ตอนที่ 241 ความร้อนนรกช่วงวันหยุดฤดูร้อนเริ่มต้นขึ้น

คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

241 ความทรงจำช่วงวันหยุดฤดูร้อนเริ่มต้นขึ้น

 

การเริ่มต้นเป็นเรื่องยากเสมอ แต่เมื่อได้เริ่มต้นไปแล้ว สิ่งต่าง ๆ ก็มักจะผ่านไปในพริบตา

การฝึกต่อสู้จริง และการพัฒนาเครื่องจักรต้นแบบม้าจักรกลดำเนินไปอย่างราบรื่นไม่มีปัญหาใหญ่ใด ๆ และผลลัพธ์ก็บรรลุผลอย่าง 

 

ฤดูใบไม้ผลิผ่านไปในชั่วพริบตา และฤดูร้อนก็มาถึง

ราวกับพริบตา หนึ่งปีที่ฉันใช้ในโรงเรียนทหารจักรกลผ่านไปแล้ว และหลังจากวันหยุดฤดูร้อนอันยาวนาน ฉันก็เลื่อนขึ้นสู่ชั้นประถามศึกษาปีที่สี่

 

“――น่าจะใกล้เวลาลุยเดียวแล้วสินะ……?”

 

“――ยังหรอก น่าจะยังยากไปอยู่”

 

“――มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากจะทำหรอกนะ?”

 

“――หมายถึงขึ้นอยู่กับคนอื่นหรือ?”

 

“――รู้สึกว่ามันเร็วเกินไปนิดหน่อย”

 

ซิลเลน、อีส、ลิวิเซล、แคลนอลล์、และอิลก์

 

แม้ว่าจำนวนผู้เข้าร่วมจะแตกต่างกันไปในแต่ล่ะครั้ง แต่การฝึกต่อสู้จริงก็ทำได้มากสุดสัปดาห์ละสามครั้ง น้อยสุดคือสัปดาห์ละครั้ง

 

ครั้งนี้ถือว่าบังเอิญมากที่ทั้งห้าคนอยู่พร้อมหน้ากัน ครั้งนี้เองพวกเขาก็อยู่ระหว่างกำลังฝึกต่อสู้กับแมลง ขณะอยู่ภายใต้การเฝ้าดูจากผู้คนในป้อมเช่นเคย

 

เหล่าลูกศิษย์ที่กลายเป็นเหมือนจับปาร์ตี้กันแม้ว่าจะไม่ได้เตรียมการไว้ก็ตาม ล่าสุดพวกเขาเริ่มแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือที่ดีแล้ว

ด้วยเหตุนี้ ฉันคิดว่าถ้าพวกเขามีกันห้าคน ก็น่าจะสามารถต่อสู้กับมดที่มีมากกว่าสองเท่าได้

 

สิ่งสำคัญที่สุดคือ พวกเขาไม่ต้องการคำแนะนำจากฉันอีกต่อไป และเริ่มเห็นแล้วว่าจำเป็นต้องการอะไร และต้องทำอะไรด้วยตัวเอง 

 

เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น ส่วนที่เหลือก็จะเติบโตเอง

ฉันจะพูดเฉพาะเมื่อพวกเขาร้องขอคำแนะนำเองเท่านั้น

 

――มีเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เล็กน้อย เมื่อพิจารณาว่าริโนกิสมีงานยุ่งแค่ไหน เมื่อฉันขอให้เธอทำงานบ้าน ดูแลพวกเด็ก ๆ ทำอาหาร และโดยเฉพาะความพยายามในการทำขนม

ฉันหวังว่าพวกเขาจะไม่หย่อนยานเหมือนเธอ

 

ไม่สิ ไม่เป็นไรหรอก

นอกจากอีส จุดประสงค์ของพวกเขาคือเพื่อกำจัดแมลง

 

ฉันพยายามทำให้การฝึกต่อสู้จริงอยู่ในความปลอดภัยเสมอ แต่อาจถึงเวลาที่ฉันจะต้องอนุญาตให้พวกเขาฝึกโดยไม่มีฉัน

 

……ไม่สิ ยังเร็วเกินไป ที่เลวร้ายที่สุดมันอาจกลายเป็นปัญหาที่คุกคามถึงชีวิต ดังนั้นมารอดูไปอีกสักพักกันก่อนดีกว่า

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจุดพีคของฤดูร้อนอยู่ต่อจากนี้ไป

ฉันอยากจะให้ความสนใจกับแนวโน้มที่แมลงจะออกมาเคลื่อนไหวมากขึ้นด้วย

 

“――เนียจัง รอบนี้ใช้ได้เลยเน๊”

 

ระหว่างพักเบรค ฉันเฝ้าดูทั้งห้าคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

ต้นแบบม้าจักรกลสี่ล้อหมายเลขสิบเอ็ด ที่อาคาชิเอาไปขับทั่วบริเวณนี้กลับมาแล้ว

 

“ดูเหมือนว่าจะดีขึ้นทุกครั้งเลยล่ะ โดยเฉพาะครั้งนี้ ฉันขับมาได้ไกลขนาดนี้โดยไม่มีอะไรเสียหายเลย”

 

ฉันไม่เข้าใจหลักการโดยละเอียดเท่าไหร่

ทว่า ในแง่ของความสะดวกสบายในการขับขี่ รถต้นแบบรอบนี้มีคุณสมบัติของความยืดหยุ่นซึ่งแตกต่างจากรุ่นแรกอย่างสิ้นเชิง

 

ล้อจมได้ที่ช่วยลดแรงกระแทก

พูดให้ถูกคือ ดูเหมือนว่ามีก้านที่เชื่อมต่อกับตัวรถและล้อที่สามารถขยายและหดตัวได้

 

“คงไม่เป็นไรหรอก?”

 

“หืม? อาร๊ายเหรอ?”

 

เฮะเฮะ เธอยังหัวเราะเจ้าเล่ห์อย่างเช่นเคย

 

――ความยืดหยุ่นของต้นแบบนี้ ดูเหมือนว่าเป็นเทคโนโลยีที่เดิมใช้ในทหารเครื่องจักร

 

มันจะยุบลงเมื่อมีแรงกด และมีความยืดหยุ่นพอที่จะดันกลับ……ฉันคิดว่ามันสร้างความนุ่มนวล

ยังไงก็ตาม พี่ชายคนโตในสามพี่น้องของโรงงานไฟรช์ซึ่งเป็นคนดูแล บอกว่ามันเป็นการจัดการที่ยากสุด ๆ ส่วนที่จมเต็มไปด้วยเมือกที่ถูกบีบอัด

 

อาคาชิแอบจัดหาเทคโนโลยีมาให้งั้นเหรอ ฉันเลยพูดออกไป

 

“ความลับของทหารจักรกลนั้นเป็นความลับระดับชาติไม่ใช่เหรอ?”

 

“หืมー? ฉ๊านไม่เห็นเข้าจ๊ายเลยว่าพูดถึงอาร๊าย แต่ว่าในที่สุดทุกคนก็จ๊ารู้อยู่ดี เพราะงั้นม๊ายเป็นร๊ายหรอก ฉ๊านคิดว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ทุกอย่างยกเว้นส่วนพลังงานของทหารจักรกลจะกลายเป็นเทคโนโลยีทั่วไปล๊า”

 

“เป็นอย่างงั้นเหรอ?”

 

“อืม ก็เพราะม้าจักรกลใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้วง๊ายเน๊”

 

……เข้าใจล่ะ

 

 ดาลอนซึ่งมาจากบริษัทเซโดนี ได้ศึกษามาเวเลียอย่างรอบคอบ และเมื่อเวลาผ่านไป เขาก็พี่งตัดสินใจที่จะเปิดสาขาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้

 

นอกจากนี้เขายังบอกว่าต้องการใช้ม้าจักรกลที่ฉันแนะนำเป็นผลิตภัณฑ์หลักด้วย ดังนั้นเมื่อสร้างเสร็จแล้ว เขาอาจจะรีบไปเซ็นสัญญากับโรงงานไฟรซ์

 

หากม้าจักรกลถูกปล่อยสู่โลกภายนอก เทคโนโลยีที่ใช้ในการสร้างม้าจักรกลก็จะแพร่กระจายออกไปด้วย

แน่นอนว่าในต่างประเทศด้วย

 

ฉันแน่ใจว่าสิ่งที่คล้ายกันจะได้รับการพัฒนาตามรอยเท้าของพวกเขาแน่นอน ……ม๊า ถ้าม้าจักรกลขายดี ทว่า ต่อให้ขายแย่ไหนฉันก็จะขับต่อไป!

 

“ฉ๊านก็รู้สึกเศร้านิดหน่อนน๊า แต่ช่วงนี้ฉ๊านได้เห็นสิ่งต่าง ๆ มากมายที่ดูเหมือนจะกลายเป็นจุดสิ้นสุดของยุคที่ต้องพึ่งพาทหารจักรกลเพียงอย่างเดียวแล้วเน๊ ฉ๊านไม่คิดว่าจะมีเหตุผลอาร๊ายที่จะต้องพยายามซ่อนมันอีกต่อป๊าย――ม๊า ฉ๊านก็ไม่รู้อาร๊ายเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยเน๊ สงสัยจ๊างว่าข้อมูลรั่วไหลมาจากไหนกันเน๊”

 

…………

 

หมดยุคสินะ

 

ใช่ มันเป็นไปได้แล้วที่มนุษย์ที่มีเลือดเนื้อจะสามารถต่อสู้กับแมลงที่เคยมีแค่ทหารจักรกลเท่านั้นที่สามารถต่อกรด้วยได้

สำหรับมาเวเลียแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ตอนนี้อาจเป็นจุดสิ้นสุดและเป็นจุดเริ่มต้นของยุคสมัยใหม่อย่างแน่นอน

 

――ม๊า เอาจริงฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน

 

เพราะพวกเขาคือคนที่ต้องสร้างยุคสมัยใหม่ของมาเวเลียขึ้นมา ไม่ใช่ฉัน

ฉันแค่สอนพวกเขาถึงพลังที่ใช้ในการต่อสู้เท่านั้น ขึ้นอยู่กับพวกเขาที่จะตัดสินใจว่าจะใช้พลังนั้นอย่างไร

 

ถ้าพวกเขาต้องการใช้พลังเพื่อยุติยุคสมัยของทหารจักรกล นั่นก็ไม่เป็นไรหรอก ถึงฉันจะไม่ได้ต้องการมากขนาดนั้นก็ตาม

 

“แต่ ซ๊า กะแล้วสองล้อดีกว่าเน๊”

 

“ใช่แล้วเน๊ สี่ล้อก็ใช่ได้หรอก แต่ยังไงก็ต้องสองล้อเน๊”

 

「ไม่สำคัญว่าจะเป็นรถสองล้อหรือสี่ล้อ แค่สร้างไว้สำหรับการใช้งานนอกเมือง」หลังจากฉันสั่งไปแบบนั้น การพัฒนาสี่ล้อก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว

ท้ายที่สุด ตามอุดมคติก็ต้องม้าจักรกลสองล้อ

 

 

 

หนึ่งปีผ่านไปแล้ว นับตั้งแต่ที่ฉันกับริโนกิสมาถึงมาเวเลีย

แม้ว่าจะมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น ม๊า ฉันเดาว่าอย่างน้อยก็สามารถพูดได้ว่าในที่สุดสิ่งต่าง ๆ ก็มั่นคง

 

แม้ว่าปัญหาบางส่วนจะยังคงอยู่ แต่ฉันคิดว่าปัญหาเหล่านั้นจะค่อย ๆ ดีขึ้นเอง

 

หากชีวิตยังคงมั่นคงแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ภายในสิ้นปีนี้ ฉันอาจจะสามารถเชิญเจ้าชายฮิเอโระมา และสร้างฐานที่มั่นสำหรับการแนะนำเมจิกวิชั่นได้

 

ฤดูร้อนปีนี้

ฉันหวังว่าจะได้เห็นอนาคตของมาเวเลียเพิ่มเติมอีกสักหน่อย ผ่านการเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของแมลง ผ่านการเฝ้าดูการเติบโตของพวกซิลเลน――

 

 

 

สิ่งที่เกิดขึ้นตอนที่ฉันกำลังคิดถึงเรื่องนี้

 

 

 

“เนียจัง ฉ๊านมีข่าวร้ายมาบอก”

 

วันหยุดฤดูร้อน

ในวันนี้ซิลเลนซึ่งมาพักที่นี่ตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว และอีสซึ่งมาพักที่นี่ตั้งแต่ปิดเทอมฤดูร้อน ก็ยุ่งอยู่กับการฝึกซ้อมเช่นเดิม

 

อาคาชิจะมาพักค้างคืนบ้างในบางวัน แต่มักจะมาที่คฤหาสน์ตรงเวลาขนมบ่อย ๆ แต่――

 

วันนี้มาตั้งแต่เช้า

แล้วบรรยากาสก็แตกต่างไปจากปกติ

 

จริงๆ แล้ว ตอนที่ฉันเห็นใบหน้าที่ไม่เจ้าเล่ห์ของเธอ ฉันก็รู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น

 

“เป็นเรื่องยากที่จะพูดเหรอ?”

 

“อืม ถ้าเป็นไปได้ บางทีเราอาจจะคุยกันแค่สองคน”

 

งั้นเหรอ

 

“หยุดพักสักหน่อยก็แล้วกัน”

 

หลังจากอนุญาตให้พัก ซิลเลนกับอีสทรุดตัวลงอย่างหมดแรง――บางทีน่าจะเริ่มชินกับการคงสภาพ「คิ」แล้ว

 

“――ที่นี่ได้ไหม?”

 

ฉันเผชิญหน้ากับอาคาชิที่มุมหนึ่งของสวนห่างจากสนามฝึกซ้อม

 

“ได้โปรดสงบสติอารมณ์ และฟังเฉย ๆ ทีเน๊ะ ฉ๊านเองก็ไม่เต็มใจเหมือนกัน”

 

“คงเป็นเรื่องใหญ่ที่รบกวนจิตใจที่สงบของฉันสินะ ช่วงนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในมาเวเลียใช่ไหม? ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ทำให้ฉันอารมณ์เสียได้หรอก”

 

ก็น๊า ถึงจะถูกโจมตีโดยทหารจักรกลหลายเครื่องในตอนกลางคืน ได้ไปต่อสู้กับแมลงจำนวนมากมายมหาศาล และก็ทำลายมาเฟียด้วย

ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ได้อารมณ์เสีย

 

หากมีสิ่งใดที่ทำให้ฉันอารมณ์เสียได้มากกว่านี้ ฉันจะขอบคุณมากหากคุณรีบบอกฉัน

 

“จ๊า จะบอกแล้วนะ――”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“สิทธิ์ในการพัฒนาและการขายของม้าจักรกลถูกขโมยไปโดยสิ้นเชิง”

 

…………

 

“――อะ? มันเป็นใคร?”

 

“เนียจังใจเย็นไว้ก่อน! เจตนาฆ่าหลุดมาแล้ว! ออกมาเข้มข้นสุดยอดเลย!”

 

สั่นคลอนความรู้สึกสงบของฉันได้

ทำได้ดีเลยไม่ใช่เรอะ

 

――ฉันต้องขอบคุณจริง ๆ

 

 

 

 

 

ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー

 

คนแปลขออนุญาตเปิดโดเนทหน่อยนะงับ 

{ไทยพาณิชย์} {880-222211-5} {เสฏฐวุฒิ}

 

ขอบพระคุณทุกท่านที่สนับสนุนเป็นกำลังใจเข้ามาด้วยนะครับ

ขอบคุณงับ

 

ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー

ไร้สาระ

หงุดหงิดอากาศว่าหนักแล้ว หงุดหงิดคนยิ่งหนักกว่า 
เมื่อเย็นไฟในหมู่บ้านตก ไฟบ้านเลยติดๆดับๆ ก็มาถามอยู่ว่าทำไมไฟดับ ทำไมไฟบ้านนั่นไม่ดับ บ้านนี้ดับ ตรงนี้ไม่ดับ ตรงนั้นดับ ก็ตอบไปว่าไฟตกไฟดับนั่นแหละ แต่ก็ยังจะถามอยู่นั่นว่าทำไมมันดับ ทำไมมันดับ แล้วจะให้ตอบอะไรได้อีกว๊าก็ไฟมันตกจนดับไงโว๊ยครับ หรือต้องทำตัวแตกตื่นในบ้านมืดๆถึงจะพอใจก๊าน