บทที่ 241 อย่าทำให้สองคำนี้ด่างพร้อย

พลิกชะตาหมอยา

พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 241 อย่าทำให้สองคำนี้ด่างพร้อย

“เจ้าพูดซี้ซั้ว ข้าเปล่า !” เบ้าตาของเจียงหยูหวันแดงก่ำ ดวงตาทั้งสองจ้องมองยังเฟิ่งชิงหัวอย่างเอาเป็นเอาตาย แทบที่จะพุ่งไปหยิกนางให้ตาย

แต่ในใจกลับกระวนกระวายใจยิ่งนัก ทั้งหมดนางหาจ้านเป่ยเซียวไปสองครั้ง ครั้งหนึ่งที่วัดหานซานครั้งนั้นข้างกายจ้านเป่ยเซียวมีเพียงองครักษ์หนึ่งคน และเจียงสวี่โจ้วคนนั้นคนหนึ่ง ไม่มีทางมีคนอื่น

และอีกครั้งที่นางขวางรถม้าจ้านเป่ยเซียวแต่กลับเห็นเรื่องรักใคร่ของเขาและผู้หญิงคนนั้นในรถม้าด้วยตาของตนเอง นางตายใจอย่างถึงที่สุดแล้ว เหตุใด เหตุใดในเวลานี้จะต้องมีคนขุดเรื่องในอดีตเหล่านี้

ซีหลันผู้นี้ นางจะรู้ได้อย่างไร นางแต่งตั้งคนสะกดรอยนางหรือ ?

เฟิ่งชิงหัวมองทะลุความหวาดกลัวในตาของเจียงหยูหวัน จังหวะการพูดเย็นเยือกเล็กน้อย นัยน์ตาเย็นชา : “คุณหนูเจียง เรื่องชั่วที่เคยทำไว้ ยังไงก็ปรากฏขึ้นในสักวัน เจ้าคิดว่าเรื่องที่ตนเองทำเทพไม่รู้ผีไม่ทราบรึ ? ก่อนอื่นไปที่วัดหานซานพบกับองค์ราชทายาทโดยบังเอิญ แต่เพราะจ้านเป่ยเซียวมาระหว่างททางจึงไปลานบ้านของเขาดึกดื่นเที่ยงคืน เจ้าคิดว่าคนอื่นไม่รู้จริงหรือ ? ในตอนนั้นบนภูเขาไม่ได้มีเจ้าแค่คนเดียวสินะ และเจ้ายังขัดขวางรถม้าของจวนอ๋องที่ถนน เจ้าคิดว่าประชาชนเหล่านั้นไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์อย่างเปิดเผย ไม่ไต่ถามกันอย่างลับ ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่รึ ? ใต้หล้านี้ กล้าขวางรถม้าของจวนอ๋อง เกรงว่าคงมีไม่มี่คันหรอกกระมัง ?”

หากบอกว่าเมื่อครู่เจียงหยูหวันเพียงแค่เหงื่อออกท่วมตัว เสียงแหบแห้ง เช่นนั้นในครานี้ ได้สูญสิ้นไร้ซึ่งเรี่ยวแรงแล้ว ไม่สามารถหาคำพูดโต้แย้งใด ๆ ได้ ทำได้เพียงคุกเข่าจนตรอกอยู่ที่นั่น คอตกอย่างเงียบ ๆ

ฮองเฮาเหนียงเหนียงได้ยินเช่นนี้ คนทั้งคนก็อยู่ไม่สุขแล้ว ตาจ้องมองไปยังเจียงหยูหวันที่อยู่ที่พื้นอย่างไม่กล้าเชื่อ

ไม่จำเป็นต้องถามให้มากความ เพียงแค่จ้องมองเช่นนี้ ก็รู้ได้ คำที่องค์หญิงซีหลันกล่าวออกมา ไม่มีส่วนที่พูดเกินจริงแม้แต่น้อย

ใช่ นางต้องการพึ่งพาตำแหน่งของตระกูลเจียงในราชวงศ์จริง ๆ

ทว่า นั้นไม่ได้หมายความว่า นางอยากให้ลูกชายของตน ถูกสวมเขาอย่างเปล่งประกายจนจิตใจไม่สงบ

หากส่วนตัวถือว่าไม่อะไร เช่นนั้น สตรีในห้องหญิงสาวผู้นี้ ไม่รู้จักละอายขวางรถม้าบนถนน ก่อให้ประชาชนบนแผ่นดินใต้ฝ้าต่างวิจารณ์กันเซ็งแซ่ คนเช่นนี้ ให้แต่งงานกับลูกชายตน เช่นนั้นอนาคตของลูกชายนางก็คงโดนทำลายสิ้น

พระชายาขององค์ราชทายาทที่สง่าผ่าเผย มิตรภาพเก่ายากจะลืมเลือนต่อท่านอ๋องเจ็ด หลังจากถูกคัดค้านหลายหนก็แต่งกับองค์ราชทายาท เรื่องอื้อฉาวเช่นนี้ ก็มากพอที่จะความพยายามของลูกชายนางที่มีมาหลายปี

“หยูหวัน เจ้า ทำเรื่องพวกนี้จริงหรือ ? ฉะนั้น เจ้าพึงใจใครกันแน่ ? ปากของเจ้า แม้เพียงความจริงครึ่งประโยคมีบ้างไหม ?” องค์หญิงเหออานซักถามเชิงตำหนิ

เจียงหยูหวันไม่ได้พูดอะไร กลับเป็นเฟิ่งชิงหัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม : “องค์หญิงถามผิดแล้ว คุณหนูเจียงไม่เคยพูดอะไรเลยนี่ ? แต่ไหนแต่ไรนางไม่เคยบอกว่าคนที่นางพึงใจเป็นใครมิใช่รึ ? หรือว่าคนเหล่านี้ ต่างก็ไม่ใช่คนที่เจ้ากับฮองเฮาเหนียงเหนียงคิดเอาไว้รึ ?”

เหออานส่ายหน้าทันที กลับไปนึกถึงภาพในตอนแรกที่อยู่กับเจียงหยูหวัน

ที่จริงแล้ว แต่ไหนแต่ไรเจียงหยูหวันไม่เคยพูดว่านางชอบใคร นางเพียงแค่ใช้สีหน้าที่บางครั้งก็ขวยเขินบางครั้งก็เศร้าสลดบอกเป็นนัยกับนาง ทำให้นางคิดว่านางสนใจพี่เจ็ด ทำให้นางไม่เสียใจที่จะล่วงเกินพี่เจ็ดไปผิดใจกับหนานกงเยว่ลั่ว

เมื่อคิดถึงวันเวลาเหล่านั้นที่อยู่ที่จวนอ๋อง เหออานรู้สึกว่าตนได้รับความทุกข์ยากไปอย่างสูญเปล่าจริง ๆ

นางสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนจากในสายตาของพี่เจ็ดที่เย็นชาไม่สนใจเรื่องอันใดเห็นความไม่ปกติของนางต่อหนานกงเยว่ลั่ว แต่กลับไม่เคยเห็นเขาใช้สายตาเช่นนั้นมองเจียงหยูหวัน

แต่ทว่านางกลับเชื่อคำของเจียงหยูหวันอย่างไม่สงสัย มั่นใจว่าพี่เจ็ดถูกบีบบังคับจึงต้องจำใจทำเช่นนั้น

เหอะ ๆ คำสี่คำนี้ ใช้อยู่บนหัวของพี่เจ็ดคิดเช่นไรคำพูดก็อ้อมค้อมเช่นนั้น

พี่เจ็ดที่ไม่ผูกมัดกับเรื่องใด ๆ ก็ตาม เป็นไปได้อย่างไร จะถูกบีบบังจึงต้องจำใจทำ นั่นก็ชัดเจนแล้วว่าไม่ยินยอม

เหออานลุกขึ้นยืน เหลือบมองลงไปยังเจียงหยูหวัน คำพูดเย็นยะเยือกจ้องมองไปยังเจียงหยูหวัน : “เจียงหยูหวัน นับแต่นี้เป็นต้นไป เราสองไม่มีเรื่องข้องเกี่ยวกัน ! คนอย่างเจ้า ไม่คู่ควรที่จะมีมิตรสหาย อย่าได้ทำให้สองคำนี้ด่างพร้อย”

“เสด็จแม่ เหออานรู้สึกไม่สบาย ขอตัวก่อน” ระหว่างที่เหออานกล่าว ก็ปกปิดใบหน้าและจากไป

สีหน้าของฮองเฮาเหนียงเหนียงในเวลานี้ก็คร่ำเครียดอย่างรุนแรง มองดูองค์หญิงซีหลันที่กำแหงเกะกะระราน เจียงหยูหวันอีกคนที่อ่อนปวกเปียกกลายเป็นดินโคลนโบกมืออย่างเบื่อหน่าย : “ข้าเหนื่อยแล้ว พวกเจ้าออกไปให้หมดเถอะ”

องค์หญิงซีหลันถอนสายบัวให้กับฮองเฮา ยิ้มให้กับเจียงหยูหวันพลางกล่าว : “คุณหนูเจียง เชิญ ?”

เจียงหยูหวันกำลังจะยืนขึ้นด้วยสติที่เลอะเลือน ทว่าไหล่กลับถูกเฟิ่งชิงหัวยกมือกดเอาไว้ นางมองไปยังหญิงสาวที่คลุมใบหน้าอย่างงงงัน

ก็ได้เห็นว่าหญิงสาวยิ้มอย่างสวยสดงดงามเป็นพิเศษ น้ำเสียงหวานเลี่ยน ราวกับออดอ้อน

“คุณหนูเจียง ไม่ต้องลุกขึ้นมาให้ยุ่งยากลำบาก เรื่องการพนันของพวกเรา เจ้าคงจะยังจำได้สินะ ?”

เจียงหยูหวันปวดเศียรเวียนเกล้า กล่าวด้วยจิตสำนึก : “อะไร พนันอะไร ?”

“ข้ากล่าว หากข้าใส่ร้ายเจ้า เช่นนั้นข้าก็จะคลานออกไปจากที่นี่ หากไม่ คุณหนูเจียงก็จะตายอยู่ที่ฮองเฮาเหนียงเหนียงที่นี่ ฮองเฮาเหนียงเหนียง คงจะได้ยินมิใช่รึ ?” เฟิ่งชิงหัวยิ้มอย่างน่าหลงใหลเป็นพิเศษให้กับฮองเฮา แต่กลับทำให้ฮองเฮานั้นหวาดกลัว

“ซีหลัน เจ้า เจ้าอย่าทำให้ยุ่งวุ่นวาย อย่างไรเจ้าก็เป็นบุตรหญิงของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ราชสำนัก”

“เหนียงเหนียงพูดอะไรน่ะ หรือว่าเจ้าคิดว่าข้าคิดอยากจะฆ่าคุณหนูเจียง ? ไม่ ๆ ๆ ข้าจิตใจงาม รักการช่วยให้ผู้อื่นสมปรารถนาเป็นที่สุด คุณหนูเจียง ในเมื่อพูดว่าตนเองจะชนหัวตนตาย เช่นนั้นข้าก็จะให้นางชนตายแน่นอน ไม่สามารถตายแบบอื่นได้”

“ซีหลัน เจ้าจะบังคับให้นางตายจริง ๆ หรือ ?”

“บังคับตาย ?” เฟิ่งชิงหัวมองฮองเฮาอย่างงงงวย : “เหนียงเหนียง ท่านมองข้าเช่นนั้น ? ข้าเป็นคนอำมหิตเช่นนั้น ? หรือว่าคำพูดนี้ มิใช่ว่าคุณหนูเจียงพูดออกมาเองหรือ ? ข้าเป็นเพียงแค่ช่วยให้สมปรารถนา ?”

ระหว่างพูด เฟิ่งชิงหัวก็ก้มหัวลง มองไปยังเจียงหยูหวัน : “คุณหนูเจียง คำที่เจ้าพูดออกมา ไม่มีราคาเช่นนี้เหรอ ? พูดว่าจะชนตาย ตายมิตายพวกเราคือว่า ไม่ว่าอย่างไร เจ้าจะต้องแสดงสักหน่อย ชนสักครั้งไหม ? หรือว่า มืออ่อนเท้าอ่อนขยับไม่ไหว ? ไม่เป็นอะไร ข้ายินดีที่จะช่วยคน ข้าจะช่วยเจ้า”

ระหว่างพูด ก็จับคอเสื้อด้านหลังของเจียงหยูหวันและยกขึ้น มุ่งไปยังเสาต้นหนึ่งของตำหนักใหญ่

เจียงหยูหวันถูกลากไปอย่างจนตรอกสองสามก้าว จู่ ๆ ก็ได้สติคืนมา เริ่มต่อสู้ดิ้นรนอย่างดุเดือด : “องค์หญิงซีหลัน นี่เจ้าทำอะไร เจ้ามิสมควรทำ รีบปล่อยข้า”

“มิสมควรทำ ? คนอย่างคุณหนูเจียงที่อ่านบทกวีและหนังสือมากมายกล่าวสี่คำนี้ออกมาช่างไพเราะเสียจริง เพียงแค่เวลาปกติเจ้าอ่านหนังสือแล้วมิรู้ความหมาย ? หรือจะพูดว่า มาตรฐานของเจ้าต่างก็มองที่คนอย่ามองที่เรื่อง ? ส่วนตัวเจ้ามีหญิงที่มีสามีแล้วไม่รู้สึกมิสมควรทำ ข้าดึงเจ้า นี่ก็ไม่สมควรแล้ว ?” เฟิ่งชิงหัวกล่าวหัวเราะ

เจียงหยูหวันไม่พูดอะไร เพียงแค่ก้มหัวน้ำตาร่วงเงียบ ๆ ลักษณะเช่นนั้น ดูประหนึ่งเฟิ่งชิงหัวให้อำนาจรังแกคน เหยียดหยามนาง

เฟิ่งชิงหัวรู้สึกรังเกียจเจียงหยูหวันจริง ๆ

พูดอยู่คำเดียว เถียงข้าง ๆ คู ๆ ด้วยคำพูดที่ชอบธรรม ขณะนี้ความจริงถูกเปิดเผย ไม่คาดคิดแม้กระทั่งความกล้าในการรับโทษยังไม่มี

คนเช่นนี้ เดิมทีแล้วไม่คู่ควรที่จะกลายเป็นคู่มือของนาง

เฟิ่งชิงหัวผลักคอเสื้อของนางไปข้างหน้าอย่างตามอำเภอใจ ตบฝ่ามือไปมา กล่าวกับฮองเฮาเหนียงเหนียงว่า : “ดูแล้วเหนียงเหนียงเมื่อยล้าแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะไม่รบกวน นี่ก็…”

“ไทเฮาเหนียงเหนียงเสด็จมา !” คำพูดของคนในวังขัดจังหวะคำพูดของเฟิ่งชิงหัว คนสองสามคนเข้าประตูมา และก็ขวางกั้นทางไปของนาง