางเข้าหลัก
พวกเขากําลังจัดงานใหญ่ในวันนี้ ดังนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงตรวจสอบตัวตนของแขกที่ทางเข้า บุคคลที่ไม่มีคําเชิญก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า
หวังเต็งหยิบการ์ดเชิญของเขาออกมาและเดินเข้าไปก่อน
“หวังเต็งได้การ์ดเชิญมาได้ยังไงกัน? ตระกูลหวังได้รับมันมาด้วยอย่างงั้นหรอ?” หลี่เหลียงต้าขมวดคิ้วและคิดกับตัวเองเงียบๆ
“พ่อ ไหนพ่อบอกว่าค่าเชิญนั้นได้ยากมากไง? แล้วไหงมันถึงได้รับเชิญกัน?” หลี่หรงเฉิงรู้สึกอึดอัดเมื่อเห็นหวังเต็งเดินเข้าไป เขาหันกลับมาและถามหลี่เหลียงต้า
“ทําไมลูกต้องเอะอะด้วย? ทําไมลูกถึงรู้สึกไม่มีความสุขเพียงเพราะการ์ดเชิญ? ลูกช่วยมีวิสัยทัศน์ที่กว้างขึ้นกว่านี้ได้ไหม?” หลี่เหลียงตาดเขา
“ผม ผมรู้ข้อผิดพลาดของผมแล้ว ทุกครั้งที่ผมเห็นเขา ผมก็จะเสียความสุขุมไป” หลี่หรงเฉิงรู้สึกขุ่นเคือง
“ลูกต้องเปลี่ยนตัวเอง หากลูกยังคงมองโลกแคบแบบนี้ต่อไป อนาคตของลูกก็อาจจะถูกจํากัด” หลี่เหลียงต้าคาดหวังสิ่งที่ดีจากลูกชายของเขา อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงอธิบายอย่างอดทน “สําหรับค่าเชิญ มันก็ยากที่จะได้รับ แต่ด้วยความสามารถของตระกูลหวัง พวกเขาก็น่าจะสามารถได้รับมันมาได้หากพวกเขาพยายามพอ”
หลี่เหลียงต้าคิดว่าค่าเชิญของหวังเต็งนั้นมาจากตระกูลหวัง เขาไม่เคยคิดว่าหวังเต็งจะได้รับคําเชิญมาด้วยตัวเอง
เขาสอนหลี่หรงเฉิงเกี่ยวกับมุมมองของเขา อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่รู้ว่าวิสัยทัศน์ของเขาเองก็ถูกจํากัดเช่นกัน
ขณะที่เขากําลังหัวเราะเยาะคนอื่นว่าเป็นกบในบ่อน้ํา เขาก็ควรเงยหน้าขึ้นมองขึ้นไปบนฟ้า มันเป็นท้องฟ้าจริงๆหรอ?
หลี่เหลียงต้าน่าหลี่หรงเฉิงเข้าไปในอาคารหลักของบ้านประมูล
ทั้งคู่สวมชุดที่เป็นทางการ พวกเขาอยู่ในชุดสูทและรองเท้าหนัง ดูเหมือนพวกเขาจะมาที่นี่เพื่องานเลี้ยงอย่างเป็นทางการ
“การประมูลในวันนี้จะจัดขึ้นที่ห้องประมูล นภา บนชั้นแปด ไปที่นั่นกันเถอะ” หลี่เหลียงต้ามองดูการ์ดเชิญในมือแล้วพูด
ทั้งสองคนมาที่หน้าลิฟต์ ประตูลิฟต์กําลังจะปิด
“เดี๋ยวก่อน!” หลี่หรงเฉิงรีบวิ่งไปและกดปุ่มลิฟต์ เพื่อหยุดประตูลิฟต์ที่กําลังจะปิด
หลี่เหลียงต้าจ้องไปที่หลี่หรงเฉิงด้วยสายตาที่ละอาย จากนั้นเขาก็พูดกับผู้คนในลิฟต์ว่า “ลูกของฉันประมาทไป ฉันต้องขอโทษจริงๆเกี่ยวกับเรื่องนั้น”
ข้างในนั้นมีคนอยู่ประมาณห้าคน และพวกเขาทั้งหมดก็เปล่งออร่าอันทรงพลังออกมา เมื่อพวกเขาเหลือบมองหลี่เหลียงต้าและลูกชายของเขา ความดูถูกก็แวบผ่านดวงตาของพวกเขา
หลี่เหลียงต้าเป็นคนฉลาด ดังนั้นเขาจึงสังเกตเห็นปฏิกิริยาของผู้คนและรู้สึกอับอายในใจ และเขาก็ยังรู้สึกเกลียดชัง อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่กล้าที่จะเปิดพูดอะไร
“คุณผู้หญิง เราจะรอลิฟต์ตัวต่อไป” เขายิ้มอย่างเขินอาย
หลังจากประตูลิฟต์ปิดลง สีหน้าของหลี่หรงเฉิงก็เปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียด เขารู้สึกอับอายเมื่อถามว่า “พ่อ ทําไมถึงเราต้องลดเสียงและสถานะของเราต่อหน้าพวกเขาด้วย”
“เจ้าโง่ ทําไมแกถึงดูไม่ออกว่าพวกเขาเป็นใคร? ดูจากการแต่งกายและอุปนิสัยของพวกเขาสิ พวกเขาเป็นนักสู้ แกจะทําให้คนเหล่านั้นขุ่นเคืองได้ยังไง? ยังอยากให้ครอบครัวของเรามีตัวตนอยู่บนโลกอยู่ไหม?” หลี่เหลียงต้ารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับลูกชายของเขา
หลี่หรงเฉิงรู้สึกได้ถึงความรู้สึกไม่พอใจยิงพ่อของเขา
เหล่านักสู้!
นักสู้อีกแล้ว!
ถ้าเขาสอบผ่านหลักสูตรศิลปะการต่อสู้และเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนําาได้ เขาก็จะสามารถเป็นนักสู้ได้ในไม่ช้า เขาไม่จําเป็นจะต้องก้มลงต่อหน้าคนเหล่านี้และพูดอย่างถ่อมตนกับพวกเขาอีกต่อไป
แต่ทั้งหมดเป็นเพราะหวังเต็ง
หวังเต็งเป็นคนที่ทําร้ายเขา ถ้าไม่ใช่เพราะหวังเต็ง เขาก็คงจะไม่สอบตการสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้ และเขาก็จะไม่อยู่ในสภาพนี้ในวันนี้เช่นกัน
ในขณะนี้ ความเกลียดชังที่หลี่หรงเฉิงมีต่อหวังเต็งกรนแรงขึ้น
หลี่เหลียงต้าดูเหมือนจะเข้าใจความคิดของลูกชายของเขา เขาพูดว่า “พ่อรู้ว่าลูกเกลียดหวังเต็งและต้องการแก้แค้น แต่ลูกก็จะต้องแข็งแกร่งขึ้นซะก่อน”
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าตามหลังเขา เขาก็หยุดพูด
“อ้ะ? คุณหลี่ คุณก็มาเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้ด้วยหรอ?” เสียงที่ดูประหลาดใจเล็กน้อยดังขึ้นอย่างกะทันหัน
“เชีย!” หลี่เหลียงต้าหันศีรษะไปและพบคนที่คุ้นเคย เขาตกใจเล็กน้อยเช่นกัน จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า “ใช่แล้ว ฉันพาลูกชายออกมาเพื่อให้เขาได้สัมผัสกับโลก คุณเซีย คุณเองก็คงจะอยากมาเข้าร่วมการประมูลเหมือนกันใช่ไหม?”
เซียคนรู้สึกได้ถึงความเหนือกว่าที่คลุมเครือเมื่อเขาสังเกตเห็นหลี่เหลียงต้าประจบประแจงเขา เขาหัวเราะและตอบว่า “ถูกต้อง ฉันต้องการหลอมอาวุธและเห็นรายการที่เหมาะสมในการประมูล ดังนั้นฉันเลยมาแอบดู”
เซียคนมีความยินดี ก่อนที่เขาจะกลายเป็นนักสู้ เขาก็ทําได้เพียงมองและชื่นชมคนร่ํารวยเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เขากลายเป็นนักสู้ บรรดาเศรษฐีเหล่านั้นก็ไม่กล้าที่จะรุกรานเขาอีกต่อไป บางครั้ง เมื่อพวกเขาต้องการขอความช่วยเหลือจากเขา พวกเขาก็จะประจบสอพลอและยกยอเขาในทุกวิถีทางเท่าที่จะทําได้ พวกเขายังต้องใช้เงินจํานวนมากหากต้องการความช่วยเหลือ
คุณหลี่เป็นตัวอย่างที่ดี ในอดีต เพื่อขจัดปัญหาบางอย่าง หลี่เหลียงต้าก็สัญญาว่าจะให้เงินเขาสิบล้านและแม้กระทั่งขอร้องเขาก่อนที่เขาจะตกลงช่วยเหลือในที่สุด
คุณอาจจะมั่งคั่ง แต่คุณก็ยังต้องก้มลงต่อหน้านักสู้ที่ทรงพลังและมีความสามารถ
แน่นอน ถ้าคุณร่ํารวยจริงๆ คุณก็จะสามารถเชิญนักสู้ที่แข็งแกร่งได้ คุณไม่จําเป็นต้องปฏิบัติต่อนักสู้ระดับต่าเช่นนี้
แต่ท้ายที่สุด พวกเขาก็ยังต้องพึ่งพานักสู้
ในปัจจุบัน นักสู้ได้กลายเป็นกระแสหลักอย่างช้าๆในยุคนี้
ตอนต่อไป →