ตอนที่ 233 ยอมจำนน

ตอนที่ 233 ยอมจำนน

ฝ่ายของเจียงจิ่นเวย ทันทีที่เธอวางสาย เสียงทุ้มของจั๋วเอ่อร์เฉิงก็ดังขึ้น

“น้องสาวของคุณอยู่ที่เถาหยาง? ทำไมผมไม่เคยได้ยินคุณพูดถึงเลย”

เจียงจิ่นเว่ยเดินไปหาเขาทันที ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ “เหล่ากง คุณกลับมาแล้วเหรอ”

จั๋วเอ่อร์เฉิงส่งเสียงตอบรับเบา ๆ เขามองเธอและรอให้เธอตอบคำถามของเขา

แม้ว่าเจียงจิ่นเวยจะอยู่กับเขามาครึ่งปีแล้ว แต่เธอก็ยังกลัวเขาเล็กน้อย ดังนั้นจึงรีบตอบเขาทันที

“คือว่า ครอบครัวเราไม่ค่อยสนิทกับเธอ ไม่ได้เจอเธอนานเลยไม่คิดจะพูดถึง”

จั๋วเอ่อร์เฉิงเงียบไปครู่หนึ่งและถามว่า “ทำไมความสัมพันธ์ถึงไม่ดี”

เจียงจิ่นเวยไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ เธอก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา จึงกลืนน้ำลายและพูดว่า

“เธอไปคบหากับคนมีฐานะทางสังคมที่เถาหยาง ก็เลยทิ้งถังโต้วไว้ให้แม่ฉันเลี้ยงและตัดการติดต่อกับเรา ครอบครัวของเราคิดว่าเธอไม่มีมโนธรรม ก็เลยไม่ได้อยากจะติดต่อกับเธอ”

จั๋วเอ่อร์เฉิงดูเหมือนจะสนใจอีกครั้ง “เธอไปคบหากับใคร”

เจียงจิ่นเวยพูดอะไรไม่ออก “…ดูเหมือนว่าจะเป็นคนจากกองทัพ และมียศสูง”

จั๋วเอ่อร์เฉิงกังวลเรื่องการติดต่อกับคนในเถาหยาง คนเจ้าเล่ห์ในตงหยางระมัดระวังตัวมากเมื่อเผชิญหน้ากับเขา และเขาก็ไม่สามารถรับข่าวสารเกี่ยวกับเถาหยางได้

ดังนั้นเขาจึงยิ้มและพูดกับเจียงจิ่นเวยว่า

“ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องไม่ควรบาดหมางกันข้ามคืน เธอยังเด็กอาจทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง คุณในฐานะพี่สาว เอาแบบนี้ไหม หาเวลาชวนเธอออกมาเที่ยวเล่นข้างนอก ไปกินข้าว แล้วขออภัยซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์จะได้เดินหน้าต่อไปได้”

ดวงตาของเจียงจิ่นเวยเบิกกว้าง เธออยากจะถามออกมาว่าทำไมตนเองต้องเป็นฝ่ายขอโทษ

แต่เมื่อเธอเห็นสายตาของเขาที่จ้องมองมา ก็กลืนคำพูดของนั้นลงคอไป และพยักหน้าเบา ๆ

จั๋วเอ่อร์เฉิงพอใจกับการเชื่อฟังของเธอมาก เขาลูบผมของเธอแล้วพูดเบา ๆ

“ลำบากหน่อยนะ เมื่อถึงเวลาคุณก็อย่าลืมบอกน้องสาวคุณให้ชวนคนรักของเธอมาด้วย”

เขาเน้นประโยคหลังเป็นพิเศษ

เจียงจิ่นเวยเข้าใจทันทีว่าคนที่เขาต้องการพบคือคนที่คอยสนับสนุนซูเถาอยู่เบื้องหลัง เพื่อที่จะได้รู้เบื้องลึกของเถาหยาง เขาไม่ได้สนใจเรื่องความคับข้องใจของเธอเลยแม้แต่น้อย

เจียงจิ่นเวยรู้สึกขมขื่นในใจ

“จิ่นเวย คุณอยากเลี้ยงลูกแมวไม่ใช่เหรอ ผมให้คนหาให้คุณแล้ว มันจะถูกส่งมาประมาณสัปดาห์นี้”

ความขมขื่นของเจียงจิ่นเวยหายเป็นปลิดทิ้งทันที เธอโผเข้ากอดเขาพร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุข

เอ่อร์เฉิงยังคงให้ความสนใจเธออยู่

เธอต้องชวนซูเถาออกมากินข้าวข้างนอกสักมื้อ เพื่อไม่เป็นการทำให้เขาผิดหวัง

……

ซูเถาไม่รู้ว่ามีคนคิดอยากจะชวนเธอออกไปกินข้าวข้างนอก เพราะในเวลานี้ เธอกำลังฟังหม่าต้าเพ่าพูดถึงสถานการณ์ล่าสุดของชวีจิ้งอวิ๋น

ตอนนี้เธอไม่เพียงแต่จะเลิกบ่นเรื่องศพของถานหย่ง แต่เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะอยู่ที่เถาหยางและทำงานอย่างหนัก เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติและการเปลี่ยนแปลงนั้นน่าแปลกเกินไป แต่หลังจากถามอยู่หลายครั้ง และให้คนไปจับตาดูเธอ ก็ดูเหมือนว่าเธอจะคิดถึงเรื่องนี้ได้จริง ๆ

“เถ้าแก่ แต่ว่าผมไม่แน่ใจ ก็เลยอยากมาถามคุณก่อน”

ซูเถาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “พาฉันไปพบเธอ”

ชวีจิ้งอวิ๋นถูกขังไว้ตามลำพังในห้องเดี่ยวที่ว่างเปล่าที่ภูเขาผานหลิว เดิมทีเธอถูกมัด แต่ไม่นานมานี้เธอได้รับการปล่อยตัวหลังจากที่เชื่อฟัง ปล่อยให้เธอเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในห้อง

เมื่อเห็นซูเถา เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่ง สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป หลังจากนั้นเธอก็พยักหน้าและนั่งลงข้างเตียงอย่างเชื่อฟัง

เพียงแวบเดียว ซูเถาก็ตัดสินใจได้ว่าเธอไม่ใช่ชวีจิ้งอวิ๋นคนเดิม

ซูเถาเกิดความสงสัยขึ้นในใจของเธอ

แล้ว ‘ชวีจิ้งอวิ๋น’ ที่อยู่ต่อหน้าเธอคือใคร?

ชวีจิ้งอวิ๋นตัวจริงหายไปไหน?

ซูเถาถามอย่างใจเย็น “คุณคิดออกหรือยัง”

‘ชวีจิ้งอวิ๋น’ พยักหน้าและมองเธอด้วยสายตาที่จริงใจ(???)

“ถ้าฉันสร้างปัญหาต่อไป คุณจะฆ่าฉันใช่ไหม อีกอย่างการอยู่ที่เถาหยางเพื่อทำงานเป็นสิ่งที่คนอื่นขอไม่ได้ เมื่อก่อนฉันดื้อเกินไป แต่ตอนนี้ฉันอยากเข้าใจจริง ๆ”

ซูเถาครุ่นคิดอยู่สองวินาทีแล้วถามทันทีว่า “ถานหย่งอายุเท่าไหร่ เขามีคนรักกี่คน แล้วคุณอยู่กับเขามานานหรือยัง”

‘ชวีจิ้งอวิ๋น’ ตอบทีละคำถาม อย่างละเอียดและแม่นยำ

ซูเถาขมวดคิ้ว เธอไม่มีข้อบกพร่องอะไรเลย

‘ชวีจิ้งอวิ๋น’ ดูเหมือนจะรู้ว่าซูเถาสงสัยเกี่ยวกับตัวเธอ ดังนั้นจึงสาบาน

“ฉันไม่ได้คิดร้ายต่อเถาหยาง และฉันจะไม่ทำอะไรให้คุณเสียหาย ฉันแค่อยากจะหาเลี้ยงชีพที่นี่ และฉันขอให้เถ้าแก่ซูช่วยพิจารณา”

ซูเถารับฟังสิ่งที่เธอพูด แต่หลังจากไป เธอกำชับกับหม่าต้าเพ่าว่า

“จับตาดูเธอไว้ ให้เธอไปช่วยพ่อครัวฉินชั่วคราว ไปช่วยล้างจานหรือเก็บจาน”

หม่าต้าเพ่าถามอย่างระมัดระวัง “เถ้าแก่ คุณไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูดเหรอ”

ซูเถาส่ายหัว เธอขมวดคิ้วและพูดว่า “ฉันเชื่อว่าเธออาจไม่มีเจตนาร้าย แต่เธอไม่ใช่ชวีจิ้งอวิ๋นตัวจริง”

ดวงตาของหม่าต้าเพ่าเบิกกว้าง “อะไรนะ คุณหมายความว่ายังไง?”

“มันอาจเป็นความสามารถที่ซ่อนอยู่”

หม่าต้าเพ่าไม่กล้าถามคำถามอีกต่อไป หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความสงสัย

ในขณะที่เขาพูดนั้น ‘ชวีจิ้งอวิ๋น’ ก็วิ่งออกมาจากห้องทันที

หม่าต้าเพ่ากลับมามีใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนเดิมทันที และถามออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “มีอะไรเหรอ คุณชวี”

“ชวีจิ้งอวิ๋น” ลังเลอยู่สองวินาทีและพูดกับซูเถา

“เถ้าแก่ซู ก่อนที่ถานหย่งจะเสียชีวิต เขาให้เงินฉันไว้ก้อนหนึ่ง บางทีคุณอาจใช้มันได้ มีอยู่ประมาณเจ็ดล้านเหลียนปัง”

หม่าต้าเพ่าตกใจมากจนลูกตาของเขาแทบจะหลุดออกมา

ซูเถาก็ประหลาดใจเช่นกัน เธอมองจิ้งอวิ๋นสักพักแล้วถามว่า “ทำไมคุณถึงบอกฉัน”

‘ชวีจิ้งอวิ๋น’ ยิ้มและพูดว่า

“เพราะมันไม่ใช่เงินของฉัน ฉันไม่สบายใจเมื่อฉันใช้มัน นอกจากนี้ ยิ่งตอนนี้ฉันเป็นเชลยของคุณ ฉันยิ่งไม่กล้าใช้”

หลังจากพูดจบ เธอก็รายงานหมายเลขบัญชีและรหัสผ่านให้เขา

หม่าต้าเพ่ารีบจดและส่งให้ซูเถา

ซูเถาพยักหน้า เธอมอง ‘ชวีจิ้งอวิ๋น’ อย่างลึกซึ้งและถามว่า

“คุณอยากได้อะไรหรือเปล่า?”

‘ชวีจิ้งอวิ๋น’ พูดอย่างจริงจัง “ฉันต้องการชีวิตที่มั่นคงสำหรับคนทั่วไป แค่นั้น โปรดวางใจฉัน”

ซูเถามองดูเธอครู่หนึ่ง และเห็นว่าดวงตาของเธอใสบริสุทธิ์ เธอจึงหันศีรษะไปและพูดกับหม่าต้าเพ่า

“จัดห้องเดี่ยวให้เธอในภูเขาผานหลิว”

หม่าต้าเพ่ารีบไปจัดการให้เธอทันที

‘ชวีจิ้งอวิ๋น’ ยิ้มโชว์ฟันขาวเป็นแถว “ขอบคุณเถ้าแก่ซูที่กรุณา ฉันจะตั้งใจทำงาน”

เมื่อซูเถากลับมาที่เถาหยาง หม่าต้าเพ่าก็ได้โอนเงินทั้งหมดในบัญชีส่วนตัวของถานหย่งให้เธอ

หลังจากที่เฉียนหรงหรงได้รับเงินก้อนโต เธอก็เอามือทาบอก

ในใจของซูเถาก็รู้สึกดีเป็นอย่างมาก และตัดสินใจในทันทีที่จะมอบผลประโยชน์ให้กับเจ้าหน้าที่ของศูนย์สุขภาพแม่และเด็ก ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ พยาบาล หรือแม้กระทั่งพนักงานทำความสะอาด

เงินเดือนเพิ่มขึ้น 10% จากเกณฑ์เดิม รวมอาหารทั้งสามมื้อ เช่นเดียวกับเถาหยาง มีเงินอุดหนุนอุณหภูมิสูง*[1] และมีเครื่องดื่มฟรีทุกวัน

และยังสัญญาด้วยว่าตราบใดที่พวกเขาทำงานในศูนย์แม่และเด็ก พวกเขาจะได้สิทธิ์สมัครเข้าอาศัยในเถาหยางเป็นอันดับแรก เพียงแต่ต้องรอคิวอย่างอดทนเท่านั้น

จวงหว่านซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลได้ส่งการเปลี่ยนแปลงด้านสวัสดิการนี้ไปยังผู้อำนวยการกัวทางอีเมล และผู้อำนวยการกัวก็แจ้งให้ให้ทุกคนทราบ

ด้วยความซื่อตรงและซื่อสัตย์นี้ ผู้อำนวยการกัวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจเต้น และรู้สึกขอบคุณมากเมื่อได้รับอีเมลฉบับนี้

[1] เงินอุดหนุนอุณหภูมิสูง เป็นเบี้ยเลี้ยงที่ต้องให้พนักงานที่ทำงานกลางแจ้งในอุณหภูมิที่สูงกว่า 35°