บทที่ 209 ก็เพราะเธอทั้งนั้น

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่ 209 ก็เพราะเธอทั้งนั้น

วันนี้ ที่ห้องผู้ป่วยมีคนที่เจียงหยุนเอ๋อคิดไม่ถึงมาเยี่ยม

เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เจียงหยุนเอ๋อก็เงยหน้ามอง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นลี่จุนซิน

“พี่คะ” ถึงแม้ว่าเจียงหยุนเอ๋อจะประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา ใช้สองยันตัวขยับขึ้นมาหน่อย

ลี่จุนซินเดินเข้ามาสองสามก้าว รีบพูดขึ้น: “ไม่ต้องขยับ พี่แค่มาดูเธอหน่อย เดี๋ยวก็ไปแล้ว”

ขณะที่พูดก็ได้วางของที่ตัวเองนำมาบนตู้ที่อยู่บนหัวเตียง

“ขอบคุณค่ะ พี่มาเยี่ยมฉันไม่ต้องเอาของมาเยอะขนาดนี้” เจียงหยุนเอ๋อพูดอย่างเกรงใจ

ลี่จุนซินพูดอย่างเรียบเฉย: “ต้องเอามาสิ”

หลังจากที่พูดลี่จุนซินประโยคนี้แล้ว บรรยากาศก็เงียบลง

เดิมทีความสัมพันธ์ของเจียงหยุนเอ๋อกับลี่จุนซินบอบบางอยู่แล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าทัศนคติที่ลี่จุนซินมีต่อตัวเองเป็นยังไง

แม้ว่าจะเป็นพี่สาวของลี่จุนถิง ตัวเองเกิดเรื่องแบบนี้ ลี่จุนซินก็ควรที่จะมาเยี่ยม

แต่ว่าตามความสัมพันธ์ของเธอกับตระกูลลี่แล้ว จริงๆแล้วไม่มาก็ไม่เป็นอะไร

อันที่จริงลี่จุนซินก็ไม่ค่อยอยากจะมานัก เพียงแต่ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นที่งานเลี้ยงของตัวเอง อีกอย่างเจียงหยุนเอ๋อก็ยังเป็นแขกที่ตัวเองเชิญด้วย

แบบนี้หากไม่มาดูสักหน่อย มันค่อนข้างที่จะดูไม่ดีเลย

เพียงแต่เป็นงานเลี้ยงแรกที่ตัวเองกลับจากต่างประเทศ ต่อให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ภายในใจของลี่จุนซินก็ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะโทษเจียงหยุนเอ๋อ ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นผู้เสียหาย

แต่ไม่ว่าไงยัง ลี่จุนซินมักจะรู้สึกว่าตัวเองนั้นมีปมอยู่ในใจปมหนึ่ง แก้ยังไงก็ไม่ออก

ทั้งสองที่อยู่ในห้อง อึดอัดกันไปสักพัก เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกว่าตัวเองควรจะพูดอะไรหน่อย ก็เอ่ยปากขึ้น: “พี่คะต้องขอโทษพี่ด้วย ที่เกิดเรื่องแบบนี้ในงานเลี้ยงของพี่ ทำให้พี่วุ่นวายแล้ว ขอโทษจริงๆค่ะ”

เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกผิดในใจ เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเธอ

ลี่จุนถิงส่ายหัว: “เรื่องนี้ไม่โทษเธอ เธออย่าคิดมาก พักรักษาตัวให้ดีๆ ไม่อย่างนั้นจุนถิงก็ต้องเป็นห่วงอีก”

เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า

ทั้งสองคนก็เข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง

และลี่จุนซินพบว่าตัวเองอยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรจะพูด ก็เลยเอ่ยปากขึ้น: “งั้นเธอก็พักผ่อนดีๆละกัน พี่ยังมีธุระนิดหน่อย พี่ก็ขอตัวก่อน”

เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า: “ค่ะพี่ ระหว่างทางระวังด้วยนะคะ”

รอให้ลี่จุนซินออกไปจากห้องแล้ว เจียงหยุนเอ๋อจึงได้โล่งอก

ตระกูลเจียง

ฝั่งฟู้ชูเหม่ยที่มาทะเลาะกับเจียงหยุนเอ๋อ แต่ปัญหาคือเจียงหยุนเอ๋อนั้นถูกลี่จุนถิงคุ้มกันไว้อย่างดี พวกเธอไม่มีโอกาสที่จะเข้าใกล้เจียงหยุนเอ๋อเลยแม้แต่นิดเดียวไม่มีวิธีเลยจริงๆ

ฟู้ชูเหม่ยที่นั่งอยู่บนโซฟา โมโหจนสั่นไปทั้งตัว เจียงหยุนเอ๋อนางตัวดี นึกว่าหลบซ่อนตัวแล้วก็จะหมดเรื่องเหรอ? สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็เพราะเธอทั้งนั้น

เจียงหนิงเอ๋อนั่งก้มหน้าอยู่บนโซฟา ปกติเธอมักจะมีความคิดเห็นอยู่เป็นประจำ แต่ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงแล้ว

เป็นครั้งแรกที่เธอต้องเผชิญกับเรื่องแบบนี้ เมื่อก่อนยังพูดง่ายหน่อย ไม่ว่ายังไงก็มีพ่อแม่คอยปกป้อง แต่ตอนนี้ เป็นธนาคารที่มาทวงหนี้ หากตัวเองไม่มีเงินใช้หนี้ ยังไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร

ฟู้ชูเหม่ยเห็นเจียงหนิงเอ๋อก็โมโหทันที แต่สุดท้ายมันก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง ไม่ว่ายังไงก็ตีและด่าไม่ลง ทำได้เพียงแต่บ่น: “เธอดูสิ ปกติชอบสร้างปัญหาก็พอแล้ว ตอนนี้มันเรื่องใหญ่ขนาดนี้แล้ว!”

เจียงหนิงเอ๋อรู้สึกน้อยใจ ตัวเองไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเรื่องราวมันยังไงกันแน่ จู่ๆก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น: “หนูก็ไม่รู้ว่าทำไมมันจึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ก่อนหน้านี้ก็ยังดีๆอยู่ ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ละ?”

“เฮ้ย ฟู้ชูเหม่ยถอนหายใจ ช่างเถอะ ตอนนี้ต่อว่าเธอก็ไม่มีประโยชน์อะไร แม่คิดว่าหนทางเดียวที่มีอยู่ในตอนนี้ก็คือการขายบ้านในชุมชนเฟิงหวา”

เจียงหนิงเอ๋อได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็รีบเงยหน้าขึ้นมาทันที มองฟู้ชูเหม่ยอย่างมีความหวัง ตอนนี้มีทางรอดแล้ว: “แม่คะ เราไปจัดการตอนนี้เลย”

เจียงหนิงเอ๋อค่อนข้างที่ร้อนใจ หากเรื่องนี้ไม่ได้รับการแก้ไข เธอก็จะรู้สึกไม่สบายใจ

ฟู้ชูเหม่ยเห็นลูกสาวตัวเองผอมลงไปตั้งเยอะ ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก พยักหน้า แล้วพาเจียงหนิงเอ๋อไปบริษัทขายบ้านเพื่อนำเงินมาแก้ไขปัญหานี้

แต่ว่าเมื่อไปถึง ฟู้ชูเหม่ยจึงพบกว่าความคิดของเธอนั้นผิดอย่างมหัน

“ขอโทษค่ะ คุณฟู้ บ้านหลังนี้ของคุณขายไม่ได้ค่ะ” พนักงานได้ยื่นโฉนดบ้านคืนให้กับฟู้ชูเหม่ย

ฟู้ชูเหม่ยจ้องมองพนักงานด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง: “คุณว่าอะไรนะ? ทำไมถึงขายไม่ได้? บ้านหลังนี้เป็นของฉัน ในเอกสารก็ระบุอย่างชัดเจน”

“คุณฟู้ ฉันรู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นของคุณ แต่ว่าบ้านหลังนี้ได้ถูกเอาไปจำนองแล้ว”

“คุณว่าอะไรนะ?” ฟู้ชูเหม่ยเบิกตากว้างอย่างไม่อย่าจะเชื่อ “เป็นไปได้ยังไง ฉันไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อนนี่นา”

“คุณฟู้เรื่องนี้คุณต้องไปถามสามีของคุณดู” พนักงานพูดอย่างไม่แยแส เธอทำงานนี้มานานมากแล้ว เคยเจอเรื่องแบบนี้มาหลายกรณีที่สามีแอบเอาโฉนดของภรรยาไปจำนอง

ฟู้ชูเหม่ยถอยหลังไปครึ่งก้าว สายตาเต็มไปด้วยความตกใจ

และความหวังเดิมของเจียงหนิงเอ๋อก็ไม่มีแล้ว หากไม่ใช่มีคนนอกอยู่ด้วย เธอคงจะร้องไห้ออกมาแล้ว

ฟู้ชูเหม่ยจู่ๆเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก ก็เอ่ยปากขึ้น: “เร็ว คุณช่วยตรวจเช็ดข้อมูลของบ้านสองสามแห่งนี้หน่อย”

ฟู้ชูเหม่ยบอกให้พนักงานขายช่วยตรวจเช็ดบ้านที่มีอยู่ทั้งหมด

ไม่เช็ดไม่รู้ เช็ดแล้วก็สะดุ้งตกใจเลย

“คุณฟู้ ขออภัยด้วยค่ะ อสังหาริมทรัพย์เหล่านี้แปดสิบเปอร์เซ็นต์ได้ถูกจำนองไปแล้ว ไม่มีสิทธิ์จะขายมันอีก” เป็นอย่างที่พนักงานคาดคิดไว้เลย

ฟู้ชูเหม่ยรู้สึกเหมือนตัวเองจะวูบลงไป เจียงหนิงเอ๋อรีบพยุงเธอเอาไว้

“แม่ แม่ไม่เป็นไรใช่มั้ย” เจียงหนิงเอ๋อถามอย่างเป็นห่วง ไม่รู้ว่าจะจัดการกับเรื่องของตัวเองยังไง

ฟู้ชูเหม่ยมือข้างหนึ่งพาดอยู่บนตัวเองเจียงหนิงเอ๋อ: “แล้วส่ายหัว ไป กลับบ้านกันก่อน ต้องเป็นฝีมือของพ่อเธอแน่ๆเลย!”

ดังนั้นสองแม่ลูกจึงได้กลับบ้านไป

กลับถึงบ้านก็ต้องทะเลาะกับเจียงเย่เฉิงอย่างแน่นอน

“เจียงเย่เฉิง คุณมาตรงนี้เลย” ฟู้ชูเหม่ยเข้ามาในบ้านก็เห็นเจียงเย่เฉิงดูโทรศัพท์อยู่บนโซฟา จึงได้ตะโกนอย่างเสียงดัง

เจียงเย่เฉิงรีบเงยหน้าขึ้น: “คุณเป็นอะไรอีกแล้ว?”

เจียงเย่เฉิง รู้สึกว่าช่วงนี้สองแม่ลูกจู้จี้จุกจิกไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรกันอยู่

“คุณพูดมาสิทำไมบ้านหลังที่อยู่ชุมชนเฟิงหวาจึงถูกจำนองไปแล้ว? และบ้านหลังอื่นๆก็ถูกจำนองไปเหมือนกัน?” ฟู้ชูเหม่ยเดินเข้าไปถาม “บ้านหลังอื่นๆ ทำไมจึงถูกจำนองไปด้วย? ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลย?”

รูม่านตาของเจียงเย่เฉิงหดลงไปทันที ไม่เคยว่าจะถูกฟู้ชูเหม่ยรู้เข้าแล้ว เจียงเย่เฉิงกระแอมเบาๆ: “เงินจำนองพวกนี้ก็ได้เอาไปใช้จ่ายในบริษัทแล้ว”