ตอนที่ 171 บัดซบ

อวี้ชิงลั่วแอบสูดหายใจเข้าลึก ๆ นางหยิบตะเกียบขึ้นมาใหม่อีกครั้ง คีบเนื้อปลาที่เขาเพิ่งคีบให้ใส่เข้าปาก กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “ดูเหมือนว่าจะยังหิวอยู่ ข้ากินอีกสักหน่อยดีกว่า”

เย่ซิวตู๋มองมุมปากสีแดงสดของนางด้วยความพึงพอใจ มองนางเคี้ยวอาหารอย่างละเอียด เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออย่างห้ามไม่อยู่ พูดเบี่ยงเบนหัวข้อสนทนาว่า “เจ้ากินต่อเถอะ ให้ข้าพูดก็พอแล้ว”

อวี้ชิงลั่ววางตะเกียบในมือลง บ้าเอ๊ย แล้วจะให้นางกินหาสวรรค์วิมานอะไรอีกล่ะ

“เรื่องที่เจ้าไปจวนอวี๋ หลังจากนี้ข้าจะไม่ห้ามเจ้า” หลังจากทราบเรื่องที่อวี๋จั้วหลินสัตว์เดรัจฉานนั่นทำไว้ เย่ซิวตู๋ก็ไม่คิดจะปล่อยเขาไปง่าย ๆ อวี้ชิงลั่วอยากแก้แค้นเขามิใช่หรือ? ก็ได้ เขาจะปล่อยให้นางทำ และคอยปกป้องนาง หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริง ๆ เขาจะรับผลที่ตามมาแทนนางเอง นางไม่มีทางชอบอวี๋จั้วหลินคนนั้นอีกแล้ว หากนางตาบอดหรือกินหญ้าจริง ๆ เช่นนั้นเขาคงได้หักคออวี้ชิงลั่วแน่

อวี้ชิงลั่วแอบรู้สึกประหลาดใจ เหตุใดคนคนนี้ถึงได้เปลี่ยนเป็นคนคุยง่ายเช่นนี้?

“แต่…” เย่ซิวตู๋ชะงัก เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง

อวี้ชิงลั่วลอบถอนหายใจ ว่าแล้วเชียวว่าต้องมีคำว่า ‘แต่’ ตามท้าย

“หลังจากนี้ เจ้าต้องอยู่ให้ห่างจากเสนาบดีฝั่งขวาให้มากสักหน่อย อยู่ใกล้เขามากเกินไปไม่เป็นผลดีแม้แต่น้อย” เย่ซิวตู๋เผยสีหน้าเคร่งขรึม อวี๋จั้วหลินเป็นเศษสวะ อำนาจก็มีไม่มาก ทว่าหลีจื่อฟานคนที่ภายนอกดูอ่อนโยนอยู่เสมอกลับลอบสังหารคนได้ต้องป้องกันไว้ เขาย่อมทราบความสามารถของเสนาบดีฝั่งขวาดีกว่าอวี้ชิงลั่ว การที่อีกฝ่ายมีท่าทีเช่นนี้ต่ออวี้ชิงลั่วเขาย่อมคาดเดาได้

ดังนั้นบุคคลผู้นั้นจึงเป็นคนที่อันตรายที่สุด ย่อมต้องอยู่ให้ห่างจากเขาสักหน่อย

กับอวี้ชิงลั่วผู้นี้ ดอกท้อเบ่งบานสะพรั่ง(1)ยิ่งกว่าเขาเสียอีก

อวี้ชิงลั่วเม้มปาก พูดตามความจริงแล้วนางก็เห็นด้วยกับคำพูดของเย่ซิวตู๋อย่างมาก อยู่ใกล้กับหลีจื่อฟานมากเกินไปย่อมไม่เกิดผลดี

ไม่เพียงแต่ตอนนี้นางไม่รู้จักเขาสักนิด ความรู้สึกอันลึกซึ้งในก้นบึ้งจิตใจของเขาก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่มีต่อตนเลย หลีจื่อฟานเคยสนิทและคุ้นเคยกับอวี้ชิงลั่วคนเดิมมาก นางจึงคิดว่าบุคคลผู้นี้อันตรายอย่างยิ่ง อาจมีข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวนางได้ตลอดเวลา

คิดเช่นนี้ นางจึงพยักหน้าอย่างห้ามไม่อยู่ “เรื่องนี้ข้าทราบแล้ว ข้าจะออกห่างจากเขาให้ไกล เรื่องวุ่นวายเหล่านี้ ข้าไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว”

“อืม” เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนี้ของนาง เย่ซิวตู๋จึงรู้สึกพึงพอใจ สีหน้าบนใบหน้าของเขาก็ผ่อนคลายลงเช่นเดียวกัน มุมปากปรากฎรอยยิ้มที่คุ้ยเคย “ดังนั้นนอกจากฉินซงแล้ว ข้าจะหาผู้พิทักษ์ทมิฬให้เจ้าหนึ่งคนด้วย”

“…” อวี้ชิงลั่วหันหน้ากลับมา นางรู้สึกได้ว่าพูดไปพูดมา นี่ต่างหากล่ะคือเป้าหมายสุดของเขา

“เจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อนปฏิเสธ ผู้พิทักษ์ทมิฬไม่เพียงแค่คุ้มกันความปลอดภัยของเจ้าเท่านั้น ฉินซงออกไปขวางเสนาบดีฝั่งขวาถึงสองครั้งแล้ว เจ้าคิดว่าจากความฉลาดปราดเปรื่องของเสนาบดีฝั่งขวา เขาจะปล่อยให้ตนเองถูกขัดขวางเป็นครั้งที่สามโดยไม่ทำอะไรหรือ? กลับไปครั้งนี้ หลีจื่อฟานคงหาคนมาติดตามตนเอง หากฉินซงออกไปขวางอีกครั้ง คนของเขาย่อมต้องออกมาขัดขวางฉินซง” เย่ซิวตู๋เอ่ยปากพูด เขาพอจะคาดเดาสิ่งที่อยู่ในใจของหลีจื่อฟานได้แปดถึงเก้าส่วนแล้ว

อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลงเล็กน้อย เย่ซิวตู๋ผู้นี้เดาใจคนได้ดีจริง ๆ บุรุษเช่นนี้มีความอันตรายอย่างมาก นางรู้สึกว่าคงต้องออกห่างจากเขาเช่นกัน

คิดเช่นนี้ อวี้ชิงลั่วก็เริ่มนั่งไม่ติดที่แล้ว นางพยักหน้าตอบรับคำขอของอีกฝ่าย “ตกลง สองคนก็สองคน สำหรับข้าก็ไม่ได้ต่างอะไรมากมาย ตอนนี้คุยกันจบแล้ว ไม่มีอะไรแล้วใช่หรือไม่? เช่นนั้นข้ากลับห้องล่ะ ข้ายังต้องปรุงยาให้เย่หลานเฉิงอีก วันพรุ่งท่านช่วยนำเข้าไปให้เข้าในวังด้วย”

สตรีผู้นี้ เริ่มหนีไปอีกแล้ว

เย่ซิวตู๋เริ่มขบฟันเพราะทนไม่ไหว ทว่ายังคงนั่งนิ่งดุจเขาไท่ซานอยู่ตรงนั้น ไม่ได้ลุกขึ้นยืนและไม่ได้เอ่ยปากห้ามนาง

จนกระทั่งอวี้ชิงลั่วออกไป เขาจึงเบนสายตามองโม่เสียนที่เดินเข้ามา เอ่ยถามเสียงเบา “ได้เรื่องอะไรมาบ้าง?”

“สาวใช้เยว่ซินผู้นั้นปากแข็งมาก นางไม่เอ่ยปากพูดถึงเรื่องเกี่ยวเสนาบดีฝั่งขวาและแม่นางอวี้แม้แต่คำเดียว แต่ตอนที่ข้าน้อยไปยืนอยู่หน้าห้องแม่นางอวี้ ข้าน้อยได้ยินเยว่ซินพูดอยู่หนึ่งประโยค ดูเหมือนนางจะพูดว่าเสนาบดีฝั่งขวารักแม่นางอวี้มาก”

เย่ซิวตู๋มีสีหน้าเคร่งขรึม นิ้วมือกำเข้าหากันเล็กน้อย

โม่เสียนเห็นเช่นนี้ ก็รีบขยับเข้ามาใกล้อีกครั้ง มุมปากปรากฏรอยยิ้ม “แต่ท่านอ๋อง ข้าน้อยได้ยินเรื่องสำคัญมาอีกเรื่องหนึ่งด้วยขอรับ เยว่ซินสาวใช้ผู้นั้นกล่าวว่า เป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหกปีก่อน ทำให้แม่นางอวี้ลืมคนและเรื่องราวเกือบทั้งหมด แม้แต่ชื่อของเยว่ซินนางก็จำไม่ได้ เรื่องเกี่ยวกับเสนาบดีฝั่งขวาผู้นี้ นางยิ่งลืมไปจนหมดสิ้น ดังนั้น นายท่าน…”

เขามีหนานหนานมาคนหนึ่ง จึงย่อมอยู่เหนือกว่า

ผลลัพธ์ที่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้ เย่ซิวตู๋ได้ยินเรื่องนี้ คิ้วพลันเลิกขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ “ลืมเรื่องทั้งหมดงั้นหรือ?”

“ขอรับ” โม่เสียนนึกถึงเรื่องเหล่านี้ที่เยว่ซินพูดด้วยสีหน้าเศร้าโศก เขาจึงรู้สึกอยากยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

ทว่าสาวใช้คนนั้นไม่ถึงกับโง่เขลาเสียทีเดียว ท้ายที่สุดนางก็สังเกตได้ว่าตนเองตกหลุมพราง จึงเกิดความขุ่นเคือง วิ่งหนีไปทั้ง ๆ ที่กินข้าวไปได้แค่นิดเดียว

“เฮ้อ…” เยว่ซินยังจะกินข้าวลงอีกหรือ? ตอนที่นางวิ่งกลับมาที่หน้าห้องของอวี้ชิงลั่ว นางแทบอยากจะใช้ความตายเพื่อไถ่โทษ

เหตุใดนางถึงได้โง่เขลาเช่นนั้น? นางกลับพูดออกไปทั้งหมด แม้ตอนนี้คุณหนูจะพักอาศัยอยู่ในตำหนักอ๋อง แต่ตระกูลใหญ่ก็มีมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นจวนที่เป็นเหมือนกับตำหนักอ๋องเช่นนี้ ย่อมต้องมีมากกว่านี้ เหตุใดแค่นางกลับมาอยู่ข้างกายคุณหนู นางก็สร้างเรื่องเสียแล้ว?

ตอนที่อวี้ชิงลั่วกลับมาที่ห้องของตนเอง นางก็พบว่าสาวใช้คนนี้กำลังนั่งย่อตัวทึ้งผมอยู่บนพื้นร้องไห้ด้วยความเศร้าโศก

คงเป็นเพราะเห็นเงาคนอยู่ตรงหน้า เยว่ซินชะงักไปเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นในทันที ครั้นพบว่าเป็นอวี้ชิงลั่ว น้ำตาก็เริ่มไหลพรากลงมา “คุณหนู บ่าวขอโทษเจ้าค่ะ”

“…” น้ำตานี้ ไหลลงมาเร็วไปหน่อยกระมัง อวี้ชิงลั่วผลักประตูให้เปิดออกก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปด้านในก่อน จากนั้นจึงหันมาพูดกับเยว่ซินที่กำลังนั่งยอง ๆ อยู่บนพื้น “เข้ามาก่อนแล้วค่อยพูด เจ้าไปทำอะไรมาถึงต้องขอโทษข้า?”

เยว่ซินปิดประตูอย่างระมัดระวัง เงยหน้ามองคุณหนูอย่างระมัดระวังอีกครั้ง ครั้นเห็นนางหมุนกายหยิบขวดกระเบื้องเคลือบแต่ละขวดออกมาจากด้านในตู้ แม้ว่าภายในใจจะไม่เข้าใจ แต่ก็เล่าบทสนทนาระหว่างนางและโม่เสียนให้อวี้ชิงลั่วฟัง

อวี้ชิงลั่วหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก นางหนูคนนี้ซื่อตรงเกินไปหน่อยจริง ๆ

หากเป็นแบบนี้ต่อไปเห็นทีคงไม่ได้ หลังจากนี้หากนางพาเด็กคนนี้ออกไปข้างนอก นางจะไม่นำเรื่องอื่น ๆ แพร่งพรายออกไปหรอกหรือ? โดยปกติแค่มีหนานหนานที่เอาแต่หลอกนางก็พอทนแล้ว หากมีมาเพิ่มอีกคน นางคงได้ปวดหัวจนหัวโตแน่

“คุณหนู เป็นเพราะบ่าวดีใจจนลืมตัว คุณหนู…คุณหนูลงโทษบ่าวเถอะเจ้าค่ะ หรือไม่…หรือไม่ก็ส่งบ่าวไปเป็นสาวใช้สำหรับทำงานหนักก็ได้เจ้าค่ะ” เยว่ซินรู้สึกละอายใจและลำบากใจมากจริง ๆ

มุมปากอวี้ชิงลั่วกระตุกวูบ นางไม่พูดอะไร ภายในใจกำลังนับจำนวนขวด จนกระทั่งวางขวดกระเบื้องเคลือบขวดสุดท้ายลงบนโต๊ะ ตอนที่หันกลับไปเพื่อนำขวดอื่น ๆ จัดเรียงภายในตู้ไว้เรียบร้อย จู่ ๆ คิ้วของนางก็ขมวดมุ่นเข้าหากัน นางใช้ฝ่ามือตบลงบนโต๊ะแรง ๆ จนเกิดเสียง “ปัง” ดังขึ้น “บัดซบ”

…………………………………………………………………………………

เป็นสำนวน แปลว่าการตกหลุมรัก

สารจากผู้แปล

เอาผ้าอุดจมูก ไม่ไหวแล้วค่ะ กลิ่นน้ำส้มฉุนรุนแรงไปหมด

ท่านอ๋องเจอคู่แข่งเสียแล้วสิ

ไหหม่า(海馬)