“ว่าแต่ท่านลุงชูจิน ยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์ที่ข้าส่งไปลอบปกป้องท่านพวกเขาไปอยู่ไหนแล้วล่ะ?”หวู่ฮง ได้กล่าวถาม

ชูจิน ได้ตอบกลับทันที”คนเหล่านี้ได้ช่วยเหลือพวกข้าในการสกัดกั้นการติดตามของลู่เฟิง ดังนั้นข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาตอนนี้อยู่ที่นี่ไหน”

“ฮ่าฮ่า!”

หวู่ฮง ได้หัวเราะออกมา”บางทีท่านอาจไม่ต้องรอการสนับสนุนจากกองทัพภายใต้อาณัติของพวกเราแล้วกระมัง ด้วยยอดฝีมือที่ข้าส่งไปปกป้องท่าน มีหรือที่ พวกอาณาจักรหนานหยาน จะสามารถต้านทานได้ ความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือ จักรพรรดิแห่งอาณาจักรหนานหยาน ลู่เฟิง ไม่มีโอกาสรอดชีวิต!”

“เช่นนั้นข้ายังต้องรวบรวมทหารที่เหลือมาอยู่อีกหรือไม่?”ชูจินได้กล่าวถาม

ปัจจุบันชูจินได้หวาดกลัวลู่เฟิงโดยสมบูรณ์

เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะมีชีวิตรอดและกลับมาแก้แค้น

“…”

หวู่ฮง รู้สึกพูดไม่ออก จักรพรรดิองค์นี้โง่เง่าหรือไม่? แม้ว่า ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาจะสังหารลู่เฟิงได้ แต่อีกฝ่ายก็ยังมีกองทัพหลายแสนนายอยู่ในมือ หากไม่ีรวบรวมกองทัพปกป้องเมืองหลิงหยาง นั่นไม่เท่ากับนอนรอความตายอยู่ที่นี่หรอกหรอ ?

เห้อ,หากรู้ว่าจักรพรรดิองค์นี้จะโง่ขนาดนี้ เขาคงลอบติดตาม ชูหยี มาก่อนที่อีกฝ่ายจะเสียชีวิต

หวู่ฮง ได้สั่นศีรษะอย่างช่วยไม่ได้”แน่นอน แม้ว่า ลู่เฟิง จะถูกฆ่าไปแล้ว แต่คนที่อยู่ภายใต้เงื้อมมือของเขายังคงสามารถต่อสู้ได้อยู่ ท่านคิดว่าพวกเขาจะไม่สู้แก้แค้นหรืออย่างไร?”

ชูจิน ได้ยินดังนั้นจึงรีบพยักหน้าทันที

“ท่านรีบลงไปรวบรวมทหารที่พ่ายแพ้กลับมาให้ได้อย่างน้อย 300,000 นายด้วยวิธีนี้ท่านก็จะสามารถอยู่ปกป้องเมืองหลิงหยางได้นานนับเดือน!”

“เข้าใจแล้ว!”

หลังจากได้ยินคำพูดของ หวู่ฮง ชูจิน ก็รีบส่งคนไปรวบรวมทหารทันที

กองทัพ 1.5 ล้านคนนั้นส่วนใหญ่แล้วได้ถูกตัดศีรษะลงแต่ก็ยังมีหลายคนที่หลบหนีมาที่เมืองหลิงหยางได้ทัน

ชูจินได้ไปรวบรวมคนเหล่านี้และมันมีจำนวนเกือบจะ 500,000 นาย

การค้นพบครั้งนี้ทำให้เขามีความสุขมากขึ้น ด้วยทหารจำนวนนี้เขายังต้องกังวลว่าจะไม่สามารถปกป้องเมืองหลิงหยางได้อีกงั้นหรือ?

ยิ่งไปกว่านั้น ชูจิน ยังคงชดเชยของตอบแทนให้กับทหารตระกูลขุนนางเหล่านี้

ด้วยวิธีนี้หากเขาชนะอีกฝ่ายและจบศึกได้คนเหล่านี้ก็ยังคงสนับสนุนตัวเองในฐานะจักรพรรดิอยู่

ครึ่งวันต่อมา ลู่เฟิง ได้รับสถิติรายงานความเสียหายการต่อสู้จาก จางซุนหวูจี๋

“ว่ามา!”

“ในการศึกคราวนี้กองทัพของเราได้รับความเสียหาย 110,000 นาย บาดเจ็บสาหัสมากกว่า 30,000 นาย และ บาดเจ็บเล็กน้อยมากกว่า 50,000 นาย ทหารม้าในปัจจุบันจาก 20,000 นาย ปัจจุบันเหลือเพียง 7,000 นาย ในปัจจุบัน ทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ได้รับการรักษาจากหมอหลวงท่านฮัวโต๋แล้ว คาดว่าภายในสามวันทหารที่ได้รับบาดเจ็บจะสามารถฟื้นฟูประสิทธิภาพการรบกลับมาได้ ตอนนี้ มีเพียงทหาร 400,000 นายในบัญชาของพวกเราที่สามารถต่อสู้ได้”จางซุนหวูจี๋ ได้อ่านรายงาน

“แล้วทางฝั่งศัตรูเล่า?”

“ในการศึกคราวนี้ กองทัพของเราได้สังหารศัตรูไปมากกว่า 600,000 นาย มีทหารยอมจำนนเกือบ 150,000 นาย ส่วนที่เหลือได้วิ่งหนีตายกลับไปยังเมืองหลิงหยางส่วนจำนวน…”

จางซุนหวูจี๋ อายที่จะตอบ

“พูด!”

“ฝ่าบาท ตามข่าวที่ได้รับ ยังเหลือทหารมากกว่า ครึ่งล้าน รวมตัวกันที่เมืองหลิงหยางเพราะแบบนี้…”จางซุนหวูจี๋ ได้ตอบกลับ

ลู่เฟิงยิ้มออกมา”แล้วยังไง!”

จางซุนหวูจี๋ ได้ตอบกลับ”ด้วยจำนวนคนเหล่านี้พวกเขาสามารถอยู่ปกป้องเมืองหลิงหยานได้นานหลายเดือน!”

“คงจะไม่เป็นเช่นนั้น!”

ลู่เฟิงสั่นศีรษะทันที”การต่อสู้ครั้งก่อนแสดงให้เห็นว่าไม่มีแม่ทัพที่มีความสามารถในอาณาจักรซีหยางไม่งั้นกองทัพ 1.5 ล้านคนก่อนหน้านี้ก็คงไม่พ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว”

จางซุนหวูจี๋ ได้ยินเช่นนั้นเขาก็ยิ้มออกมาอย่างบิดเบี้ยว”ฝ่าบาทตรัสได้ถูกแล้ว ก่อนหน้านี้ อาณาจักรซีหยาง มีแม่ทัพที่มากฝีมืออยู่สองคน หนึ่งคือ ซ้งหยูตี้ และ อีกคนคือแม่ทัพภาคเหนือ เจียงหลี่เซียว สองคนนี้…”

จางซุนหวูจี๋ ได้มองไปที่ ลู่เฟิง”ตอนที่พวกเขาโจมตีเมืองว่านเหอของอาณาจักรหนานหยาน ก่อนหน้านี้ ก็ได้ถูกพระองค์ตัดศีรษะไปแล้ว”

ลู่เฟิง ยิ้มออกมา”อืม,ส่วน ชูหยี ที่พอจะมีฝีมือในการนำทัพ ก็ตกตตายไปแล้ว น่าเสียดาย…”

จางซุนหวูจี๋ ได้ถอนหายใจออกมา”ฝ่าบาท พระองค์มีแม่ทัพที่มากความสามารถอยู่ในมือ ข้าเกรงว่าแม้แต่ราชวงศ์บางราชวงศ์ก็ไม่อาจเทียบชั้นกับพระองค์ได้!”

ลู่เฟิง ได้สั่นศีรษะทันที

การที่จะเรียกได้ว่าเป็นราชวงศ์นั้นพวกเขาย่อมมีขุมกำลังที่ไม่ธรรมดา แม้ว่าตอนนี้ ลู่เฟิง จะไม่อ่อนเเอ แต่เขาก็มีความรู้ความเข้าใจในตนเองเมื่อเทียบกับราชวงศ์และเขาคิดว่าตอนนี้เขายังคงเทียบไม่ได้

แต่มันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น ด้วยระบบจักรพรรดิของเขา อำนาจของราชวงศ์ไม่ใช่เป้าหมายของเขา

“ส่งคำสั่งไปยังเมิ่งเถียน ให้จัดตั้งกองทัพขึ้นอีกครั้งพวกเราจะเดินทัพไปปิดล้อมเมืองหลิงหยาง!”

“ขอรับ!”

คำสั่งของ ลู่เฟิง ได้ถ่ายทอดไปยัง เมิ่งเถียน ไม่นาน กองทัพที่ถูกจัดตั้งขึ้นก็เริ่มเดินทางไปยังเมืองหลิงหยางทันที

ครึ่งวันต่อมาเวลาพลบค่ำกองทัพของพวกเขาก็เดินทางมาถึงเมืองหลิงหยางและเข้าปิดล้อม

ลู่เฟิง ไม่ได้ให้ทหารเปิดการโจมตีในช่วงเวลากลางคืน เขาได้ส่งกองทหารของเขาไปประจำการภายใต้เมืองแทนและปล่อยให้กองทัพหลักพักผ่อนรอพรุ่งนี้ค่อยยกทัพบุก

เมื่อเห็นกองทัพด้านล่างทางประตูทิศตะวันตกของเมืองหลิงหยาง ใบหน้าของผู้นำตระกูลหลายคนที่ปกป้องเมืองอยู่ดูไม่ค่อยดีนัก

หลายคนได้มองหน้ากันพวกเขาได้พูดคุยกันเกี่ยวกับการศึกครั้งนี้”ท่านมีแผนอะไร?”

“เดิมข้าคิดจะสู้ตายกับลู่เฟิงแต่ตอนนี้”ชายคนนี้ได้พูดขึ้น

“พี่หาน ท่านหมายความว่ายังไง ? ไม่ใช่ว่าที่เรามารวมตัวกันที่นี่เพื่อหาแผนการโต้ตอบอีกฝ่ายงั้นหรือ?”

คนผู้นี้ก็คือ หานหนิง หัวหน้าตระกูลหาน

หานหนิงมองไปที่คนอื่น ๆ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยและกล่าวพูดอย่างเคร่งขรึม”ทุกคนได้โปรดฟังก่อน ข้าจะพูดถึงความเห็นในส่วนของข้า!”

“ว่ามา!”

“ตระกูลของพวกเราไม่ใช่ตระกูลใหญ่โต เป็นเพียงตระกูลขุนนางเล็ก ๆ ก่อนหน้านี้ในศึกสงคราม ทหารของตระกูลพวกเราถูกสังหารไปมากกว่า 7-8 ส่วน เชื่อหรือไม่ว่าตอนนี้แม้แต่ทหารส่วนตัวของตระกูลหานของข้าก็เหลือไม่ถึง 500 คน ข้าคิดว่าตระกูลของพวกเจ้าเองก็ไม่ต่างกัน”หานหนิง ได้มองไปที่กลุ่มคนเหล่านี้

คนเหล่านี้ได้ยิ้มอย่างขมขื่นและพยักหน้าสถานการณ์ของพวกเขาคล้ายกับตระกูลหาน

หานหนิงได้กล่าวต่อไป”ก่อนหน้านี้ จักรพรรดิสุนัขชูจิน เห็นได้ชัดว่ามันจงใจปล่อยให้ทหารส่วนตัวจากตระกูลขุนนางใหญ่รอดและให้ทหารส่วนตัวจากตระกูลขุนนางเล็กอย่างพวกเราต้องไปสังเวย เพื่อรักษาอำนาจของตระกูลใหญ่ พวกมันไม่ลังเลที่จะสละชีวิตของพวกเราเป็นอาหารฝนลูกศรอย่างไร้ประโยชน์”

ใบหน้าของคนหลายคนเริ่มน่าเกลียดเห็นได้ชัดว่าพวกเขาอึดอัดมากกับสถานการณ์ในครั้งนี้

ถ้า ชูจิน ยอมให้ทหารส่วนตัวจากตระกูลขุนนางใหญ่เหล่านั้นผนึกกำลังร่วมกันโจมตีมีหรือที่พวกเขาจะพ่ายแพ้รวดเร็วเช่นนี้

แต่ทว่า จักรพรรดิสุนัขนั่น กลับ ไม่สนใจใยดีพวกเขาและไปเอาอกเอาใจพวกตระกูลขุนนางใหญ่ นี่มันเท่ากับการไม่เห็นหัวกันเลยแม้แต่น้อย

ตามที่คาดไว้ทหารส่วนใหญ่ที่เหลือรอดกลับมาล้วนแล้วแต่เป็นทหารของตระกูลขุนนางใหญ่ทั้งสิ้น

หึ่ม!

หานหนิง ได้สูดลมหายใจเข้าลึกและพูดออกมา”ตอนนี้ทุกคนคงจะเข้าใจแล้วว่าอาณาจักรซีหยางไม่สามารถอยู่ได้อีกต่อไปแล้ว!”

“พี่หาน ท่านคงไม่คิดจะ…”