บทที่ 211 อุปสรรคในใจ

ในยุคสมัยโบราณเช่นนี้ ชื่อเสียงของสตรีเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ถังหลี่รู้ดีว่านางไม่สามารถตัดสินเถ้าแก่เนี้ยฮวาด้วยมุมมองของสตรีสมัยใหม่ได้ ผู้หญิงในยุคนี้มักเลือกที่จะนิ่งเฉยและยอมตกเป็นเบี้ยล่างต่อไป

เถ้าแก่เนี้ยฮวาก็เป็นสตรีในยุคนี้เช่นกัน แม้ว่านางจะมีความคิดที่ก้าวหน้ากว่าผู้หญิงทั่วไป แต่เพราะนางมีใจให้เฉาจีมาก หญิงสาวจึงกลัวที่จะสูญเสียเขาไปจึงไม่กล้าพูดออกมา

ถังหลี่เข้าใจนางดี

แต่นี่ไม่ใช่ความผิดของนาง เป็นความผิดของผู้ชายทั้งสี่คนนี้

นางมองไปที่พวกคนชั่วทั้งสี่คนด้วยแววตาดุร้าย ไอ้พวกนี้มันเลวทรามมาก หากมันปริปากพูดออกมาแม้แต่นิด ฮวาเฟิ่งเซี่ยจะอาศัยอยู่ในเมืองฉินโจวต่อไปได้อย่างไร?

ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือ….

“เว่ยฉิง…เจ้าทำให้พวกมันไม่ปริปากพูดได้หรือไม่?” ถังหลี่ถาม

ในเมื่อมีปากก็ไม่สามารถพูดสิ่งดี ๆ ได้ จะมีไว้เพื่อเหตุใด?

“ไว้เป็นหน้าที่ข้าเอง” เว่ยฉิงกล่าว

พูดจบเขาก็ลากคนทั้งสี่ออกไป

ภายในห้องนั้นถังหลี่ยังคงปลอบโยนเถ้าแก่เนี้ยฮวาไม่ห่าง ตอนนี้หญิงสาวผ่านเรื่องยากลำบากมามากเกินไป นางไม่แข็งแกร่งพอที่จะทนรับมันได้ทั้งหมด เป็นเพราะนางมีความรักให้ใครบางคน ความอ่อนแอที่ถูกซ่อนไว้จึงเปิดเผยออกมา ไม่อย่างนั้นพวกมันทั้งสี่คนคงไม่สามารถทำอะไรนางได้

เมื่อเฟิ่งเซี่ยจนมุม นางจึงตัดสินใจที่จะตายไปพร้อมกับพวกสารเลวเหล่านี้ แต่เมื่อมองย้อนกลับไปแล้ว นางจึงได้รู้ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่โง่เขลา

นางหนีมาหลายพันลี้ พยายามฝ่าความยากลำบากจนลืมตาอ้าปากได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการมีชีวิตอยู่ต่อไป นางจะต้องมีชีวิตที่ดีเพื่อตามหาน้องชายที่หายตัวไปให้ได้

เถ้าแก่เนี้ยฮวาเช็ดน้ำตาสีหน้าดูดีขึ้นบ้าง

“ถังถัง ขอบคุณมาก”

“พวกเรากลับกันก่อนเถิด” ถังหลี่ชักชวน

เถ้าแก่เนี้ยฮวาพยักหน้า ทั้งสองคนจึงเดินทางกลับไปยังโรงเตี๊ยม ทันทีที่พวกนางทั้งสองคนเดินมาถึง ก็พบกับคนผู้หนึ่งที่ยืนรออยู่หน้าโรงเตี๊ยม เป็นเฉาจีนั่นเอง

เฉาจีแทบจะพลิกเมืองฉินโจวทั้งหมดเพื่อตามเถ้าแก่เนี้ยฮวา แต่ไม่พบแม้แต่เงา ตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกราวกับจะเป็นบ้าในหัวของเขามีความคิดฟุ้งซ่านนับไม่ถ้วน เซี่ยเซี่ยของเขาจะตกอยู่ในอันตรายหรือไม่? เพียงแค่คิดทั้งความวิตกและไม่สบายใจก็พวยพุ่งขึ้นมาในหัวใจของเขา

เมื่อชายหนุ่มเห็นฮวาเฟิ่งเซี่ย เขารู้สึกราวกับฝันไป วิเศษมาก! เซี่ยเซี่ยไม่เป็นอะไร!

“เซี่ยเซี่ย!” เฉาจีตะโกนดังลั่น เขารีบถลาเข้าไปจะคว้าหญิงสาวมากอดไว้ในอ้อมแขนหากเถ้าแก่เนี้ยฮวากลับถอยหลังหนีอ้อมกอดนั้น นางมองเขาด้วยแววตาเย็นชาปราศจากอามรณ์รักใคร่เช่นเดิม

“เซี่ยเซี่ย..” เฉาจีตกตะลึง

“นายน้อยเฉา… ข้าเขียนจดหมายไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าข้าไม่อยากแต่งงานกับท่าน ดังนั้น ได้โปรดลืมเรื่องนี้ไปเสีย แล้วอย่ามาพบข้าอีก”

เถ้าแก่เนี้ยฮวาพูดอย่างจริงจัง

การแสดงออกของนางเต็มไปด้วยความไม่แยแส แต่ถังหลี่เห็นนางกำมือที่ซ่อนเอาไว้เบื้องหลังอย่างแน่น นางรู้ได้ทันทีว่าเถ้าแก่เนี้ยฮวาคงรักเฉาจีมาก แต่เป็นเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นางจำต้องพูดจาตัดขาดเยื่อใยไมตรีเช่นนี้

“เซี่ย..” น้ำเสียงของเฉาจีสั่นเครือ “เซี่ยเซี่ย ข้าทำอะไรผิดหรือ? ถ้าเจ้าไม่อยากแต่งงาน เราไม่แต่งงานกันก็ได้ แต่กลับไปเป็นเหมือนเดิมได้หรือไม่?”

“ไม่ ข้าเบื่อที่จะเล่นกับเจ้าแล้ว”

เถ้าแก่เนี้ยฮวาพูดจบนางก็เดินเข้าโรงเตี๊ยมทันที เฉาจีรีบเดินตามเข้าไปแต่นางก็ไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ เมื่อเข้าห้องก็ปิดประตูใส่หน้าเฉาจีทันที เขาได้แต่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้นราวกับเป็นเทพเฝ้าประตู

สำหรับถังหลี่แล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนนอกเช่นนางจะเข้าไปวุ่นวายในความสัมพันธ์ของพวกเขา หญิงสาวเดินขึ้นไปที่ห้องพักชั้นบนแล้วนอนลงบนเตียง ไม่นานนักสามีของนางก็กลับเข้ามา

“เว่ยฉิง เรียบร้อยดีหรือไม่?” ถังหลี่ถาม

“ข้าแน่ใจว่าพวกมันจะไม่มาสร้างปัญหาให้เถ้าแก่เนี้ยอีก” ชายหนุ่มพูด

ถังหลี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตอนนี้นางรู้สึกโล่งใจที่เว่ยฉิงจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้ เขาถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกก่อนจะปีนขึ้นเตียงและประคองกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขน

ในยามกลางดึกเมื่อน้ำค้างลง ร่างกายของเว่ยฉิงก็ให้ความอบอุ่นแก่ถังหลี่ จนทำให้นางหลับสบาย หญิงสาวขยับหาตำแหน่งที่เหมาะ ๆ จากนั้นก็ค่อย ๆ หลับลึกไป

ถังหลี่เหนื่อยล้ามาก เถ้าแก่เนี้ยฮวาก็เช่นกัน นางจึงได้นอนหลับสนิท จนถึงเที่ยงของวันรุ่งขึ้นจึงได้ลุกจากเตียง

เวลานี้นางไช่มาถึงโรงเตี๊ยมแล้ว หญิงสาวกำลังหยอกล้อกับเด็ก ๆ อยู่ที่ชั้นล่างของโรงเตี๊ยม ทันทีที่เห็นถังหลี่เดินลงมานางรีบทักทายทันที

“ถังถัง เกิดอะไรขึ้นหรือ?” ในขณะที่ถามสายตาของนางก็ชำเลืองไปมองเฉาจีที่ยืนข้างประตูราวกับทวารบาล

“ข้าพาพี่ฮวากลับมาเมื่อคืน นางไม่ต้องการที่จะแต่งงานกับเขาแล้ว” ถังหลี่กล่าว

“ข้าก็ไม่รู้หรอกนะว่าเถ้าแก่เนี้ยฮวาคิดอะไรอยู่ แต่ก็ปล่อยไปเถิด ให้พวกเขาจัดการเรื่องนี้กันเอง ก็เหมือนกับน้ำอุ่นจะร้อนไปหรือพอดีย่อมขึ้นอยู่กับคนที่ดื่มจะรู้เอง”

นางไช่กล่าว ถังหลี่เองก็เห็นด้วย

เถ้าแก่เนี้ยฮวามีกำแพงขนาดใหญ่อยู่ในจิตใจของนาง การที่คนทั้งคู่จะครองรักกันได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่แต่ว่าเฉาจีมีความรักให้นางมากเพียงใด เป็นฮวาเฟิ่งเซี่ยเองด้วยที่ต้องก้าวข้ามเรื่องนี้ไปให้ได้

เฉาจีมายืนเฝ้าที่ประตูโรงเตี๊ยมทุกวันไม่ยอมนอน เวลาที่ท้องหิวเขากินเพียงแค่ซาลาเปาสองลูกเท่านั้น

แต่เถ้าแก่เนี้ยฮวาก็ยังคงเมินเฉยราวกับไม่เห็นเขาในสายตา

คนทั้งสองต่างอยู่ในภาวะที่ตึงเครียดกระอักกระอ่วนใจ

และเมื่อผ่านไปสองวัน

“ถังถัง ไปหาเถ้าแก่เนี้ยฮวากัน” นางไช่พูดขึ้น

แม้ว่าคนอื่นจะไม่สามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องระหว่างคนสองคนได้ แต่ทว่าความรักที่เฉาจีมีให้ต่อเถ้าแก่เนี้ยฮวา ทำให้นางรู้สึกเห็นใจ

ถังหลี่พยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง

ในห้องส่วนตัวของนาง ฮวาเฟิ่งเซี่ยกำลังดีดลูกคิดคำนวนค่าใช้จ่าย เสียงลูกคิดดังขึ้นเหมือนในครั้งก่อน เพียงแต่นางไม่อาจคิดบัญชีให้ลุล่วงสำเร็จลงไปได้

“พี่ฮวา” ถังหลี่เรียก

“ถังถัง…นั่งลงก่อนสิ” เถ้าแก่เนี้ยฮวากวักมือเรียกทันที ถังหลี่เดินไปทรุดลงนั่งฝั่งตรงข้ามกับนาง

“เดือนนี้ข้าสูญเงินไปเยอะ กิจการในช่วงนี้ไม่ดีเลย”

ฮวาเฟิ่งเซี่ยพูดอย่างหงุดหงิด

“มีทวารบาลหน้ายักษ์เช่นนั้นยืนเฝ้า แขกที่ไหนจะกล้าเข้ามา”

ทันทีที่เห็นถังหลี่แย้มยิ้ม นางจึงเงียบเสียงลง

“เฉาจียืนอยู่ตรงนั้นไม่นอนมาสามวันแล้ว เขาเป็นทหารผ่านสนามรบมามาก เรื่องแค่นี้เขาคงทนได้” ถังหลี่พูดยิ้ม ๆ

ดวงตาของเถ้าแก่เนี้ยฮวาหลุบต่ำลง ขนตาเป็นแพของนางซ่อนแววตาไว้จนถังหลี่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรกันแน่

“พี่ฮวา เหตุใดท่านถึงไม่ให้โอกาสเขาสักหน่อยเล่า?”

ถังหลี่พูดขึ้น

“พวกท่านทั้งสองชอบพอกัน แค่นั้นมันก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?”

ฮวาเฟิ่งเซี่ยคลี่ยิ้มราวกับเย้ยหยันโชคชะตาก่อนจะส่ายหัวเบา ๆ

“หากเขารู้ว่าข้าผ่านอะไรมาบ้าง เขาคงชอบข้าไม่ลงหรอกถังถัง มีแต่จะรังเกียจข้า”

หญิงสาวไม่ต้องการให้เฉาจีรังเกียจนาง ดังนั้นการแยกทางในตอนนี้ย่อมเป็นการดีแล้ว อย่างน้อยชายหนุ่มก็ยังเหลือแต่ความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับนางบ้าง

“พี่สาว…แต่ว่าท่านทำกับเฉาจีเช่นนี้ยุติธรรมแล้วหรือ? ท่านไม่ให้โอกาสเขาเลือกด้วยซ้ำ มีแต่ท่านที่ตัดสินใจเอง”

ถังหลี่กล่าวต่อ และเมื่อรู้ว่าพูดไปก็คงไร้ประโยชน์ หญิงสาวจึงลุกเดินออกไป

….

กลางดึกคืนนี้จู่ ๆ ก็มีฝนตกอย่างกระทันหัน

เถ้าแก่เนี้ยฮวาตื่นขึ้นจากการหลับใหล เมื่อฉุกคิดอะไรบางอย่างได้นางรีบลุกจากที่นอนอย่างรวดเร็ว เดินไปเปิดหน้าต่างออกก็เห็นร่างของชายคนหนึ่งยืนอยู่ที่ประตูโรงเตี๊ยม แม้ฝนจะตกหนักแค่ไหนเขาก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย

นางยืนมองภาพตรงหน้าเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจปิดหน้าต่างห้องฮวาเฟิ่งเซี่ยเอามือกุมหน้าอก หัวใจของนางทั้งอึดอัดทั้งเจ็บปวด

รีบกลับไปเสีย…นางไม่มีค่ามากพอขนาดนั้นหรอก

ในขณะนั้นฝนก็ตกอย่างไม่ลืมหูลืมตา

คนหนึ่งยืนอยู่ด้านนอกอีกคนยืนอยู่ข้างใน มีเพียงกำแพงที่กั้นไว้เท่านั้น ทุกลมหายใจ และเวลาที่ล่วงเลยผ่านไปคือการต่อสู้กับตนเองของหญิงสาว

สุดท้ายเวลาก็ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม

ตอนนี้ฮวาเฟิ่งเซี่ยตัดสินใจแล้ว นางกำลังจะออกไป หากเฉาจียังอยู่ด้านนอกนางจะบอกเรื่องทุกอย่างให้อีกฝ่ายฟังเหมือนกับที่ถังถังบอก ให้โอกาสเขาได้ตัดสินใจ!