ตอนที่ 67-3 งูพิษ

ดวงตาของหลี่เสี่ยวหรานแข็งกร้าวราวกับน้ำแข็ง

สาเหตุที่หลี่จางเล่อกล้าที่จะสาปแช่งเขาเช่นนั้น เพียงเพราะเขามีคำกล่าวที่รุนแรงกับนางในวันนั้นหรือ?

หญิงสาวที่มีใจคอโหดร้ายเช่นนี้ จะยังคงเป็นบุตรสาวที่ชาญฉลาดและมีความน่าเอ็นดูของเขาได้อีกหรือไม่?

หากจะกล่าวตามตรงก็คือ นางเป็นเหมือนดั่งงูพิษ!

หลี่เว่ยหยางยืนนิ่งเงียบและไร้อารมณ์ราวกลับรูปปั้น แต่ขนตายาวของนางนั้นสั่นไหวเล็กน้อย ซึ่งเผยให้เห็นดวงตาสีเข้มราวกับน้ำหมึก:

“ถูกต้องแล้วพี่ใหญ่ รกที่เต็มไปด้วยเลือดนั้น มันดูเหมือนกับการกินเนื้อมนุษย์

น้องห้ามิมีทางเลือกอื่นนอกจากกินมันเพื่อรักษาบาดแผลของนาง

แต่ท่านต้องการที่จะกินมันเพื่อความงดงามเท่านั้น ต่อไปท่านจึงมิควรที่จะแตะต้องสิ่งเหล่านี้อีก”

ใบหน้าของหลี่เสี่ยวหรันดูแข็งกร้าว และยังคงมีความโกรธเคืองอยู่ รกนี้เต็มไปด้วยเลือดในลักษณะที่แม้เขายังต้องละสายตาไปจากมัน

แต่หญิงสาวผู้นี้กลับเห็นว่า มันเป็นอาหารเสริมความงดงาม จิตใจของนางนั้นช่างน่ากลัวเสียจริง ๆ !

หลี่หมินเต๋อจ้องมองไปที่หลี่เว่ยหยาง เขาจึงสังเกตเห็นรอยยิ้มของนางตั้งแต่ต้นจนจบ

ดวงตาของเขายังคงสว่างไสวเหมือนแสงสะท้อนภายใต้กระจกใส และแพรวพราวราวกับว่ามันสามารถส่องโลกทั้งใบได้

เขารู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มิใช่ผู้อื่นนอกจากพี่สามผู้น่ารักของเขานั่นเอง

นางช่างกล้า?

สิ่งนี้คือกฎของธรรมชาติอย่างแท้จริง พวกนางถือกริชอยู่ในมือและศัตรูคือปลา

แทนที่จะนิ่งดูดายอยู่ตรงนั้น จึงใช้อาวุธที่อยู่ในมือหั่นศัตรูให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยมือของตนเอง!

หลี่เสี่ยวหรันมองตรงไปยังหลี่จางเล่อด้วยความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันอยู่ภายในหัวใจของตนเองด้วยความสับสน และจากนั้นเขามิรู้ว่าจะทำอย่างไรดี

เรื่องนี้มิสามารถกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่สามารถกล่าวได้ว่ามันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก….

มันใหญ่จนแทบจะทำให้ฟ้าและดินสะเทือนได้

หากเรื่องนี้ทราบถึงพระเนตรพระกัณต์ของฝ่าบาท ผู้ที่เกี่ยวข้องและจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้คือผู้คนตระกูลหลี่ทั้งหมด

หลี่จางเล่อมันคุ้มค่าหรือไม่ ที่ตระกูลหลี่จะยอมเสี่ยงกับนางถึงเพียงนี้?

เนื่องจากความพยายามในการบรรเทาสาธารณภัยของนางในครั้งนั้น จึงทำให้ชื่อเสียงของจางเล่อในราชสำนักเสียหายจนมิมีทางแก้ไข

แม้แต่ในหมู่สามัญชนเองต่างก็มีความรู้สึกที่ย่ำแย่ต่อหญิงสาวผู้นี้เช่นเดียวกัน

บางคนถึงกับกล่าวว่าความงามของนางเป็นความหายนะ แล้วบุตรสาวผู้นี้จะกลายเป็นจักรพรรดินีในวันข้างหน้าได้อย่างไร?

ผู้ใดจะให้การสนับสนุนนาง?

หลี่เสี่ยวหรันรู้สึกถึงความไว้วางใจที่เขามีมาตลอดสิบปีถูกทำให้พังทลายลงเป็นครั้งแรก

หลี่จางเล่อ ดูเหมือนว่าชีวิตของนางจะจบลงแล้ว

หลี่เว่ยหยางรับรู้ถึงสิ่งนี้ และยังคงก้าวไปข้างหน้าเพียงเพื่อจบชีวิตของผู้เป็นพี่สาวให้เร็วขึ้น

อย่างไรก็ตาม หลี่จางเล่อยังเป็นเด็กและมิสามารถคิดหาวิธีรับมือได้

ในตอนนี้จิตใจของนางว่างเปล่าและใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และความหวั่นไหวภายในหัวใจ

ขณะที่นางจับจ้องไปที่หลี่เสี่ยวหรัน โดยที่มิรู้ว่าเขาจะเชื่อนางหรือเขาจะตัดสินใจอย่างไร?

หลี่หมินเฟิงมีความคิดที่จะขอให้ครอบครัวทางมารดาของตนเองเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้

แต่ตอนนี้ท่านปู่และท่านลุงของเขาถูกส่งไปประจำการที่ชายแดน ดังนั้นน้ำจากระยะไกลจึงมิสามารถดับไฟที่อยู่ตรงหน้าได้

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฮูหยินใหญ่รู้ได้โดยธรรมชาติ ท้ายที่สุดแล้ว นางเป็นผู้ที่ตกที่นั่งลำบากและยังต้องเป็นที่พึ่งให้กับบุตรทั้งสองคน

แม้ว่าการแสดงออกของนางจะว่างเปล่า แต่นางก็กำลังพยายามคิดหาหนทางออกจากจุดนี้ให้ได้

น้ำเสียงของท่านผู้อาวุโสหลี่มีความเย็นชาและเฉยเมย แต่ใบหน้าของนางสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นปรปักษ์เล็กน้อย ขณะที่กล่าวว่า:

“เมื่อจักรพรรดิองค์ก่อนยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่

อดีตอำมาตย์เหอปิงและบุตรสาวของเขาหยางหนิงกงจู จู้ยี่กงจูและแม้แต่แม่ทัพใหญ่โจวเต๋อก็สูญเสียศีรษะของพวกเขา สิ่งนั้นมิใช่เพราะเรื่องของคาถามนต์ดำหรอกหรือ?

ทุกสิ่งที่เชื่อมโยงกับคาถามนต์ดำคือหนทางไปสู่ความตายที่หลีกเลี่ยงมิได้

ตอนนี้จางเล่อได้ทำสิ่งสกปรกเหล่านี้แล้ว นางมิสามารถกล่าวได้ว่า มีผู้ใส่ร้าย เพราะสิ่งนี้ต้องเป็นนางที่ทำเอง!

มิว่าจะเกิดอันใดขึ้น หากสิ่งนี้ถูกเผยแพร่ออกไปสู่สาธารณชน ตระกูลหลี่จะเสียเปรียบอย่างมาก เจ้าควรรีบตัดสินใจเสียตั้งแต่ตอนนี้”

เมื่อได้ยินคำกล่าวเหล่านี้แล้ว สิ่งที่ยังคงอยู่ในความลังเลใจของเขาก็พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง

หลี่เสี่ยวหรันได้ตัดสินใจและกล่าวอย่างเย็นชาว่า:

“จางเล่อ เจ้าทำให้ข้าผิดหวังอย่างมาก ออกจากที่นี่ไปที่ปูฉีอัน หากมีผู้ใดถามถึงเจ้า ข้าจะบอกว่า เจ้าติดโรคระบาดและต้องไปพักฟื้นที่อื่น”

ปูฉีอันคือวัดสำหรับแม่ชี! บิดาต้องเป็นบ้าไปแล้ว

เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่จางเล่อจึงสูญเสียการควบคุมตนเอง:

“ท่านพ่อ นี่ท่านกำลังสั่งให้ข้าไปโกนผม และออกบวชเป็นแม่ชีหรือ?!”

นางมิอยากจะเชื่อเลย มิเชื่อว่าหลี่เสี่ยวหรันจะเป็นผู้ที่ใจร้ายเช่นนี้

หลี่เสี่ยวหรันหันหน้าหนีไปโดยมิสนใจที่จะมองนางด้วยซ้ำ