ตอนที่ 407 ใครสำคัญ ตอนที่ 408 ตระกูลซ่งคุณธรรมสูงส่ง

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 407 ใครสำคัญ

เดิมทีคิดว่าทำงานใช้แรงงานหนักไปได้สามเดือนเขาก็จะปรับปรุงตัวดีได้ คิดไม่ถึงว่ากลับกลายเป็นหนักกว่าเดิม

“เหล่าเอ้อร์ เหล่าซาน พาหลานเสี่ยนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย” ซ่งเหล่าเกินหันไปพูดใส่ทางด้านในเรือน

เรือนข้างๆ มีคนแอบอยู่หลายคน

ขณะนี้ซ่งจินซานและซ่งอิ๋นซานเดินออกมาแล้วเช่นกัน พวกเขาพยักหน้าเล็กน้อย ขณะมองหลานชายคนโตผู้นี้ก็เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกค่อนข้างสับสน ส่วนสองสามีภรรยาบ้านใหญ่ขณะนี้อยู่ในเรือนของตัวเอง เรียกได้ว่ากำลังน้ำตาไหลรินอย่างเงียบๆ

แน่นอนว่าซ่งฝูซานยังคงไม่เห็นดีด้วยกับเรื่องนี้ แต่ผู้ปกครองครอบครัวคือซ่งเหล่าเกิน เกี่ยวกับการวางแผนของผู้เฒ่าซ่ง เขาก็พูดคำว่า ‘ไม่’ ไม่ออกเช่นกัน

“จะไปขัดขวางไว้หรือไม่ หากขึ้นเกี้ยวไปแล้วและเสียงดังจนผู้คนรับรู้กันโดยทั่วแล้วจริงๆ ก็เอากลับคืนไม่ได้แล้วนะ” ซ่งฝูซานอึดอัดใจ

“ต้องการไปเจ้าก็ไป ข้าไม่มีเงิน” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่มองหีบที่ว่างเปล่าใบนั้น

สองวันมานี้นางคิดเรื่องราวมากมายเหลือเกิน

นับแต่บุตรชายคนโตรู้ความ นางก็ลอบสรรหาของกินดีๆ มาให้เป็นการส่วนตัว และด้วยความที่บุตรชายปากหวานมาตั้งแต่เด็ก บางครั้งขอเงินไม่กี่เหรียญทองแดง นางก็ให้ ไม่เคยปฏิเสธมาก่อนเช่นกัน

นางไม่ใช่ว่าไม่เคยพูดสั่งสอนหลักการอย่างมีเหตุมีผลแก่บุตรชาย เพียงแต่พวกนางสามีภรรยายุ่งมาก ดังนั้นสอนได้น้อยนิด

ยามนี้นางรู้สึกเสียใจภายหลังมาก

โดยเฉพาะนึกถึงท่าทีของแม่สามีในวันนั้น ก็ยิ่งนึกเสียใจภายหลังที่ตอนแรกให้หญิงชราช่วยนางเลี้ยงลูก

นางต้องคอยทำงานบ้านงานเรือนอยู่บ่อยๆ ลูกก็เลยชอบห้อมล้อมอยู่รอบตัวแม่เฒ่า มีสามสี่ครั้งนางว่ากล่าวบุตรชายไม่กี่ประโยค แม่เฒ่าก็คอยปกป้องให้ท้าย ตอนนั้นนางรู้สึกว่าแม่สามีใจดีกับนาง ตนจะฉีกหน้าแม่สามีก็คงไม่ได้เช่นกัน จึงทำไปตามความนึกคิดของแม่สามี

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่บุตรชายยังเล็กก็พูดกับนางอยู่บ่อยๆ ว่าแม่สามีนางดีกับเขา

นางผู้เป็นมารดา ย่อมรู้สึกอิจฉาอยู่ในใจเล็กน้อยในใจเป็นธรรมดา จึงพยายามทำดีต่อบุตรชายมากขึ้น ด้วยหวังว่าบุตรชายจะกตัญญูตอบแทนคุณนางในภายภาคหน้า

ยามนี้นางรู้แล้วว่า ตนเองทำผิดไปเสียแล้ว

ไม่สมควรทำเช่นนี้ ก็เหมือนลูกต๋า ปัจจุบันติดตามเอ้อร์ยา นับวันก็ยิ่งรู้ความแล้ว…

“เฮ้อ! เวรกรรมสินะ!” ซ่งฝูซานถอนหานใจ กุมศีรษะ

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เอาแต่แน่นิ่ง

ส่วนเรือนห้องกลางทางด้านนั้น ซ่งจินซานและซ่งอิ๋นซานไม่กล้าขัดความประสงค์ของผู้เฒ่าซ่ง จึงลากคนเขาเข้าไปอีกห้องหนึ่งอย่างทุลักทุเล

ซ่งเสี่ยนตระหนกตกใจ “อารอง อาสาม พวกท่านบ้าไปแล้วหรือ! ทำอะไรเนี่ย!”

“เจ้าอยากเป็นเขยแต่งเข้าตระกูลภรรยา เช่นนั้นก็ได้ วันนี้จะให้เจ้าเป็นเขยแต่งเข้าตระกูลภรรยาไปเสีย” ผู้เฒ่าซ่งทำใจแข็งยืนกรานดำเนินเรื่องดังกล่าวต่อไป มือไม้ทั้งสองข้างสั่นเทาเล็กน้อย “เอาเสื้อผ้าสวมทับเสีย แล้วเอาเชือกผูกและหาอะไรมาอุดปากไว้”

ซ่งจินซานและซ่งอิ๋นซานเป็นถึงคนที่เคยชินกับงานทำงานใช้แรงงานหนักกันทั้งนั้น จึงเรี่ยวแรงมากไม่ธรรมดา ซ่งเสี่ยนหนุ่มผู้บอบบางคนหนึ่งจะต้านทานไว้ได้เสียที่ไหนกันเล่า

เพียงชั่วครู่เดียวก็ถูกสวมชุดแดงคลุมทับ แล้วยังคลุมผ้าแดงเอาไว้บนศีรษะอีกด้วย

ที่มือผูกเชือกป่านเอาไว้ ซ่งเสี่ยนรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย

ขณะที่ต้องการเอ่ยวาจา ซ่งจินซานก็นำผ้าหนึ่งก้อนยัดใส่ปากเขา

จากนั้นจึงได้ลากคนออกมาได้

“ต้าหลาง ปู่เจ้าอย่างข้าผู้นี้ก็ปวดใจเช่นกัน ข้าเลี้ยงเจ้ามาตั้งหลายปี และไม่ร้องขอให้เจ้าตอบแทนบุญคุณแต่อย่างใด ทว่าเจ้าไม่อาจเหยียบย่ำญาติพี่น้องในครอบครัวได้ถึงเพียงนี้หรอกนะ” ซ่งเหล่าเกินกรอบตาแดงระเรื่อ “เจ้าใช้เรื่องจะเป็นเขยแต่งเข้าตระกูลฝ่ายหญิงมาบีบบังคับข้า นั่นเป็นการย่ำยีตระกูลซ่งเรา ชีวิตของปู่เจ้า พ่อเจ้าและแม่เจ้า เจ้ายังไม่เหลียวแลเลยสักนิด ไม่ใช่ปู่ใจร้ายใจดำ แต่ล้วนเป็นเจ้าทำตัวเองทั้งสิ้น…”

“บัดนี้ เจ้าอยากเป็นเขยแต่งเข้าตระกูลฝ่ายหญิงนักมิใช่หรือ ได้ ไปเถอะ ทางด้านข้าก็เตรียมเกี้ยวเอาไว้เรียบร้อยแล้ว นี่เตรียมแตรวงไว้เป่าส่งเจ้าไปด้วย เมื่อถึงประตูเรือนตระกูลเผย ก็กตัญญูตอบแทนคุณคนของตระกูลเผยให้มากๆ เรียนรู้ทักษะงานฝีมือเอาไว้สักหน่อย ชีวิตหลังจากนี้ อดทนได้ก็อดทนไว้แล้วกัน” ซ่งเหล่าเกินปาดน้ำตา

“…” ซ่งเสี่ยนถลึงตาโต

ซ่งเหล่าเกินยังไม่คิดจะฟังเขาพูดสักสองสามประโยค ก็ดึงผ้าบนศีรษะลงมาคลุมเสียแล้ว

“ท่านปู่ ท่านบ้าไปแล้วใช่หรือไม่ นี่ท่านทำอะไรของท่าน ขายหน้าหรือไม่! เมื่อครู่ข้าพูดกับท่านตั้งมากมายขนาดนั้นท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือ ตอนนี้ยังจะส่งข้าเข้าตระกูลฝ่ายหญิงอีก ข้าว่าท่านแก่จนเลอะเลือนไปแล้วสินะ! ท่านคิดว่าเงินของเอ้อร์ยาผู้นั้นสำคัญกว่าหลานชายอย่างข้าผู้นี้ใช่หรือไม่!”

ตอนที่ 408 ตระกูลซ่งคุณธรรมสูงส่ง

ซ่งเสี่ยนยังคงคิดว่าซ่งเหล่าเกินขู่เขาให้กลัว ต้องเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน

ซ่งเหล่าเกินผิดหวังเล็กน้อง “ต้าหลาง หากตอนนี้เจ้ารับปากกับข้าว่าจากนี้จะไม่เอ่ยถึงเรื่องเงินอีก ไม่จ้องหาเรื่องเอ้อร์ยาและทำดีต่อบรรดาน้องชายน้องสาว เช่นนั้นเราก็จะไม่ไปกันแล้ว เห็ดหลินจือที่เจ้าเอาไปก่อนหน้านี้ ปู่เจ้าอย่างข้าผู้นี้ก็จะหาเงินเอามาชดใช้แทนเจ้าเอง…”

“อีกอย่าง…ต้องตัดขาดกับตระกูลเผย” ซ่งเหล่าเกินครุ่นคิดแล้วกล่าวเสริมขึ้นมาอีกประโยค

ซ่งเสี่ยนโกรธจัดจนกระทืบเท้า “ผู้เฒ่า ท่านเลอะเลือนไปแล้ว! ข้าทำอะไรผิดหรือ ตอนนี้ท่านจึงได้ทำกับข้าเยี่ยงนี้! ข้าในสภาพนี้หากถูกคนอื่นเห็นเข้าก็จะไม่เป็นการทำให้ท่านขายหน้าหรอกหรือ! ท่านรีบให้พวกขาปล่อยข้าเร็วๆ เข้า! มิเช่นนั้นท่านก็จะไม่มีหลานชายอย่างข้าผู้นี้แล้ว!”

ตัดขาดกับตระกูลเผย? มีสิทธิ์อันใด!

นั่นเป็นตระกูลพ่อตาเขาเชียวนะ

พ่อตาปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นลูกชายแท้ๆ ปู่เขาช่างโง่เขลาเกินไปแล้ว!

ซ่งเหล่าเกินปิดเปลือกตาลงอย่างหมดหวัง “ดี หลานที่แสนดี ยังไม่สำนึกผิดอีกสินะ!”

“ครอบครัวเหล่าต้า! เจ้าได้ยินแล้วนะ ลูกชายเจ้าผู้นี้เลี้ยงเสียเปล่าแล้ว! ตระกูลซ่งเราแต่ละคนล้วนทำตัวอยู่ในกฎเกณฑ์ ไม่เคยมีคนที่ไร้คุณธรรมและไม่เอาไหนประเภทนี้มาก่อน นับแต่วันนี้ เขาคือคนของตระกูลเผย พวกเจ้าก็เลิกคิดเกี่ยวกับเขาได้แล้ว!” ซ่งเหล่าเกินส่งเสียงตะโกนลั่น เมื่อตะโกนสิ้นเสียงแล้ว ก็อุดปากซ่งเสี่ยนกลับไปดั่งเดิม “เอาขึ้นเกี้ยว แจ้งเพื่อนบ้านให้ทราบ ให้ทุกคนมามองดูเขาแต่งออกจากตระกูล!”

“อีกอย่าง…” ซ่งเหล่าเกินหยิบหนังสือทางการที่ซ่งเสี่ยนนำมาให้ออกมา “เอาให้ทุกคนได้เห็นผ่านตาด้วย เพื่อที่คนอื่นจะได้เลิกคิดว่าตระกูลซ่งเราเหลวไหล!”

หากแต่เป็นตระกูลเผยที่รังแกคนอื่น

ซ่งจินซานรับหนังสือที่ยืนยันเรื่องราวอย่างเป็นทางการมาไว้ด้วยมือที่สั่นเทา

จากนั้น จับซ่งเสี่ยนลากออกไป แล้วยัดเข้าไปในเกี้ยวแบกหาม

เมื่อเกี้ยวถูกยกขึ้นมา ก็มีเสียงเป่าเครื่องดนตรีตามมาติดๆ เป็นผลให้บรรยากาศที่เงียบสงบอึกทึกครึกครื้นขึ้นมาไม่น้อย บรรดาเพื่อนบ้านจะได้รู้กันถ้วนหน้าว่าครอบครัวพวกเขาเกิดเรื่องอันใดแล้ว

ถึงอย่างไรก็ต้องรู้ในไม่ช้าก็เร็ว เช่นนั้นก็ให้ดังสนั่นไปเลยแล้วกัน!

ครั้นเสียงเครื่องเป่าจากทางด้านบ้านซ่งดังขึ้น แม้ว่ามืดค่ำแล้วแต่กลับยังมีคนจำนวนไม่น้อยออกมาด้วยความประหลาดใจ

“นี่อะไรกันหรือ แล้วในเกี้ยวเป็นใครกัน”

“โอ๊ย หรือว่าซานยาตระกูลพวกเจ้าออกเรือนแล้ว จะว่าเช่นนั้นก็ไม่ใช่กระมัง ซานยายังเด็กเพียงนี้…”

“ไม่ใช่ว่าจับหลานชายคนโตเป็นเขยแต่งเข้าตระกูลฝ่ายหญิงแล้วจริงๆ กระมัง”

ซ่งจินซานและซ่งอิ๋นซานทำได้เพียงหยิบหนังสือชี้แจ้งเรื่องราวอย่างเป็นทางการออกมา แล้วเริ่มอธิบาย “ก่อนหน้านี้ทุกคนก็ได้ยินกันแล้วว่าบุตรชายของตระกูลเผยชะตาชีวิตสั้น ยามนี้ก็อาจมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว เจ้าดูสิ ตระกูลเผยเขียนหนังสือมาขอร้องพ่อเฒ่าตระกูลเราเป็นการเฉพาะ แม้ว่าพ่อเฒ่าไม่อยากให้เป็นเช่นนี้ แต่ก็คิดว่าตระกูลดองจะขาดทายาทสืบสอดก็รู้สึกว่าน่าสงสาร จึงกัดฟันตัดใจ ยกหลานชายให้ ก็ถือเสียว่าเป็นการทำเรื่องดีๆ…”

“นั่นสิ แม้ว่าหลังส่งตัวเด็กคนนี้ไปแล้วก็เท่ากับเป็นคนของตระกูลอื่น แต่…เด็กคนนี้วันๆ เอาแต่พร่ำพูดว่าตระกูลเผยดีอย่างนู้นดีอย่างนี้ ปัจจุบันตระกูลเผยประสบปัญหานี้ เผยเหล่าเอ้อร์กังวลใจจนแก่ลงไปยี่สิบสามปี แล้วเราทางด้านนี้จะยังทนมองอยู่ได้อย่างไรเล่า”

ทุกคนได้ยินดังกล่าว ต่างก็รู้สึกเห็นใจไปด้วยอย่างยิ่ง

บางคนที่อ่านตัวหนังสือออกก็ถือตะเกียงเดินเข้ามาอ่านหนังสืออย่างเป็นทางการใบนั้น แล้วถอนหายใจออกมาไม่ขาดสาย

“ตระกูลซ่งพวกเจ้าช่างมีน้ำใจกับญาติมิตรเหลือล้นจริงๆ ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าพวกเจ้ากับตระกูลเผยมีความสัมพันธ์ไม่ดีต่อกันเสียอีก…”

“แม้ว่าตระกูลเผยทำเรื่องราวบางอย่างไม่ถูกใจ แต่พ่อข้าก็จนปัญญา ใครใช้ให้เด็กทั้งสองคนนี้รักใคร่ชอบพอกันเล่า ในฐานะญาติผู้ใหญ่ จะพรากคู่รักทั้งสองคนก็คงมิได้ บัดนี้เผยซื่ออุ้มท้องอยู่ด้วย ตระกูลเผยอยากให้นางกลับไปดูแลค้ำจุนครอบครัว เช่นนั้นจะให้เด็กทั้งสองคนนี้หย่าร้างกันก็คงไม่ได้กระมัง เราตระกูลซ่งจึงยินยอมถอยหนึ่งก้าว” ซ่งจินซานกล่าวขึ้นอีกครั้ง

คำพูดเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ซ่งอิงสอนไว้ทั้งสิ้น

แน่นอนละว่า เขาอยู่ที่ร้านค้าระยะนี้ก็ค่อยๆ พูดเก่งขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกัน ดังนั้นยามที่นำคำพูดเหล่านี้เอื้อนเอ่ยออกมาจากปากจึงไม่ดูเหมือนการท่องจำจนเกินไปแต่อย่างใด

ซ่งจินซานปากน่าเชื่อถือ ทุกคนจึงเชื่อในคำพูดของเขาอย่างสนิทใจ

ในคืนวันเดียวกันนั้น ข่าวคราวที่ซ่งเสี่ยนเป็นเขยแต่งเข้าตระกูลฝ่ายหญิงก็แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน คนไม่น้อยแม้คิดว่าซ่งเหล่าเกินโง่เขลา แต่นึกถึงว่านั่นเป็นหลานชายที่เขาหวงแหน ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวชมเชยว่า ‘คุณธรรมสูงส่ง’