212 – ผู้ตรวจการ
หิมะบนท้องถนนยังไม่ละลายจนหมด ถนนบนภูเขานั้นเดินยากเป็นพิเศษเพราะมันลื่นมากส่วนใหญ่แล้วไม่มีใครรู้ด้วยซ้ําว่ามีหิน หลุม หรือหนามอยู่ใต้ผ้าห่มหิมะ
ขอบหินที่แหลมคมสามารถขีดข่วนเท้าได้ง่ายและทําให้ผู้คนเสียสมดุล ถ้ามันเป็นหลุมมันก็ง่ายมากที่จะแพลงที่เท้าในขณะที่หนามบนถนนน่าจะแทงทะลุฝ่าเท้าได้…
โกลดี้กระโดดอย่างมีความสุขต่อหน้าเอี้ยนลี่เฉียงโดยทิ้งรอยอุ้งเท้าไว้บนเส้นทางที่เต็มไปด้วยหิมะ
เอี้ยนลี่เฉียงอยู่ข้างหลังโกลดี้ และเขามีกระต่ายอยู่ในมือ ในขณะที่เขาเดินผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยหิมะได้อย่างง่ายดายเช่นกัน
ในช่วงสองสามวันนี้ ขอบเขตนักรบของเขาค่อย เสถียรและตันเถียนที่จัดตั้งขึ้นใหม่ของเขาก็มีรูปแบบที่สมบูรณ์เช่นกัน
การปรับปรุงลักษณะทางกายภาพของเขาทําให้เกิดประสบการณ์และความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงกับวิชาเก้ากระบวนท่าเงาสายลมที่เอี้ยนลี่เฉียงบรรลุถึงชั้นที่หก
ทุกย่างก้าวบนหิมะนั้นเบาแต่มั่นคง แม้ว่าจะมองไม่เห็นสภาพถนนที่อยู่ใต้หิมะ แต่เขานึกภาพทุกอย่างที่อยู่ใต้หิมะนั้นซึ่งประกอบด้วยเสาไม้
ทุกย่างก้าวของเอี้ยนลี่เฉียงที่สัมผัสกับพื้นนั้นคล้ายกับที่แมลงปอสัมผัสผิวน้ํา มันเบาและหายวับไปในทันทีไม่ว่าสิ่งที่อยู่ใต้หิมะจะเป็นอย่างไร
เมื่อเขากลับมาที่หมู่บ้านจากภูเขา เอี้ยนลี่เฉียงก็เห็นสือต้าเฟิงและเจ้าหน้าที่มือปราบสวมชุดข้าราชการยืนอ ยู่ตรงทางเข้าลานเล็กๆ ของเขา
ดูเหมือนทั้งสองกําลังรอการกลับมาของเขา หัวใจของเอี้ยนลี่เฉียงเต้นแรงทันทีเมื่อเห็นมือปราบมายืนหน้าประตูของเขา และความจริงที่ว่าเขาได้มากับสือต้าเฟิงด้วย
“โว้ว โว้ว โว้ว!!” โกลดี้เห่าสองครั้ง สือต้าเฟิงและมือปราบคนนั้นหันมาและในที่สุดก็สังเกตเห็นเอี้ยนลี่เฉียงที่เพิ่งลงมาจากเส้นทางบนภูเขา
“ลี่เฉียง นี่ นี่!” สือต้าเฟิงซึ่งสวมชุดหนังโบกมือให้เอี้ยนลี่เฉียงและใบหน้าของเขาก็ยิ้มออกมา
เอี้ยนลี่เฉียงก็ยิ้มให้เขาเช่นกันและเดินไปหาพวกเขาในขณะที่เขายังคงสงบ
“เหตุไฉนจึงมาถึงที่นี่ได้”
“แน่นอนว่ามาหาเจ้า โชคดีที่ข้าได้ยินเจ้าพูดถึงการอยู่ที่นี่มาก่อน ข้าจึงถามชาวบ้านแถวนี้ พวกเขาบอกข้าว่าเจ้ายังอยู่แถวๆ นี้ตลอดสองสามวันที่ผ่านมา และยังลงจากภูเขาเพื่อซื้อของในตอนเช้า
ถ้าวันนี้ข้าไม่พบเจ้าที่นี่ จะต้องมีเจ้าหน้าที่จากเมืองผิงซีมากมายมาตามหาเจ้าอย่างแน่นอน… “สือต้าเฟงกล่าวแล้วเหลือบไปที่สุนัขสีเหลืองตัวใหญ่ข้างๆเอี้ยนลี่เฉียง
“เจ้าเลี้ยงหมาด้วยเหรอ”
“ใช่ ข้าพบมันบนภูเขาเมื่อไม่กี่วันก่อน และมันตามข้ากลับบ้าน!”
สือต้าเฟิงกําลังจะเอื้อมมือออกไปเพื่อตบหัวโกลดี้ อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาเอื้อมมือออกไป โกลดี้ผู้น่ารักในตอนแรกก็แยกเขี้ยวออกมาทําให้ทั้งสองคนส่งเสียงหัวเราะ
“ดูเหมือนว่าเจ้ากับสุนัขตัวนี้จะถูกโชคชะตาพามารวมกัน…”
“นี่คือนายน้อยเอี้ยนลี่เฉียง?” มือปราบคนนั้นส่งเสียงสอดแทรกเข้ามา
เอี้ยนลี่เฉียงพยักหน้า
“ข้าเองไม่ทราบว่าพี่ชายท่านนี้มาด้วยเหตุผลอะไร..?”
“เอาล่ะ ผู้ตรวจการณ์ซุนอยากพบเจ้า!” มือปราบยิ้มให้เอี้ยนลี่เฉียงและพูดกับเขาอย่างสุภาพ
“ถ้านายน้อยเอี้ยนว่างได้โปรดติดตามข้าไปที่เมืองด้วย!”
เอี้ยนลี่เฉียงเหลือบมองสือต้าเฟิงแล้วขยิบตาให้เขา
“เอาล่ะ กรุณารอสักครู่ ข้าเก็บของก่อน!”
เอี้ยนลี่เฉียงเปิดประตูสู่ลานบ้านของเขาและปล่อยให้โกลดี้เข้าไปข้างใน จากนั้นเขาก็โยนกระต่ายที่เขาล่าเข้าไปในสนามก่อนที่เขาจะล็อคประตูอีกครั้ง
“ปลอดภัยไหมที่จะปล่อยสุนัขและกระต่ายไว้ด้วยกัน
“ไม่ต้องห่วง สุนัขตัวนี้เชื่อง พวกเราไปเถอะ…”
“เชิญทางนี้”
มือปราบรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นประสิทธิภาพของเอี้ยนลี่เฉียง
เมื่อพวกเขาลงจากภูเขา รถม้ากําลังรอพวกเขาอยู่ริมถนน มือปราบคนนั้นกระโดดขึ้นไปขับทันที
เอี้ยนลี่เฉียงและสือต้าเฟิงปืนขึ้นไปบนรถม้า เมื่อคนขับรถม้าสั่นบังเหียน รถม้าก็เริ่มเคลื่อนที่
“พี่สือเกิดอะไรขึ้น” เอี้ยนลี่เฉียงชี้ไปที่ด้านหน้ารถมาทันทีและถามซื้อตาเฟิง
สือต้าเฟิงพยักหน้าจากนั้นก็จงใจพูดด้วยเสียงปกติ
“เจ้าสนุกกับชีวิตที่เรียบง่ายในช่วงสองสามวันนี้โดยพาสุนัขไปล่ากระต่ายด้วยความสุข แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเรากําลังเดือดร้อนแล้ว คุณทราบแล้วหรือยังว่า ตระกูลหวัง?”
“ตระกูลหวังจากมณฑลหวงหลง?”
“แน่นอนว่าเป็นตระกูลหวังจากมณฑลหวงหลง พวกเขาจบสิ้นแล้วพวกเขาร่วมมือกับชาวชาตูและอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด ในตอนนี้ครอบครัวของพวกเขาหลายร้อยคนถูกจับมาเป็นนักโทษในเมืองผิงซีนี้แล้ว…”
“ข้าได้ยินเรื่องนี้แล้วแต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา มันเป็นเหตุการณ์ใหญ่และผู้ว่าการแคว้นจะไม่กล่าวหาพวกเราอย่างแน่นอน ..” เอี้ยนลี่เฉียงพูดด้วยความรู้สึกชอบธรรม จากนั้นเขาก็ลดเสียงลงเล็กน้อย
“โอ้ใช่แล้ว ผู้ตรวจการซุนคนนั้นคือใคร ทําไมข้าถึงไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อน”
“ผู้ตรวจการซุนเป็นผู้ตรวจการที่มาจากเมืองหลวงและคอยตรวจความสงบเรียบร้อยของอาณาจักรเขาได้รับรู้ทันเหตุการณ์ที่แคว้นผิงซีโดยไม่คาดคิด
เมื่อเขาเพิ่งมาถึงเขตปกครองกานไม่นานมานี้ เขาจึงตั้งใจเดินทางมาเมืองผิงซี เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์มากขึ้นท่านซุนประสงค์จะพบเราหลังจากที่เขาได้ยินว่าเราสามคนเป็นผู้ค้นพบเหตุการณ์ในคืนนั้น”
“โอ้ เข้าใจแล้ว!” เอี้ยนลี่เฉียงเกาศีรษะอย่างเชื่องช้า
“แล้วผู้ตรวจการนี้ตําแหน่งของเขาสูงแค่ไหน…?”
“ไม่รู้เหมือนกันเพียงแต่ได้ยินมาว่าแม้แต่ผู้ว่าการแคว้นก็ยังต้องให้ความเคารพเขา แล้วเจ้าคิดว่าเขาตําแหน่งสูงหรือไม่?”
เอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้คาดหวังว่าเหตุการณ์ในเมืองผิงซีจะดึงดูดผู้ตรวจการซึ่งกําลังลาดตระเวนในแคว้นกานให้ถ่อมาถึงที่นี่ได้
ทุกอย่างในเมืองผิงซีแตกต่างไปจาก ‘ครั้งที่แล้ว โดยสิ้นเชิง ผีเสื้อขยับปีก(Butterfly effect)ครั้งนี้สั่งผลกระทบมากเกินไปแล้ว
รถม้าไม่ไปสํานักงานบังคับกฎหมาย แต่มันไปที่คฤหาสน์ใกล้กับสวนพลัมซึ่งอยู่ใกล้ๆกับทะเลสาบแห่งความยืนยาว
บริเวณคฤหาสน์ได้รับการปกป้องโดยทหาร เจ้าหน้าที่และรถม้าที่กําลังรอต้อนรับผู้ตรวจการซุนจนเป็นแถวยาวด้านนอก
นอกจากแคว้นผิงซีแล้ว เจ้าหน้าที่จากแคว้นต่างๆที่สังกัดอยู่ในแคว้นกานซึ่งถูกเรียกรวมกันว่าเขตปกครองพิเศษกานได้มารวมกันที่นี่จนแทบจะหมดสิ้น
มือปราบได้นําเอี้ยนลี่เฉียงและสือต้าเฟิงไปที่บริเวณคฤหาสน์ จากนั้นส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ระดับล่างซึ่งสวมเครื่องแบบอย่างเป็นทางการรับหน้าที่ต่อ
เจ้าหน้าที่ระดับล่างนําทั้งสองคนจากทางเข้าคฤหาสน์และไปยังโถงด้านข้างในคฤหาสน์
“รอที่นี่และอย่าไปไหน ถ้าพวกท่านต้องการอะไรให้บอกคนรับใช้ ในเวลาอาหารจะมีคนมาส่งอาหารและเครื่องดื่มของพวกท่านที่นี่ เมื่อถูกเรียกโดยท่านซุนพวกท่านถึงจะเข้าไปได้!”
หลังจากให้คําอธิบายสั้นๆแก่เอี้ยนลี่เฉียงและสือต้าเฟิง เจ้าหน้าที่ระดับล่างก็จากไป เขาทิ้งสาวใช้สองคนไว้ที่ลานบ้านเพื่อรอรับคําสั่ง
ทั้งสองรอทั้งเช้าราวกับรอเข้าพบนายกรัฐมนตรี
ตอนบ่ายเงินเติ้งถูกคนอื่นพามาที่นี่ และทั้งสามคนก็กลับมารวมกันอีกครั้ง
สือต้าเฟิงยิ้มเมื่อเห็นเส้นเติ้งอีกครั้งและขยิบตาให้เขา
“ไม่เจอกันนานเลยนะพี่เสิ้น เจ้าแต่งตัวเรียบร้อยจริงๆ เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าได้พบกับสาวงามจากตระกูลอื่น?”
เสิ้นเติ้งผู้ซึ่งแต่งกายอย่างสง่างามราวกับเป็นขุนนางหนุ่มจากกลุ่มชนชั้นสูง หน้าแดงทันทีและโต้กลับว่า
“ท่านซุนเป็นทูตของจักรวรรดิจากเมืองหลวง หากเราจะไปพบท่านซุน เราก็ไม่ควรเลอะเทอะและควรแต่งกายให้เหมาะสมเพื่อเป็นการแสดงความเคารพ!”
“ถ้าพี่เส้นมั่นใจในความเชื่อมั่นของตัวเอง แล้วทําไมเจ้าถึงหน้าแดงล่ะ” สือต้าเฟิงยังคงล้อเล่นเสิ้นเติ้งตามปกติ
“ใครหน้าแดง”
“เอาล่ะ หยุดล้อเลียนพี่เสิ้น พี่สืออ พี่เสิ้นพูดถูก ข้าควรจะแต่งตัวให้เหมาะสมกว่านี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะข้ากําลังเร่งรีบ!”
สือตาเพิ่งเริ่มหัวเราะ “ลี่เฉียงดีที่สุด!”
“โอ้ ใช่ พวกเจ้าเคยได้ยินเรื่องราวของท่านซุนหรือเปล่า?” เสิ้นเติ้งโน้มตัวและกระซิบกับเอี้ยนลี่เฉียงและสือต้าเฟิงเมื่อเขาเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในห้อง
“ข้าไม่รู้รายละเอียดเชิงลึกเพียงแต่รู้ว่าในครั้งหนึ่งที่ท่านซุนเป็นผู้ว่าการแคว้นชื่อเสียงของเขาก็โด่งดังจากเหตุการณ์ที่…”
“เกิดอะไรขึ้น…?”
“ท่านซุนสังหารทูตชาตูทุกคนที่ผ่านอาณาเขตของเขาขณะที่พวกเขากําลังเดินทางไปถวายเครื่องบรรณาการที่เมืองหลวง”
“อะไรนะ?!
เมื่อเสื่นเติ้งบอกเอี้ยนลี่เฉียงและสือต้าเฟิงถึงข้อมูลที่เขาได้ยินเกี่ยวกับผู้ตรวจการซุน ทั้งคู่ก็ตกตะลึงพวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะมีคนบ้าๆแบบนี้อยู่บนโลกจริงๆ
พวกเขารอจนกระทั่งถึงช่วงเย็นถึงมีโอกาสได้เข้าพบท่านซุน