ตอนที่ 44 นักทำลายภารกิจ(1)

Dungeon Defense

“หัวหน้าครับ ขอความกรุณาอ่านรายงานพวกนี้ด้วย”

ชายหนุ่มวางตั้งเอกสาร

หลังจากที่มองไปที่กองเอกสารบนโต๊ะของเธอ หญิงคนนั้นก็หรี่ตาเล็ก เธออยู่ระหว่างการอ่านมังงะเรื่องยาวเพื่อหาความบันเทิงอยู่ เธอกำลังตื่นเต้นกับฉากที่ตัวเอกของเรื่องที่กำลังจีบและหยอกล้อกับสาวๆ แล้วจู่ๆก็กลายเป็นผู้หญิงแล้วโดนจีบแทน

คนที่ผู้หญิงคนนี้เกลียดที่สุดอันดับหนึ่ง คือ ผู้ที่กวนเธอระหว่างอ่านมังงะ ส่วนคนที่เธอเกลียดอันดับสองคือ คนที่เอางานมาให้เธอทำ ชายหนุ่มตรงหน้าเธอนั้นทำทั้งสองอย่างครบ ดังนั้น ใบหน้าของเธอจึงบูดบึ้งเป็นอย่างมาก

“อะไรวะ? นี่อยากให้ชั้นเอาจมูกแกกระแทกกับแม่น้ำจอร์แดนรึไง?”

ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจเลยที่เธอจะมองรุ่นน้องแล้วมีปฏิกิริยาอย่างนี้

“เฮ่ออออ…….”

หนุ่มผมบลอนด์ถอนหายใจชุดใหญ่ออกมา

“ผมใช้ความพยายามอย่างมากในการทำรายงานพวกนี้นะ คุณก็รู้นี่?”

“ถึงนายจะเอาไอ้ความพยายามพวกนั้นมาก่อกองจนสูงเท่าหอคอยหรือจะโยนมันทิ้งไป แล้วทำไมชั้นต้องดูด้วยวะ? อยากให้ชั้นสาดสีชมพูใส่หัวนายรึไง? ถ้าทำแบบนั้นแล้วสมองสีเทาน้อยๆของแกจะได้คิดได้ขึ้นมาบ้าง”

“หัวหน้าครับ ถ้าไม่ตั้งเดดไลน์แล้วทำงานให้เสร็จ…….”

ผู้หญิงปิดมังงะ

“เหอะ ดูไอ้เจ้านี่ดิ้ ต้้งเดดไลน์แล้วทำงานของชั้นให้เสร็จ? ตอนที่แกอยู่ในมดลูกแม่แก แกได้บอกเธอไหมว่า แกต้องการจะออกมาในเดือนนี้ วันนี้ ชั่วโมงนี้ วินาทีนี้ ก่อนให้นางแหวกรูแล้วรอจนถึงเวลานั้น?

แกนี่มันประเภทไอ้ระยำที่รู้จักแต่ทำอะไรต่อเมื่อถึงเวลาเหมาะสมเท่านั้น และจะไม่แข็งตัวได้ถ้ายังไม่ถึงเวลา

ถ้าแกชอบเดดไลน์มากนัก งั้นเอางี้ไหม ให้ชั้นทำเดดไลน์ให้นายเลยดีกว่า? ห้ะ ดีไหม ในเมื่อนายไม่รู้ว่าเดดไลน์ในชีวิตของนายมันเป็นเมื่อไหร่? แกนี่มันหาเรื่องทำลายตัวเองชัดๆ ชั้นล่ะสงสัยจริงๆว่า แกมีลูกกะโปกกี่อันแน่วะหนึ่งหรือสองอัน ขอชั้นยืนยันหน่อยเหอะ”

ชายหนุ่มคิดในหัวว่า

โอ้ พระเจ้าช่วย แม่นี่น่ากลัวชะมัด

หัวหน้านั้นสวย เธอมีผมตรง ยาว และเป็นสีดำ ดูดีมีระดับ ผมก็อยากจะขอบคุณเรื่องนั้นแหละ แม้เธอจะสวมฮู๊ดสีเทาที่ไม่สมควรสวมตอนทำงานเลย แต่เมื่อมันอยู่บนร่างของเธอมันกลับดูเหมือนเครื่องแต่งกายของชนชั้นสูง มันยากเหลือเกินที่จะชินหูเมื่อได้ยินคำว่า ‘ไอ้ระยำ’ กับ ‘ลูกกระโปก’มาจากปากสวยๆของเธอ

‘ผ-ผมจะไม่ถอยแล้ววันนี้!’

เด็กหนุ่มกลืนน้ำลาย เพราะบุคลิกนิสัยของเธอแบบนี้แหละ ถึงเธอมีพรสวรรค์ แต่ก็ถูกขับออกมาจากออฟฟิศส่วนกลางแล้วส่งมาอยู่เขตบ้านนอกแทน

ตามปรกติแล้วผมจะขอโทษที่รบกวนแล้วหนีไป แต่ตอนนี้ผมอยากให้มันเป็นวันแห่งชัยชนะ

“หัวหน้า! เมื่อไหร่คุณจะตั้งใจอ่านรายงานเสียทีล่ะ?”

“ไม่รู้โว้ย แม่แกอาจรู้เลยก็ได้ว่าแกจะเกิดมาเมื่อไหร่ หึหึ แกนี่ไม่สุภาพเลยนะ ไอ้หนู? ชั้นจะคิดดูอีกทีหลังจากอ่านนี่เสร็จแล้ว ดังนั้นรูดซิบปากแกแล้วไปนั่งตรงมุมโน้นซะ’

“เมื่อวานคุณก็บอกแบบนี้ไม่ใช่หรือไง แล้วเมื่อวานซืน วันมะรืนด้วย!? นี่คุณตั้งใจจะอ่านมังงะไปถึงเมื่อไหร่กันเนี่ย!?”

ผู้หญิงคนนั้นตอบกลับมาอย่างเย็นชา

“จนถึงวันที่ชั้นไม่มีมังงะจะให้อ่าน”

“แต่มังงะใหม่มันออกมาทุกเดือน ทุกปี…….”

“ถ้าอย่างนั้น ชั้นก็จะอ่านจนกว่ามังงะจะหายไปจากโลกนี้”

“นี่คุณมีกะจิตกะใจจะทำงานบ้างไหมเนี่ย!?”

“ไม่อะ ดังนั้นอย่าเอางานมาให้ชั้นทำ”

ผมแน่ใจแล้วว่า หัวหน้าผมนี่ช่างเป็นขยะในโลกใบนี้จริงๆ ถ้าโยนเธอลงในแม่น้ำใกล้ๆอินชอน ผมก็แน่ใจว่า มหามุทรก็คงขยะแขยงแล้วพ่นเธอคืนกลับมา

ถ้าหากคุณโยนเธอไปในอวกาศ ระบบสุริยจักรวาลก็จะแตกตื่นเพราะมีขยะแล้วทิ้งโลกใบนี้ไว้เบื้องหลังแล้วหนีไปจากทางช้างเผือก…….

ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนหลุดไปจากโลกการรับรู้ชั่วขณะ

ในอดีต เขารู้สึกภาคภูมิใจมากกับการที่ได้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นหัวหน้า แต่ถึงอย่างนั้น เขาทำได้แค่เพียงถือใบลาออกและรู้สึกสิ้นหวัง

ีนี่หากเขาไม่ได้ตั้งปณิธานสละชีวิตตัวเองเพื่อโลกและอวกาศ เขาคงจะไปแขวนคอกับเสาไฟฟ้าที่ไหนสักแห่งนานมากแล้ว

ถึงอย่างนั้น ทำไมเขาถึงต้องเป็นคนเดียวที่สละตัวเองด้วยล่ะ……?

แม้เขาจะถามคำถามนั้นสักพักครั้งแล้ว เขาก็ยังคงไม่เจอคำตอบ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ชัดคือ ไม่ว่ามันจะเป็นการเล่นตลกของพระเจ้าหรือโชคชะตา แต่เขาเป็นผู้เดียวที่สามารถอบรมสั่งสอนหัวหน้าเน่าๆคนนี้ได้

ชายหนุ่มคว้าเอามังงะทั้งหมดที่อยู่บนโต๊ะของเธอไป หญิงหัวหน้าอ้าปากกว้างด้วยความตกใจ

“ผมจะยึดของพวกนี้จนกว่าหัวหน้าจะอ่านรายงาน!”

“…….”

หญิงคนนั้นจ้องไปที่ชายหนุ่ม ตามปกติแล้วเขาจะไม่ละสายตาไปจากเธอ และยังคงยกมังงะค้างอยู่ในอากาศ

มันเป็นชั่วขณะแห่งความเงียบ

“ได้”

หญิงคนนั้นยอมผ่อนปรนให้

“ชั้นจะดูสักหน่อย”

“จะ-จริงเหรอครับ!?”

ชายหนุ่มแทบไม่เชื่อว่า เขาจะทำสำเร็จจึงตาโตขึ้นมา เขารู้สึกสุดยอดมาก ศรัทธานั้นเคลื่อนภูเขาได้ แม้เธอจะเป็นมนุษย์ขยะ ตัวโลภที่เอาทุกหยด ตัวขโมยเงินเดือน และพวกเก็บตัว แต่ไม่มีทางที่ต้นไม้จะไม่ล้มหากฟันลงไปสักร้อยครั้ง

“ขอบคุณมากๆครับหัวหน้า! ผมคิดไว้แล้วว่า วันหนึ่งจะต้องเข้าใจความจริงใจของผม…….”

“แต่ถ้ามันไม่สำคัญพอ แกตายคามือชั้นแน่ เอาจริงนะ”

“…….”

ปัญหาคือ ต้นไม้จะหักลงมาทับชายตัดไม้น่ะสิ

หญิงคนนั้นปรับท่าทาง เธอนั่งลงบนเก้าอี้ให้ดี เหยียดหลังให้ตรง ยืนคอเล็กน้อยก่อนจะเปิดกระดาษทีละหน้า

ช่วงแรกเธอใช้เวลา ราว 5 วินาทีในการเปิดแต่ละหน้า แต่พอเปิดผ่านไป ก็เริ่มเปิดช้าลง ราวๆ 5 นาทีต่อหน้า ชายหนุ่มยืนรออยู่ตรงหน้าเธอ เผื่อเธอมีคำถามอื่น

30 นาทีผ่านไป

“……หืมม”

หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองหน้าสุดท้าย เธอมองชายหนุ่มด้วยดวงตาที่อ่อนล้า

“แกโชคดีนะ ที่ยังยืดอายุต่อไปได้น่ะ”

“ขอบคุณมากครับ”

“ใครจะรู้ว่า เขาจะใช้สกิล การแสดง ให้ประสบความสำเร็จแบบนี้ได้ด้วย”

เธอโยนเอกสารลงบนโต๊ะแล้วเอนตัวลงเก้าอี้ส่วนตัว เธอเอนตัวจนแทบจะกลายเป็นนอน เธอมองขึ้นไปบนเพดานสีขาวไร้ลวดลาย ราวกับมีอะไรน่าสนใจติดอยู่บนนั้น ชายหนุ่มก็เข้าใจเป็นอย่างดีว่า เธอกำลังนึกถึงเรื่องอะไร

“นี่นายจับตาดูเขาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ก็ตั้งแต่ การเล่นแบบฝึกนั่นแหละครับ มันเริ่มตั้งแต่ที่เพลเย่อได้ใช้ความสามารถนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

“ชั้นก็คิดว่า หมอนั่นจะตายไปนานแล้ว”

ผู้หญิงกลับเงีบบลง

ไม่กี่วินาทีต่อมา

“มันไม่น่าประหลาดใจนักหรอก เขาเก่งอย่างที่พูดจริงๆนั่นแหละ”

เธอออกความเห็นก่อนจะกลับไปเงียบอีกครั้ง ชายหนุ่มรอโดยไม่พูดอะไร ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังคงมองเพดานอีก 20 นาที จนกระทั่งชายหนุ่มทนรอไม่ไหว เขาจึงพูดขึ้นบ้าง

“มันยังมีโอกาสนะครับ ที่เพลเย่อคนนั้นจะมีศักยภาพที่จะไปถึงระดับท็อปแร๊ง แล้วจะได้เป็นความสำเร็จของสาขาเราด้วย”

“…….”

“ผมรู้นะครับว่า คุณส่งเขาเข้าไปด้วยความแค้นเคือง แต่ก็ควรจะมีการดูแลตามหลังไปด้วยไม่ใช่เหรอ? ไม่สิครับ ไม่สิ คุณควรจะรู้ด้วยซ้ำ

สั่งผมเลยครับ แล้วผมจะบอกเพลเย่อคนนั้นถึงข้อมูลสำคัญที่จำเป็น ผมมั่นใจว่า จะทำได้โดยที่พวกเราไม่ทำให้แต้มลดลง”

“ไม่”

หัวหน้าหญิงส่ายหัว

“หัวหน้า!”

“อย่าเข้าใจอะไรผิดไป ชั้นตั้งใจอ่านรายงานของนายดี”

“อ้าว แล้วอย่างนั้น ทำไมล่ะ……?”

เธอเหลียวมองชายหนุ่ม

“อย่าให้ข้อมูลใดๆกับเขาเลยแม้แต่น้อย แม้สักนิดหนึ่งก็ห้าม พวกเราจะเสียแต้มทันทีที่ความจริงเรื่องที่เราติดต่อกับเพลเย่อรั่วออกไป นับจากนี้ชั้นจะสั่งห้ามไม่ให้นายทำอะไรที่ทำให้แต้มของพวกเราลด เลิกยุ่งกับเขา ปล่อยให้เขาเป็นไปตามทางของเขา”

“หะ-ห้ะะะ?”

“ระดับความยากตอนนี้ถูกตั้งค่าเป็นLunatic อยู่แล้วนะครับ แล้วตอนนี้จะให้ผมทำให้มันยากยิ่งไปกว่านี้อีกเหรอครับ?”

ระหว่างที่หญิงคนนั้นเอียงคอและกำลังใช้ความคิด ชายหนุ่มก็พูดขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก

“หัวหน้า ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมเราถึงไม่ควรให้ข้อมูลใดๆกับเขาเลย?”

“นี่นายหูหนวกรึไง? เราจะเสีย 10 คะแนนทันทีที่พวกเราได้ติดต่อและเอาข้อมูลให้เขา”

“……แต่มันก็แค่ 10 คะแนนนี่ครับ”

“โธ่เอ้ย ไอ้ปัญญานิ่ม”

หญิงคนนั้นถอนหายใจ

“นี่นายรู้ความต่างระหว่าง อันดับ1 กับอันดับ 2 ไหม? มันคือ 132 แต้ม แค่เพียง 132 แต้มเท่านั้นถ้าเราเริ่มการแทรกแซงโดยให้ข้อมูลเขานิดๆหน่อยๆ เราก็จะเริ่มเสียคะแนนเป็นร้อยแต้มภายในไม่กี่วินาที”

“แต่นั่นมันสำหรับแร๊งสูงที่สุดไม่ใช่เหรอครับ? ถ้าหากว่า จะเป็นหนึ่งร้อยหรือหนึ่งพันคะแนน การขึ้น ท็อป 1000 ก็คงจะ…….”

ชายหนุ่มหยุดคำพูดค้างไว้เมื่อเขานึกบางสิ่งขึ้นมาได้

“อย่าบอกนะครับ ว่าคุณคิดว่า ผู้เล่นคนนี้จะไปถึงท็อป 100?”

“นี่แกจะบ้ารึไง?”

ผู้หญิงยิ้ม

“เขาจะไปถึงท็อป10 ถ้าเขาใช้ไพ่ในมือได้ถูก เจ้าโง่ นี่แหละสิ่งที่แกยังขาดอยู่ แม้แกจะเป็นคนเขียนรายงานทั้งหมดนี่ แต่แกกลับพลาดที่จะสังเกตเห็นความสามารถของผู้เล่นแท้จริงคนนี้”

“ทะ-ท็อป 10!?”

ผู้หญิงลุกขึ้นและตบที่แก้มชายหนุ่ม

“ตอนนี้นายรู้ชัดแล้วนะ

เฮ้ นี่ แล้วรู้ไหมทำไมหมอนั่นถึงไม่ให้ไพมอนชดเชยการหาเรื่องของนาง?”

“อ่า……อาจจะเป็นเพราะว่า ไพมอนนั้นน่าสงสารและเขาก็รู้สึกเห็นใจเธอหรือเปล่าครับ?”

“อะไรนะ? เห็นใจ?”

ผู้หญิงเบิกตากว้างก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา ทั้งตัวเธอสั่นขณะที่หัวเราะจนเกือบจะตกลงจากเก้าอี้

“คุฮ่าๆๆๆๆ ! เห็นอกเห็นใจ นายว่าอย่างนั้นเหรอ! เห็นใจ โอ้ ให้ตายเถอะ!”

เธอยังคงหัวเราะต่อไปอีกสักพัก

ใบหน้าของชายหนุ่มเริ่มแดงเมื่อเขารู้ว่า ตัวเองถูกล้อเลียน เขาจึงถามกลับด้วยน้ำเสียงโกรธๆ

“เฮอะ แล้วทำไมเขาถึงไม่ทำให้เธอตอบแทนล่ะครับ?”

“โอ้ แกนี่มันไอ้ปัญญาอ่อนเสียจน พระบิดาผู้เปี่ยมด้วยเมตตาก็ไม่อาจเยียวยาแก้ได้ แกไม่รู้ตั้งแต่AถึงBเลยนี่หว่า เอางี้ แล้วเขาจะได้อะไรจากการลงโทษไพมอนล่ะ?

ความภาคภูมิใจ? เงิน? มันเป็นอะไรที่มีค่ามากกว่าไอ้ของพวกนั้นอีก การสนับสนุนของจอมมารระดับสูงยังไงล่ะ แน่นอน

เขาอาจจะยืนเชิดหน้าอยู่ได้และได้รับการชดเชยเป็นอย่างดี แต่ใครจะต้อนรับขับสู้จอมมารระดับต่ำที่ด่าทอจอมมารระดับสูง กันล่ะ?

ไม่โดนจอมมารตนอื่นรังแกก็บุญหัวแค่ไหนแล้ว”

“นี่คุณกำลังจะบอกว่า ทั้งหมดนี่เขาคิดคำนวนไว้หมดแล้ว?”

“เห็นๆกันอยู่”

ชายหนุ่มพบว่าตัวเขาไม่เข้าใจอะไรเลย

“ผมไม่คิดว่าเป็นสิ่งที่ผู้เล่นคนนั้นคำนวนไว้หรอกครับ ดูตอน แจ็ค โอแลนด์สิ เขาควรจะฆ่าแจ็คนะ แต่เขากลับไม่ทำ”

“พูดไปก็ถูก ไอ้หมอนั่นมันก็แค่ลูกกระจ๊อกที่ไม่สำคัญเลยว่าจะตายหรือไม่ แต่เขาก็ไม่ยอมออกไปฆ่าหมอนั่น”

รอยยิ้มของเธอกลับกว้างขึ้น

“อย่าตัดสินหนังสือจากหน้าปกอย่างเดียวสิ

จะไปแน่ใจได้ยังไงกันว่าคนๆนั้นใจดีเพียงเพราะไม่ฆ่าคน?

และจะไปแน่ใจได้ยังว่าคนๆนั้นจะชั่วร้ายเพราะเขาฆ่าคน? มันก็แค่จิตวิทยาน่า ลองอ่านอารมณ์ลงไปให้ลึกดูสิ”

“แต่เพลเย่อก็เสียใจจริงๆนะครับหลังจากแจ็คตาย!”

“ชั้นก็เสียใจนะถ้านายตายน่ะ”

ชายหนุ่มเขินทันทีที่เหมือนเธอจะบอกอ้อมๆว่า เธอเอ็นดูเขา

“เอ๋ เหรอครับ?”

“แต่ถ้าหากจำเป็นต้องฆ่านาย ชั้นก็จะฆ่าทันทีโดยไม่ลังเล”

เธอยิ้มชั่วร้าย

“…….”

“นั่นแหละความหลากหลายของบุคลิกภาพ

แม้จะดูด้วยตาแล้วพบว่า ไม่ค่อยสมเหตุสมผล แต่ก็อาจจะลงตัวอยู่ภายในก็ได้ ใครๆก็เป็นแบบนั้น

เฮ่อ นี่นานแล้วที่ชั้นไม่ได้หัวเราะเยอะขนาดนี้ ความเห็นใจอย่างนั้นเรอะ พูดอะไรอย่างนั้นออกมาวะ?”

เธอกลับไปมองเพดานอีกรอบ

“นี่แหละ เป็นสาเหตุที่ทำไมมนุษย์มันถึงน่าสนุก ถึงแม้ส่วนมากจะโคตรน่าเบื่อเลย แต่ก็มีศักยภาพที่หายากมากที่คาดไม่ถึงแฝงอยู่

นี่คือ สิ่งที่ชั้นเดิมพันลงไป ชั้นล่ะสงสัยจริงๆว่า ไอ้สารเลวที่ด่าชั้นเรื่อง ระบบ เนี่ยมันจะแค่ไหนกัน

แต่หมอนั่นก็ไปไกลที่ชั้นคาดไว้จริงๆ……. อ้าวนี่ เพิ่มระดับความยากของทุกอย่างที่สามารถเพิ่มได้ซะ”

“เอ่อ หัวหน้าครับ? แต่ตอนนี้มันก็โหมดลูนาติกแล้วนะครับ”

“เขาไหวน่า”

เธอประกาศอย่างมั่นใจ

“ตาชั้นดูไม่ผิดหรอก ไอ้หมอนี่น่ะมันพิเศษ”

“ถ้าอย่างนั้นโอกาสที่เขาจะได้เป็นศํตรูจะเพิ่มขึ้น ตามอีเว้นท์ที่มานะครับ แถมตอนนี้ค่าความชอบที่เขามีกับผู้คนอาจจะไม่เปลี่ยนก็จริง แต่ว่า…….”

“หยุดบ่นแล้วทำตามทำชั้นสั่ง นี่อยากให้ชั้นจับนายไปอาบน้ำในแม่น้ำจอร์แดนรึไง?”

“อ่า รับทราบครับ”

ชายหนุ่มกลับไปที่โต๊ะตัวเองแล้วเริ่มพิมพ์อะไรบางอย่างลงคีย์บอร์ด เพื่อเพิ่มระดับความยาก

เรารู้สึกสำนักเสียใจกับผู้เล่นคนนั้น ผมขอโทษนะ ผมก็ชอบคุณแหละ ผมอยากจะลดภาระของคุณนะแต่ดันกลายเป็นว่าไปเพิ่มภาระขึ้นอีก ผมต่อต้านไม่ได้จริงๆ โปรดเข้าใจผมด้วย…….

หลังจากเขาทำงานเสร็จ เขาก็เงยหน้าขึ้น

หัวหน้าหญิงก็ยกเท้าขึ้นวางบนโต๊ะทำงาน ตอนนี้เธอกลับไปอ่านมังงะของเธอในท่าที่สบายที่สุด ความคิดที่ว่ามีเขาเพียงคนเดียวที่ทำงานหนักก็ทำให้เขาพูดขึ้นมา

“อีกแล้ว อ่านมังงะอีกแล้วเหรอครับ? เลิกอ่านไปเลยได้ไหมครับ”

“ฉันอ่านมังงะเพราะฉันเบื่อ”

“แต่คุณอ่านมังงะตลอดทั้งวันเลยนะครับ หัวหน้า!”

“ช่ายยย”

ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้นอีก ริมฝีปากเธอแอบยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย