บทที่ 206 อบอุ่นใจ

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 206 : อบอุ่นใจ

วินเซนต์วางอุปกรณ์เวทศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองลงบนเคาน์เตอร์ “สองชิ้นนี้คืออุปกรณ์เวทศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานในห้องชั้นในของโบสถ์แห่งจุดสูงสุด แหวนโบราณและเปลบุตรแห่งจันทราครับ”

“จากตำนานเก่าแก่ แหวนโบราณคือสัญลักษณ์แห่งสิทธิ์ของสาวกระดับสูงสุดที่ดวงจันทร์เลือกครับ”

“เปลบุตรแห่งจันทรานี่ตรงตามชื่อเลย มันคือบุตรของดวงจันทร์ ‘บุตรศักดิ์สิทธิ์’ ของโบสถ์แห่งจุดสูงสุดและวัตถุดิบหลักที่ใช้สร้างแก่นจันทร์ศักดิ์สิทธิ์ครับ”

เขาหันไปหาเจ้าของร้านหลินด้วยหน้าตาที่เหมือนจะสื่อว่า ‘ผมเชื่อว่าคุณต้องสนใจของพวกนี้ ผมก็เลยนำมาให้คุณเป็นการพิเศษครับ’

วินเซนต์ดันของทั้งสองไปหาหลินเจี๋ยแล้วเหลือบมองการ์กอยล์หินด้านข้าง

ริมฝีปากของหลินเจี๋ยกระตุกเล็กน้อยในขณะที่เขาเหลือบมองแหวนเงินที่ดูโบราณ หรือก็คือเก่าซอมซ่อ และไข่ลึกลับ หรือก็คือไร้ประโยชน์ที่อยู่ถัดไป

อุปกรณ์เวทศักดิ์สิทธิ์ของโบสถ์แห่งจุดสูงสุด?

ในขณะที่เขาอยากรู้เกี่ยวกับสิ่งของที่เกี่ยวกับลัทธิเหล่านี้อยู่เล็กน้อย แต่ก็เป็นเรื่องที่ทราบกันดีว่าอุปกรณ์เวทที่เป็นของศาสนาหรือลัทธินั้นมักจะพิลึกมาก ยกตัวอย่างเช่นจอกศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาคริสต์นั้นที่จริงแล้วก็แค่แก้วไวน์ที่พระเยซูและสาวกของเขาใช้เท่านั้น ในขณะที่ผ้าห่อศพแห่งตูรินหรือผ้าห่อศพศักดิ์สิทธิ์นั้นก็ควรจะเป็นเครื่องแต่งกายในยามฝังของพระองค์…

ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกถ้าอุปกรณ์ของโบสถ์แห่งจุดสูงสุดจะพิลึกยิ่งกว่านั้นอีก

ถ้าหลับหูหลับตาเชื่อ แหวนนี้ก็ดูเหมือนวของเก่า ถ้ามันเป็นวัตถุโบราณจริง ๆ มันก็อาจจะมีค่ามากกว่าการ์กอยล์หินของไวลด์ และอย่างน้อยมันก็อาจจะมีประโยชน์อยู่บ้าง

แต่ไข่ใบนี้ล่ะ?

หลินเจี๋ยจับจ้อง ‘ไข่แมลง’ ที่วางอยู่ตรงหน้าเขา มันสูงราว ๆ สิบถึงสิบห้าเซนติเมตร เปลือกไข่แข็งหนามีสีเทาเงินโปร่งแสง มีลวดลายม้วนกลมซับซ้อนที่ทำให้หลินเจี๋ยคิดถึงผลไม้ปีศาจจากเรื่องวันพีชอยู่บนนั้น

เหตุผลที่ทำไมหลินเจี๋ยเรียกมันว่า ‘ไข่แมลง’ นั้นก็เพราะมีสิ่งมีชีวิตระบุไม่ได้สีขาวยุกยิกอยู่ภายในนั้น จากที่เขาเห็น หลินเจี๋ยก็คิดว่ามันดูเหมือนหนอนไหมตัวอ้วนใหญ่ตัวหนึ่ง…

อืม…ท้องน้อย ๆ ของมันยังกระตุกอยู่เป็นครั้งคราว ที่จริงก็ดูน่ารักดีไม่หยอก

แม้ว่าไข่แมลงที่ใหญ่และดูดีขนาดนี้คงจะหายาก แต่มันจะมีประโยชน์อะไรต่อหลินเจี๋ยกันล่ะ?

คงไม่ใช่ว่าเราต้องเอามันไปต้มแล้วกินเป็นอาหารเสริมโปรตีนหรอกใช่ไหม?

เอาดี ๆ ซิวินเซนต์ นายนี่อยู่ไม่เป็นเอาซะเลย!

ไม่ใช่ว่านายเป็นศาสดาของทั้งศาสนาแล้วเหรอ? ยังจะมาขี้ตืดอีก ไม่ใช่ว่านายควรให้คนของนายส่งกระเป๋าใส่เงินมาเมื่อนายรู้คำใบ้หรอกเรอะ?

แล้วพวกเขาก็จะมายืนเรียงกันปลดกระเป๋าออกให้เห็นฟ่อนธนบัตรเรียงกันเป็นตับ แล้วก็…อะแฮ่ม เราเฉไฉไปไหนเนี่ย?!

หลินเจี๋ยไม่ถือสาที่จะได้รับอะไรที่มีค่ากว่านั้นเช่นกัน เขาหมายถึงสิ่งของที่มีค่าในด้านการเงินน่ะนะ…หัวใจที่เขาได้รับมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้แห้งเหี่ยวกลายเป็นหินไปหมดแล้ว และเสียคุณค่าส่วนใหญ่ในการเป็นของสะสมไปแล้วด้วย เขาจึงต้องเก็บหัวใจดวงนั้นและกระเป๋าของมันไว้ในห้องใต้ดินอย่างแสนเสียดาย…

เฮ้อ ช่างเถอะ…

ยังไงเสียศาสนาแห่งตะวันก็เพิ่งสร้างและยังต้องการเงิน มันเป็นเรื่องธรรมดาที่วินเซนต์จะทำแบบนี้ อย่างน้อยเขาก็ยังคิดถึงเรานะ…

หลินเจี๋ยปลอบใจตัวเอง มันเป็นไปไม่ได้จริง ๆ ที่ตัวเองจะรวยชั่วข้ามคืนจากการพึ่งพาคนอื่น

และเมื่อเขาคิดดูแล้ว เขาก็แค่ใช้คำพูดของเขา ช่วยติดต่อตำรวจแล้วกำจัดคนร้ายที่ปวกเปียกสุด ๆ ให้ ทั้งหมดเป็นเพียงความช่วยเหลือเล็กน้อย และเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันจริง ๆ

กาเบรียลนั่นอ่อนแอยิ่งกว่ามิคาเอลอีก อย่างน้อยเจ้าหนูไมค์ยังดิ้นรนจนหนีไปได้ แต่กาเบรียลถูกบดขยี้เละในแดนนิมิตของเขา

โจเซฟกับวินเซนต์คือคนที่ออกหน้าต่อสู้กับพวกอาชญากร และมันก็เป็นที่ชัดเจนว่าการกระทำนั้นลำบากยากเข็ญ ตัดสินได้จากสภาพเปราะบางและหมดเรี่ยวแรงของพวกเขา

ในทางกลับกัน หลินเจี๋ยกลับหลับปุ๋ยสบายอารมณ์ถึงสามวันติดในร้านของตัวเอง แล้วมีความฝันอันน่าสนใจ

เมื่อมองในแง่มุมนี้แล้ว หลินเจี๋ยก็รู้สึกผิดในความคิดเห็นแก่ตัวของตนเล็กน้อย

หลินเจี๋ยเก็บความหดหู่ของตัวเองไว้แล้วยิ้มอย่างมืออาชีพ

จากนั้นเขาก็รับแหวนและไข่มาจากวินเซนต์ แล้วพูดขึ้น “ผมรู้สึกขอบคุณในเจตนาดีของคุณจริง ๆ ครับ และผมก็สนใจของแบบนี้อยู่มากจริง ๆ ขอบคุณมากนะครับ”

หลินเจี๋ยรู้สึกว่าเขาควรพิจารณาเรื่องที่วินเซนต์เป็นอดีตบาทหลวงจากโบสถ์แห่งจุดสูงสุด รวมถึงเรื่องที่ตอนนี้เขากลายเป็นบุคคลระดับสูงของศาสนาใหม่ด้วย ในสายตาของเขาแล้ว ของแบบนี้ที่น่าจะมีพลังศักดิ์สิทธิ์อาจจะสำคัญยิ่งยวดต่อศาสนา ในขณะที่มันดูแปลกสำหรับคนธรรมดาทั่วไป

หรือก็คือ…วินเซนต์รู้สึกว่าอุปกรณ์เวทศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้คือสิ่งมีค่าที่สุดในโบสถ์แห่งจุดสูงสุด

แม้ว่าหลินเจี๋ยจะผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็ต้องไม่ทำให้วินเซนต์ผิดหวังและทำให้ความพยายามของเขาเสียเปล่า

วินเซนต์รีบร้อนพูด “ไม่หรอกครับ คุณถ่อมตัวไปแล้ว ผมต่างหากที่ควรขอบคุณ เพราะได้คุณช่วย ถึงได้มีผมในทุกวันนี้นะครับ”

แม้ว่าเขาจะไม่ใช่บาทหลวงไร้นามที่เคยเป็นและกำลังจะกลายเป็นสังฆราชแห่งศาสนาแห่งตะวันที่จะมาแทนโบสถ์แห่งจุดสูงสุด กลายเป็นศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในนอร์ซินในอนาคตก็ตาม แต่เขาก็ยังประพฤติตัวอย่างระมัดระวังต่อหน้าเจ้าของร้านหลิน

ทว่าหลินเจี๋ยกลับไม่ได้รู้สึกภาคภูมินักเมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาขมวดคิ้วแล้วเอื้อมมือไปตบบ่าวินเซนต์แล้วพูดอย่างจริงจัง “วินเซนต์ เชื่อในตัวเองมากกว่านี้เถอะครับ ความช่วยเหลือของผมไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้คุณได้รับสิ่งที่คุณมีในตอนนี้หรอก แต่เป็นความมุมานะและความมุ่งมั่นที่จะค้นหาความจริง จิตใจที่แสวงหาความยุติธรรมต่างหากที่ช่วยให้คุณพบอนาคตที่สดใสที่เป็นเพียงของคุณเท่านั้น”

“คุณสามารถรวบรวมสาวกกลุ่มแรกมาได้เพราะความเมตตาของคุณในอดีต คุณสามารถทำให้พวกเขาเชื่อคุณได้ด้วยชื่อเสียงและคำพูดของคุณ และด้วยคำสอนและความเห็นสาธารณะที่มีต่อคุณ คุณก็สามารถล้มโบสถ์แห่งจุดสูงสุดและกฎที่กดขี่ของพวกเขา และสุดท้ายก็ทำลายมันลงได้”

“ไม่ใช่ว่าทั้งหมดนี้คือความแข็งแกร่งของตัวคุณเองเหรอครับ?”

วินเซนต์นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วสบเข้ากับสายตาร้อนแรงของหลินเจี๋ย แล้วฉับพลันเขาก็รู้สึกปวดหนึบในใจ

หัวใจที่เคยว่างเปล่าและด้านชาหลังเต็มไปด้วยการล้างแค้นดูจะเต็มไปด้วยพลังชีวิตหลังจากเต้นแรง ๆ สองสามครั้ง เติมเต็มเขาด้วยเลือดสด ๆ ที่มีชีวิตชีวา ทำให้เขาสามารถสัมผัสความตื่นเต้นได้อีกครั้ง

นั่นสินะ!

เขาไม่ได้ตระหนักเลยว่าด้วยกำลังของเขาเอง เขาได้ทำเรื่องต่าง ๆ ลงไปมาก รวมถึงการฆ่าร็อดนีย์ที่ไกลเกินเอื้อมเขาเสมอมา

ตึก ตึก…

เงาความขี้ขลาดที่บาทหลวงคนเก่าทิ้งไว้ในอดีตดูจะถูกแสงสว่างใหม่เปลี่ยนมันไปแล้ว

หลินเจี๋ยพูดต่ออย่างหนักแน่น “ผมหวังว่าในอนาคตคุณจะสามารถเป็นแสงสว่างให้กับตัวคุณเองได้เสมอ และนำพาแสงสว่างและความอบอุ่นมาสู่คนดี เป็นดวงอาทิตย์ที่ไม่มีวันตกในใจของทุกคนและนำทางสาวกที่คุณปกครองออกจากค่ำคืนที่ยาวนานภายใต้การกดขี่ของโบสถ์แห่งจุดสูงสุดได้นะครับ”

“นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมคุณต้องเชื่อในตัวเอง แสดงศักดิ์ศรีแห่งสังฆราชออกมาครับ คุณเป็นผู้นำที่คนนับพันเลื่อมใสแล้วในตอนนี้ และคุณต้องแสดงมันให้ผู้ที่ศรัทธาคุณเห็นนะครับ! ถ้าคุณไม่ทำอย่างนั้น คุณจะสนองความคาดหวังของผู้ที่เชื่อใจคุณได้ยังไงล่ะ?”

“บาทหลวงชรากำลังมองคุณจากบนสวรรค์นะครับ!”

วินเซนต์รู้สึกถึงเลือดพลุ่งพล่านไปทั่วร่างของเขา เจ้าของร้านหลินพูดถูก เขาในตอนนี้แบกรับความเชื่อใจและความคาดหวังจากคนจำนวนมาก และเขาก็ไม่ได้อยู่คนเดียวอีกแล้ว

การล้างแค้นของเขาจบลงที่นี่ แต่หนทางยังอีกยาวไกล

และคนอีกมากมายยังรอให้เขาไปช่วยเหลืออยู่!

เขาต้องเป็นดวงอาทิตย์!

เขามองกลับไปแล้วสบกับสายตาให้กำลังใจของโจเซฟ ซึ่งสื่อชัดเจนว่าแม้แต่เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทานยังยอมรับเขา

วินเซนต์ที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นพูดอย่างเฉียบขาด “คุณพูดถูก ผมจะเป็นผู้นำที่คู่ควรกับศาสนาแห่งตะวัน และแสงนำทางในใจของเหล่าสาวกครับ ผมสัญญา!”

หลินเจี๋ยปลาบปลื้มที่ได้ยินดังนั้น “ดีเลยครับ คุณต้องอ่านหนังสือสองเล่มที่ผมให้คุณไปให้ดีนะครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกจนปัญญา ทำอะไรไม่ถูก หนังสือพวกนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยคุณได้มากเลย”