บทที่ 216 ต่อสู้

บทที่ 216 ต่อสู้

อูซือม่านเอามือถูกัน เขารู้ดีว่าฮั่วเสวียนไม่คุ้นเคยกับอาหารหร่งตี๋

และนางยังป่วยอยู่…

“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เจ้าสามารถให้ห้องครัวเล็กตุ๋นไก่ ทำโจ๊ก หรือทำหมั่วโถวได้”

เอ๋อหว่าจาดูงุนงง “ท่านผู้นำ ที่กองทัพของเราไม่มีข้าวหรือไก่เจ้าค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าไปสั่งที่ครัวก็พอ ส่วนวัตถุดิบเดี๋ยวข้าจะให้คนเอาไปส่ง”

อูซือม่านรวบผมไปข้างหลังแล้วเกณฑ์กองทัพออกไป “ไปหาคนเลี้ยงสัตว์ที่อยู่รอบ ๆ เพื่อซื้อไก่และข้าว ซื้อให้ได้มากที่สุดเท่าที่เจ้าจะซื้อได้”

ท่านผู้นำกลุ่มก้าวไปข้างหน้าสองก้าว “ท่านผู้นำอู คนของหร่งตี๋ชอบกินเนื้อวัวและแกะนะขอรับ คนส่วนใหญ่อาจไม่มีไก่ในบ้าน”

อูซือม่านหัวเราะทันที “เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่ คิดว่าข้าไม่รู้เรื่องนี้หรืออย่างไร”

“ถ้ามันไม่มีเจ้าก็ไปให้ไกลกว่านี้ แล้วถ้ายังไม่มีอีกเจ้าก็ไปซื้อที่ต้าเซี่ย! ข้าต้องการข้าวและไก่ เข้าใจหรือไม่”

ท่านผู้นำกลุ่มถูกดุจนหน้าซีด “ท่านผู้นำอู ใจเย็นลงก่อน ข้าน้อยจะตามหาของพวกนี้ให้จงได้ขอรับ และจะทำตามคำบัญชาของท่านผู้นำอย่างไม่บกพร่อง”

เมื่อไม่มีใครอยู่ในกระโจมแล้ว อูซือม่านก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกจากกระโจมไป เขายืนอยู่ที่ประตูและมองไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

นั่นคือกระโจมที่ฮั่วเสวียนอยู่

แต่ทันใดนั้นเสียงของเฟ่ยชินทั่วก็ดังขึ้น “ท่านผู้นำอู”

อูซือม่านพึมพำเบา ๆ

“ข้าน้อยเห็นท่านยืนอยู่ตรงนี้เป็นเวลานานแล้ว ท่านมีเรื่องอะไรในใจหรือไม่ขอรับ”

อูซือม่านมองย้อนกลับไปและเห็นเฟ่ยชินทั่วสวมชุดเกราะ “คืนนี้เจ้าออกลาดตระเวนหรือ”

“ขอรับ ท่านผู้นำอู”

“เจ้าไปเถิด”

เฟ่ยชินทั่วเดินออกไปสองก้าว อูซือม่านก็เรียกเขาแล้วถามว่า “เจ้าคิดว่าบุรุษแบบไหนที่สตรีชอบ”

เฟ่ยชินทั่วยิ้ม ที่แท้สิ่งที่ท่านผู้นำอูกังวลคือเรื่องระหว่างชายหญิงนี่เอง

แต่เขาเกรงว่าคงจะไม่มีชายใดที่ดีไปกว่าท่านผู้นำแล้วกระมัง

“มันขึ้นอยู่กับนิสัยใจคอของสตรีขอรับ บางคนชอบเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่สวยงาม บางคนชอบความรักที่หวานชื่น บางคนชอบกิน และบางคนก็ชอบการหยอกล้อ”

“ทำในสิ่งที่นางชอบคือทางที่ถูกต้อง”

อูซือม่าน ทวนประโยคเหล่านี้ช้า ๆ ด้วยตัวเองอีกที ดูเหมือนเขาจะไม่รู้ว่าฮั่วเสวียนชอบอะไร

“ท่านแม่ทัพผู้แข็งแกร่งชอบแข่งขัน แม้แต่เหล่าบุรุษก็ไม่เก่งกาจเท่านาง ตามที่ข้าน้อยอย่างข้าบอก หญิงประเภทนี้มักมีความคิดสองแบบ”

อูซือม่านอดไม่ได้ที่จะถามว่า “อย่างไร”

เฟ่ยชินทั่วพูดอย่างมั่นใจว่า “หนึ่งคือเป็นหญิงสาวที่ชื่นชมในความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย นั่นคือมีความเป็นผู้นำ และสองคือหญิงสาวที่เห็นอกเห็นใจผู้ที่อ่อนแอกว่า หรือการที่อีกฝ่ายเป็นผู้ตามที่ดี ท่านผู้นำอาจจะต้องแสดงความแข็งแกร่งออกมา หรือไม่ก็ต้อง… เป็นผู้ตามที่ดี”

แสดงความอ่อนแอเพื่อเป็นผู้ตามที่ดีอย่างนั้นหรือ?

ชายสูงใหญ่และสง่างามอย่างเขาจะแสดงความอ่อนแอให้สตรีเห็นได้อย่างไร?

อูซือม่านตัดตัวเลือกนี้ออกโดยไม่ต้องคิด

เขาสามารถปรนเปรอฮั่วเสวียนได้ แต่เขาไม่สามารถปล่อยให้นางเหยียบหัวของเขาและทำตัวเป็นผู้มีอำนาจครอบงำเด็ดขาด!

รอยยิ้มขี้เล่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฟ่ยชินทั่ว “ท่านผู้นำอู ในเรื่องของชายหนุ่มหญิงสาว โดยเฉพาะเรื่องในบ้าน เราควรให้ความสำคัญกับความเคารพซึ่งกันและกันและความนับถือตนเอง อย่างการเป็นผู้ตามที่ดี บางครั้งก็เป็นความสุขที่หาได้ยากนะขอรับ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อูซือม่านก็เริ่มคิดอย่างจริงจัง ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะตระหนักได้ว่าเฟ่ยชินทั่วยังอยู่ข้าง ๆ เขาต้องกระแอมถึงสองครั้ง “เจ้ากล้าดีอย่างไรมาสอนข้า เจ้ามันคนหยาบกระด้างที่ยังไม่แต่งงานเช่นกันไม่ใช่หรือ?”

“ก็ท่านถามข้าเองไม่ใช่หรือขอรับ?”

ถ้าจะผิดก็คือเลือกถามคนผิดเพียงเท่านั้น

เฟ่ยชินทั่วกุมมือของเขา “ท่านผู้นำอู ข้าน้อยผู้นี้ยังต้องออกไปลาดตระเวน ข้าขอตัวก่อน แต่สิ่งที่ข้าเพิ่งพูดไปนั้นมาจากประสบการณ์หลายปีของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างข้า ท่านอาจลองดูก็ได้ แม้ว่ามันจะเปล่าประโยชน์ แต่ก็คงไม่เสียหาย”

คืนนั้น อูซือม่านจัดการเรื่องการทหารในค่ายจนถึงดึกดื่น และเมื่อถึงเวลาที่ควรจะพักผ่อน เขาก็เดินไปที่กระโจมของฮั่วเสวียนโดยไม่สามารถหักห้ามใจตนเองได้

ส่วนเอ๋อหว่าจาได้ยินเสียงดังและออกมาตรวจสอบ นางไม่คาดคิดว่าจะเป็นท่านผู้นำ

“นางนอนหรือยัง”

“นอนแล้วเจ้าค่ะ หมอหญิงมาดูแผลก่อนนอนแล้วใส่ยาให้”

อูซือม่านพยักหน้าและเดินเข้าไปในกระโจม

ฝีเท้าของเขาเบามาก กอปรกับวรยุทธ์ของเขา ฮั่วเสวียนที่หลับใหลอยู่จึงไม่ได้สังเกตเห็น

อูซือม่านเดินไปที่ข้างเตียง ดีที่ได้แสงสลัวจากเทียน ทำให้ตาของเขาจับจ้องไปที่ฮั่วเสวียนอย่างระมัดระวัง

ดวงตาโค้งเหมือนจันทร์เสี้ยว ขนตาหนายาว ผิวบอบบางและเรียบเนียน ใบหน้าดูเหมือนเยาว์วัยน่าทะนุถนอม

แม้แต่ติ่งหูก็ยังเล็ก

ไม่มีลูกกระเดือก

นี่เขาตาบอดตั้งแต่แรกหรืออย่างไร? เหตุใดถึงไม่สงสัยอะไรเลย

หลังจากนั่งสักพัก อูซือม่านก็กำชับเอ๋อหว่าจาให้ดูแลฮั่วเสวียนให้ดีก่อนจะจากไป

ฮั่วเสวียนใช้ชีวิตด้วยการกินแล้วนอนอยู่หลายวัน สีหน้าของนางก็ค่อย ๆ ดีขึ้น แต่พอดีขึ้นนางก็ไม่นอนหลับระหว่างวันอีก

อาหารก็เปลี่ยนจากการกินเนื้อวัวและเนื้อแกะที่ไม่คุ้นเคยเป็นไก่และข้าว

เมื่อหมอหญิงมาทำแผลให้ หมอหญิงก็จะพูดคุยกับนางเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ นอกกระโจมเป็นครั้งคราว “เข่อลี่น่า ท่านไม่รู้หรอกว่าหญิงสาวที่อยู่ด้านนอกอิจฉาท่านเพียงใดที่ท่านผู้นำทำกับท่านเหมือนสมบัติล้ำค่าเช่นนี้”

ฮั่วเสวียนได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้แสดงทีท่าสนใจมากนัก

หมอหญิงคิดแต่เพียงว่านางทะเลาะกับท่านผู้นำ “ช่วงนี้ท่านป่วย เหล่าหญิงสาวภายใต้การดูแลของท่านผู้นำก็เอาแต่ทะเลาะกัน แต่ไม่กล้าเอะอะ เพราะท่านผู้นำได้กำชับเอาไว้ ฉะนั้นท่านต้องระวังแม่นางหุยเค่อตงไว้ให้ดี เพราะช่วงนี้นางอารมณ์ไม่ค่อยดี”

ฮั่วเสวียนขมวดคิ้ว “หุยเค่อตงคือใคร”

“หุยเค่อตงเป็นที่โปรดปรานมากที่สุดในบรรดาหญิงสาวของท่านผู้นำ นางเป็นบุตรสาวคนสุดท้องของผู้นำเผ่าซีซี ก่อนหน้านี้ ทุกคนคาดเดาว่าแม่นางหุยเค่อตงจะกลายเป็นภรรยาของผู้นำ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าท่านผู้นำจะเลือกท่าน”

นางไม่สามารถสู้สตรีจากต้าเซี่ยได้

“ข้าได้ยินว่าท่านผู้นำส่งทหารไปซื้อไก่ให้ท่านเพื่อประกอบอาหารมาบำรุงร่างกาย และขอให้ข้าดูแลท่านแค่คนเดียว แม่นางหุยเค่อตงก็ไม่พอใจ ทำลายข้าวของที่ค่ายแตกเป็นเสี่ยง ๆ”

ฮั่วเสวียนดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจ “แล้วอูซือม่านว่าอย่างไรบ้าง”

หมอหญิงรีบปิดปากของนาง “หยุดเรียกท่านผู้นำด้วยชื่อของเขาเถิดเจ้าค่ะ หญิงคนก่อนที่หยาบคายกับเขาเช่นนี้ก็ถูกจัดการไปแล้ว”

ฮั่วเสวียนเลิกคิ้วแต่ก็ปล่อยหมอหญิงผู้นี้พูดไป

หมอหญิงหน้าแดง “ขอโทษที่ข้าหยาบคาย”

“แม่นางหุยเค่อตงจงใจสร้างเรื่องเพื่อเรียกร้องความสนใจจากท่านผู้นำ แต่คราวนี้ท่านผู้นำไม่ได้ก้าวเข้าไปในกระโจมของนาง จนคนรับใช้ก็กระจายข่าวโดยบอกว่าหุยเค่อตงไม่ค่อยชอบใจ”

ฮั่วเสวียนฟังเอาสนุก เผ่าซีซีเป็นหนึ่งในสี่เผ่าหลักของหร่งตี๋ รองจากเผ่าซ่าถ่าที่อูซือม่านถือกำเนิด ตราบใดที่พ่อของหุยเค่อตงยังคงเป็นผู้นำของเผ่าซีซี อูซือม่านจะไม่ส่งนางลงไปในนรกแน่

อย่างมากก็แค่ส่งนางไปข้างนอกสองสามวัน

อย่างไรก็ตาม หุยเค่อตงคงไม่ถือโอกาสนี้หลบหนี

ท้ายที่สุดแล้ว ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร

เมื่อหมอหญิงออกไป ฮั่วเสวียนมองไปที่เอ๋อหว่าจา “ข้าอยากไปเดินเล่น”

เอ๋อหว่าจาก้มหัวลง “ท่านผู้นำบอกว่าท่านไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากกระโจมนี้เจ้าค่ะ”

“แต่ถ้าข้าอยากออกไปล่ะ”

เอ๋อหว่าจาพูดอย่างหนักแน่นว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านต้องเอาชนะข้าให้ได้ก่อน”

มุมปากของฮั่วเสวียนโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็น นางหยิบตะเกียบบนโต๊ะขึ้นมาและพุ่งไปแตะที่คอของเอ๋อหว่าจา

“หากข้ามีมีดอยู่ในมือ เจ้าคงตายไปแล้ว”

เอ๋อหว่าจาตกใจและพูดตะกุกตะกัก “ท่าน… พลังภายในของท่านถูกผนึกไว้ไม่ใช่หรือ?”

“ไม่ต้องใช้กำลังภายในในการฆ่าเจ้าหรอก”

หลังจากอยู่ด้วยกันมาสองสามวัน ฮั่วเสวียนรู้สึกถึงความแข็งแกร่งของเอ๋อหว่าจาได้อย่างชัดเจน ถือได้ว่านางมีพื้นฐานในวรยุทธ์ แต่กระนั้นก็ยังห่างไกลจากความเชี่ยวชาญ

คนที่มีพลังมากคือคนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดและคอยเฝ้าดูนางต่างหาก!

ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฮั่วเสวียน นางยังไม่สามารถสู้ได้