ตอนที่ 218 หนิวโหย่วเต้า นับว่าเจ้าแน่จริง!

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 218 หนิวโหย่วเต้า นับว่าเจ้าแน่จริง!

เมื่อเห็นอนุหร่วนละล้าละลังไม่ยอมตอบ

เซ่าฝูปอเอ่ยเร่งเร้า “ท่านแม่ จะมัวลังเลอีกไม่ได้แล้วนะขอรับ หากชักช้าจะไม่ทันการ! ไอ้สุนัขนั่นมีเล่ห์กลมากนัก หากปล่อยให้เขารู้ตัวเข้า ก็ไม่รู้เลยว่าเขาจะงัดลูกไม้อันใดออกมาอีก หากพลาดโอกาสครั้งนี้ไปจริงๆ เราจะไม่มีโอกาสดีๆ แบบนี้อีกแล้วนะขอรับ!”

อนุหร่วนลังเลเป็นอย่างยิ่ง “จะทำสำเร็จได้หรือ?”

เซ่าอู๋ปอกล่าวว่า “ครั้งนี้ไม่มีข้อผิดพลาดแน่ขอรับ ก่อนหน้านี้ที่เราทำพลาดกัน เป็นเพราะเขายังมีโอกาสให้พลิกสถานการณ์ แต่สำหรับสำนักเขามหายานนั้นต่างออกไป หากไปทำให้สำนักเขามหายานโกรธเกรี้ยวจนต้องลงมือ แม้แต่ท่านพ่อก็ปกป้องเขาไว้ไม่ได้ เขาต้องตายแน่นอนขอรับ!”

แม้ว่าสองพี่น้องจะเอ่ยรับรองซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่อนุหร่วนยังคงกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง เอ่ยอย่างขมขื่น “พวกเจ้าทำแบบนี้เท่ากับเป็นการบีบคั้นเขาไปสู่ความตาย นี่เท่ากับทำให้ตัวเองไม่เหลือทางถอยเช่นกันนะ!”

เซ่าฝูปอเอ่ยเสียงขรึม “ท่านแม่วางใจเถิดขอรับ พวกเราเตรียมทางถอยไว้แล้ว พวกเราปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว เรื่องนี้พวกเราสองพี่น้องไม่จำเป็นต้องออกหน้าพร้อมกัน ให้ข้าออกหน้าเปิดโปงคนเดียวก็พอ ท่านกับพี่รองแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง หากผลที่ออกมาไม่เป็นเหมือนอย่างที่เราคิด ก็ให้ข้ารับผิดชอบแค่เพียงคนเดียวก็พอ!”

พี่รองอย่างเซ่าอู๋ปอก้มหน้าเงียบงัน

อนุหร่วนมองลูกรอง จากนั้นก็มองลูกสาม เอ่ยด้วยความกลัดกลุ้มว่า “ให้คนอื่นออกหน้าเปิดโปงแทนมิได้หรือ? เหตุใดต้องออกหน้าด้วยตัวเองด้วย?”

นางหวาดกลัวเซ่าผิงปอจริงๆ หลายปีมานี้เรียกได้ว่าถูกเซ่าผิงปอทำให้หวาดกลัวอย่างแท้จริง

เพื่อจะควบคุมสถานการณ์ภายในครอบครัวเอาไว้แล้ว เซ่าผิงปอลงมืออย่างโหดเหี้ยมเสมอมา เด็ดขาดเป็นอย่างยิ่ง ทำให้พวกนางไม่กล้าก่อเรื่อง!

เซ่าอู๋ปอเอ่ยเสียงเบา “นี่คือการต่อสู้ที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง ไม่อาจเหลือทางรอดให้เขาได้ และเพื่อจะป้องกันไม่ให้สำนักเขามหายานและท่านพ่อปกป้องทางนั้นไว้ ก็มีแต่ต้องให้พวกเราสองพี่น้องออกหน้ากดดันด้วยตัวเอง ถึงจะสามารถบีบเขาไปสู่ความตายอย่างสมบูรณ์ได้!”

อนุหร่วนเอ่ยว่า “พวกเจ้าบีบเขาไปสู่ความตาย พี่น้องห้ำหั่นกันเอง แล้วท่านพ่อของเจ้าจะทนรับไหวได้อย่างไร จะให้ท่านพ่อของเจ้ามองพวกเจ้าอย่างไร? ท่านพ่อของเจ้าจะให้อภัยพวกเจ้าได้หรือ?”

เซ่าฝูปอกล่าวว่า “แล้วตอนที่เขาบีบพวกเรา ท่านพ่อเคยพูดอะไรบ้างหรือเปล่า? ไม่ให้อภัยพวกเราแล้วเป็นอย่างไร? ลูกชายของเขาก็มีแค่พวกเราสามคน ถ้าพี่ใหญ่ตายไปแล้ว ท่านพ่อคงจะไม่มาสังหารพวกเราต่อกระมัง? หาไม่แล้วหากเขาตายไป ผู้ใดจะเป็นคนไว้ทุกข์ส่งวิญญาณให้เขาเล่า? จะมีเพิ่มอีกคนก็เกรงว่าคงจะโตไม่ทันใช้หรือเปล่า? เด็กเล็กไหนเลยจะสามารถปกครองมณฑลเป่ยโจวได้? อีกอย่าง หากให้ข้าแบกรับเรื่องนี้เพียงคนเดียว ไม่ซัดทอดไปถึงพี่รอง ขอเพียงหลังจากนี้พี่รองมีอำนาจขึ้นมา คนอื่นก็ต้องเห็นแก่หน้าพี่รอง ไม่กล้าทำอะไรข้า ถึงข้าต้องแบกรับความคับข้องหมองใจไว้บ้างก็ไม่เป็นไรขอรับ!”

เซ่าอู๋ปอเอ่ยขึ้นว่า “ท่านแม่วางใจเถิดขอรับ ขอเพียงโค่นเขาได้ น้องเล็กจะไม่เป็นอะไรแน่นอน อย่างมากก็ได้รับโทษเล็กน้อย หากพลาดโอกาสเช่นนี้ไป กลับจะกลายเป็นพวกเราที่ต้องถูกเขาบีบคั้นไปสู่ความตายในไม่ช้าก็เร็ว! ท่านแม่ ยามที่ต้องเด็ดขาดก็ควรเด็ดขาดขอรับ จะมาใจอ่อนไม่ได้!”

“เอาล่ะ! แล้วแต่พวกเจ้าแล้วกัน!” อนุหร่วนส่ายหน้าอย่างจนปัญญา

“ขอรับ!” เซ่าอู๋ปอพยักหน้า ประสานมือกล่าวว่า “ท่านแม่โปรดจับตามองทางด้านท่านพ่อเอาไว้นะขอรับ รอจังหวะประสานกับพวกเรา”

เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว อนุหร่วนก็ถูกบุตรชายทั้งสองบีบคั้นจนหมดทางเลือกแล้วเช่นกัน ได้แต่ต้องไปทำตามแผนการของบุตรชาย

สองพี่น้องยืนอยู่ใต้ชายคา เซ่าอู๋ปอเงยหน้ามองฟ้า “จะมีชัยหรือพ่ายแพ้ก็ขึ้นอยู่กับวันนี้ น้องสาม ระวังตัวด้วย!”

เซ่าฝูปอยิ้มออกมา “พี่รอง หลังจัดการเรื่องนี้สำเร็จ ข้าอยากหลับนอนกับผู้หญิงของเขา!”

“ใคร?” เซ่าอู๋ปอมึนงง เท่าที่เขาทราบมา พี่ใหญ่ไม่มีผู้หญิง มีเพียงสาวใช้ต้นห้องไม่กี่คน นี่น่าจะนับเป็นผู้หญิงของพี่ใหญ่ไม่ได้กระมัง?

เซ่าฝูปอหัวเราะฮี่ๆ เอ่ยว่า “ถังอี๋! ผู้หญิงนางนั้นรูปโฉมงดงามจริงๆ หน้าตางดงาม เรือนร่างเย้ายวน บุคลิกสง่างาม หลังเสร็จเรื่องข้าต้องเอาผู้หญิงที่เขาชอบพอมาหลับนอนด้วยสักหน่อยให้ได้ มิเช่นนั้นข้าคงยากจะระบายความเกลียดชังที่สะสมอยู่ในใจในช่วงเวลาหลายปีมานี้ได้!”

“เรื่องนี้…สำนักสวรรค์พิสุทธิ์มาพึ่งพิงมณฑลเป่ยโจวของพวกเรา นับว่าจัดการได้ไม่ยาก แต่สามีของถังอี๋คือหนิวโหย่วเต้า ฝีมือของพี่ใหญ่เป็นอย่างไรเจ้าเองก็รู้ดี คนผู้นั้นสามารถงัดข้อกับพี่ใหญ่ได้ จะต้องไม่ธรรมดาแน่ ไม่จำเป็นต้องไปผูกความแค้นกับคนแบบนี้โดยไม่มีเหตุผลเลย…” เมื่อเซ่าอู๋ปอที่กำลังคิดไตร่ตรองเห็นสีหน้าผิดหวังของน้องชาย เขาก็เปลี่ยนท่าทางทันที ยื่นมือไปตบไหล่อีกฝ่าย “ได้! ข้าจะคิดหาทางจัดการเรื่องนี้ ข้าต้องคิดหาทางทำให้นางมาปรนเปรอเจ้าได้แน่ ต่อให้เจ้าถูกท่านพ่อส่งตัวเข้าไปอยู่ในคุก ข้าก็จะคิดหาทางส่งนางเข้าไปในคุกแล้วเปลื้องผ้าสร้างความสำราญให้เจ้าให้ได้!”

“ฮ่าๆ ตกลง รอฟังข่าวดีจากข้าแล้วกัน!” เซ่าฝูปอยักคิ้ว ตบอกปั่กๆ ก่อนจะเดินอาดๆ จากไป

…..

ณ จวนท่องคลื่น ภายในห้องหนังสือ เซ่าผิงปอกำลังตวัดพู่กันลงบนเอกสาร เขียนตำหนิเจ้าหน้าที่ในบางท้องที่ที่ทำงานไม่เรียบร้อย!

ในเวลานี้เอง พ่อบ้านเซ่าซานเสิ่งเดินเข้ามาในห้องหนังสืออย่างเร่งร้อน ไม่สนใจกฎเกณฑ์ใดๆ เอ่ยขึ้นด้วยความตื่นตระหนกว่า “คุณชายใหญ่ เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!”

เซ่าผิงปอเงยหน้ามองคราหนึ่ง ก้มลงเขียนคำวิจารณ์ของตนต่อ เอ่ยอย่างเยือกเย็น “ร้อนใจอะไร มีอะไรค่อยๆ ว่ามา ฟ้าไม่ถล่มหรอก!”

เซ่าซานเสิ่งไม่มีความคิดว่าจะค่อยๆ พูดเลย เมื่อเห็นว่าเซ่าผิงปอยังคงมีท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อน เขากลับยิ่งร้อนใจกว่าเดิม กล่าวด้วยความร้อนรนว่า “คุณชายใหญ่ เกิดเรื่องแล้วจริงๆ นะขอรับ! ทางอนุหร่วนทราบเรื่องที่คุณชายใหญ่คิดจะหลอกใช้หอหิมะเหมันต์กำจัดหนิวโหย่วเต้าแล้วขอรับ คุณชายรอง คุณชายสามและอนุหร่วนวางแผนจะเปิดโปงเรื่องนี้ เวลานี้พวกเขามุ่งหน้าไปหาจงหยางซวี่แล้ว ขวางไม่ทันแล้วขอรับ!”

จงหยางซวี่คือผู้อาวุโสแห่งสำนักเขามหายานที่ประจำการอยู่ที่นี่ ไม่เพียงแต่จะเป็นผู้รับผิดชอบติดต่อระหว่างสำนักเขามหายานและมณฑลเป่ยโจวเท่านั้น แต่ยังเป็นฝ่าซือติดตามอันดับหนึ่งของเซ่าเติงอวิ๋นด้วย

เซ่าผิงปอที่เพิ่งยกพู่กันจุ่มหมึกสีหน้าแปรเปลี่ยนทันที นิ้วคลายมือออก พู่กันตกลงบนโต๊ะ หยดหมึกสาดกระเซ็นลงบนกระดาษขาว ดูน่าประหวั่นพรั่นพรึง

ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องราวแล้ว

เซ่าผิงปอที่ใบหน้าขาวซีดลงไปในชั่วพริบตาค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เดินอ้อมโต๊ะทำงานออกมาอย่างเชื่องช้า เดินเข้าไปหาเซ่าซานเสิ่ง ดวงตาทั้งสองข้างคล้ายจะมีเปลวเพลิงพวยพุ่งออกมา เอ่ยถามเสียงเข้ม “พวกเขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”

ทางด้านพวกอนุหร่วนแม่ลูกแทบจะถูกเขาทำให้ไร้อำนาจแล้ว ไม่เพียงแต่จะไม่มีผู้บำเพ็ญเพียรไปมาหาสู่ด้วย กระทั่งบ่าวไพร่คนสนิทที่อยู่ข้างกายส่วนใหญ่ก็ล้วนถูกเขาควบคุมเอาไว้อย่างลับๆ เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นคือเรื่องนี้เขาจัดการอย่างรัดกุมที่สุด แม้กระทั่งสำนักเขามหายานก็ไม่ทราบเรื่องเลยสักนิด

เรียกได้ว่าทุกความเคลื่อนไหวของพวกอนุหร่วนล้วนไม่อาจรอดพ้นสายตาเขาไปได้ เคยแอบต่อว่าอะไรเขา เคยแอบด่าทออะไรเขา เขาก็ล้วนแต่ทราบทั้งสิ้น

ที่เขาไม่พูดอะไรออกไป ไม่แตะต้องสามแม่ลูกนั่นก็เป็นเพราะคำนึงถึงบิดาอย่างเซ่าเติงอวิ๋น หากลงมือรุนแรงเกินไป มันจะส่งผลต่อชื่อเสียงของเขาได้ ไม่เป็นผลดีต่อการรับช่วงต่อมณฑลเป่ยโจวของเขาในอนาคต ไม่ว่าจะมีเรื่องใดที่ไม่พอใจ ก็ต้องรอให้เขาได้ครอบครองอำนาจการปกครองมณฑลเป่ยโจวอย่างราบรื่นก่อนแล้วค่อยว่ากัน อีกทั้งตอนนี้เขาก็ยังต้องพึ่งพาอำนาจของท่านพ่อเพื่อสยบแม่ทัพนายกองที่จองหองพวกนั้นอยู่

ขอเพียงเรื่องราวยังอยู่ในการควบคุมของเขา เรื่องบางเรื่องเขาก็ไม่จำเป็นต้องไปถือสาหาความในตอนนี้

เซ่าซานเสิ่งส่ายหน้า เขาก็ไม่ทราบเช่นกันว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร เอ่ยเสียงเศร้าว่า “คุณชายใหญ่ หนีเถอะขอรับ! เกรงว่าจะถูกคนของเราแทงข้างหลังเข้าเสียแล้ว ทางฝั่งอนุหร่วน กำลังเล่นบทสังหารครอบครัวเพื่อผดุงคุณธรรม จะให้สำนักเขามหายานจัดการอย่างไรล่ะขอรับ? หวงเลี่ยเคยไปรับรองกับทางหอหิมะเหมันต์ไว้แล้ว หากเกิดเรื่องนี้ขึ้น สำนักเขามหายานไม่มีทางละเว้นคุณชายใหญ่แน่! ฉวยโอกาสที่ทางนั้นยังไม่ทันรู้ตัว รีบหนีเถิดขอรับ ขอเพียงวันนี้หนีรอดไปได้ ต่อไปยังมีโอกาสให้กลับมาอีก ตราบใดที่ยังมีชีวิตย่อมมีความหวัง! คุณชายใหญ่ รีบหนีเถิดขอรับ ช้าไปจะไม่ทันการแล้วนะขอรับ!”

ประโยคที่ว่า ‘หวงเลี่ยเคยรับรองกับทางหอหิมะเหมันต์ไว้’ ทำให้เรื่องที่หนิวโหย่วเต้าเคยเชิญหวงเลี่ยไปยังหอหิมะเหมันต์ผุดวาบขึ้นมาในหัวของเซ่าผิงปออย่างรวดเร็ว

ตอนนี้เมื่อนำเรื่องราวทั้งหมดมาร้อยเรียงต่อกัน หากเขายังไม่รู้ตัวอีก เช่นนั้นเขาก็มิใช่เซ่าผิงปอแล้ว เขาพึมพำออกมา ริมฝีปากสั่นระริกเล็กน้อย “พวกอนุหร่วนแม่ลูกอยู่ในการควบคุมของข้า หากพวกนางจะวางแผนเรื่องนี้กันจริงๆ เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะไม่ระแคะระคายอะไรแม้แต่น้อย ข่าวลือทางหอหิมะเหมันต์เพิ่งแพร่ออกไป ทางนี้ก็มีความเคลื่อนไหวทันที ไม่ให้โอกาสข้าได้ทันหายใจหายคอ นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเด็ดขาด หากแต่มีคนแอบวางแผนเล่นงานข้าลับหลัง!”

เซ่าซานเสิ่งตกใจ “ผู้ใดขอรับ?”

“หนิวโหย่วเต้า! ข้าตกหลุมพรางไอ้สารเลวนั่นแล้ว…” เอ่ยมาถึงตรงนี้ จู่ๆ เซ่าผิงปอก็ยกมือกุมตำแหน่งหัวใจ หน้าแดงขึ้นมาในทันใด

เมื่อสังเกตเห็นว่าอาการของเขาผิดปกติ เซ่าซานเสิ่งรีบร้องเรียกด้วยความตกใจ “คุณชายใหญ่!”

“พรูด!” กระพุ้งแก้มของเซ่าผิงปอที่หดเกร็งพลันคลายตัวออก โกรธแค้นจนกระอักโลหิตออกมา ดวงตาทั้งสองข้างเหลือกขึ้น ตัวคนล้มหงายไปทางด้านหลัง

โชคดีที่เซ่าซานเสิ่งสังเกตเห็นความผิดปกติล่วงหน้า จึงเข้าไปประคองเขาทันที ไม่ปล่อยให้เขากระแทกกับโต๊ะทำงานด้านหลัง พยุงเขาไปนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง ลูบอกเขาซ้ำไปซ้ำมาเพื่อช่วยให้เขาหายใจเป็นปกติ “คุณชายใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”

หลังจากเซ่าผิงปอที่มีใบหน้าแดงก่ำกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่งแล้ว สีหน้าเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือดอีกครั้ง ไร้สีเลือดในชั่วพริบตา ขาวซีดจนน่าตกใจ

ไม่ง่ายเลยกว่าอาการจะทุเลาลง เซ่าผิงปอยิ้มออกมา เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยรอยยิ้มขมขื่น หัวเราะฮ่าๆ แล้วเอ่ยว่า “เพื่อจะจัดการข้า ถึงกับก่อเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ขึ้น แสดงได้สมจริงนัก วุ่นวายกันมาตั้งนานสองนาน กลายเป็นเจ้าต่างหากที่หลบซ่อนตัวอยู่ในความมืด ขุดหลุมพรางดักรอเหยื่อ ขุดหลุมพรางใหญ่ขนาดนี้เพื่อให้ข้ากระโจนลงไป ช่างมีความอดทนจริงๆ หนิวโหย่วเต้า นับว่าเจ้าแน่มาก ครั้งนี้ข้ายอมรับด้วยใจจริง!”

เซ่าซานเสิ่งเอ่ยว่า “ไม่ว่าจะใช่หนิวโหย่วเต้าหรือไม่ คุณชายใหญ่ขอรับ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว การหนีคือทางเลือกที่ดีที่สุด ถ้ายังไม่หนีจะไม่ทันการนะขอรับ!”

เซ่าผิงปอที่หายใจหอบโบกมือให้เขาถอยไป โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปาก ส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “หนีหรือ? หนีไปที่ใดล่ะ? ข้าทุ่มเทหยาดเหงื่อไปไม่น้อยกว่าจะทำให้มณฑลเป่ยโจวเป็นอย่างปัจจุบันนี้ได้ แล้วจะให้ข้าประคองมันส่งให้ผู้อื่นหรือ? หากวันนี้ข้าหลบหนีไป นั่นก็จะเท่ากับเป็นการยอมรับว่าข้าทำเรื่องนั้นจริง ข้าจะไม่มีโอกาสให้พลิกสถานการณ์อีกต่อไป สำนักเขามหายานต้องไล่ล่าสังหารข้าอย่างถึงที่สุดแน่ ไม่มีทางปล่อยข้าไปเด็ดขาด! ผู้ใดจะกล้าเก็บตัวคนที่ล่วงเกินหอหิมะเหมันต์เอาไว้ล่ะ? หนีไม่ได้ แล้วก็ไม่อาจหนีได้ด้วย…ข้ายังไม่แพ้!”

เซ่าซานเสิ่งร้อนใจ “คุณชายใหญ่ อย่าจัดการเรื่องราวโดยใช้อารมณ์เลยขอรับ เพื่อเอาตัวรอดแล้ว สำนักเขามหายานไม่มีทางสนใจความเป็นความตายของท่านแน่นอน ท่านผู้ว่าการมณฑลก็ปกป้องท่านไม่ได้แล้วนะขอรับ! หนีเอาตัวรอดไปชั่วคราวก่อน ตอนนี้เราปล่อยข่าวออกไปแล้ว เอาไว้ทางหอหิมะเหมันต์สืบทราบจนแน่ชัดแล้วว่าเซียวเทียนเจิ้นได้ใช้ผลตะวันชาดหรือไม่ ตอนนั้นเราอาจจะยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์อยู่นะขอรับ”

“เห็นๆ อยู่ว่าเป็นกับดัก หนิวโหย่วเต้าจะให้เซียวเทียนเจิ้นใช้ผลตะวันชาดได้อย่างไร?” เซ่าผิงปอวางสองมือลงบนที่พักแขนเก้าอี้ ออกแรงพยุงตัวลุกขึ้น พยายามยืนให้มั่นคง ใบหน้าเผยสีหน้าเหี้ยมเกรียมออกมา เอ่ยสั่งการเขาว่า “ให้คนที่อยู่ทางจวนผู้ว่าการมณฑลลงมือซะ รีบกำจัดไอคนที่แอบวางแผนชั่วสองคนนั้นซะ!”

เซ่าซานเสิ่งตกใจ ย่อมทราบว่าสองคนที่ว่าคือใคร นี่จะสังหารน้องชายร่วมสายเลือดอย่างนั้นหรือ? เขารีบเอ่ยเตือนสติ “คุณชายใหญ่ทบทวนให้ถี่ถ้วนด้วยเถอะขอรับ หากชื่อเสียงเสื่อมเสียในฐานสังหารพี่น้องแพร่กระจายออกไป มันจะไม่เป็นผลดีต่อคุณชายใหญ่นะขอรับ!”

เซ่าผิงปอค่อยๆ ก้าวไปด้านหน้า มือยันมุมโต๊ะเอาไว้ เอ่ยด้วยรอยยิ้มเยียบเย็น “หากพวกเขาไม่ตาย มณฑลเป่ยโจวก็จะตกอยู่ในมือของพวกเขา พวกเขาคิดจะใช้แผนสังหารครอบครัวพิทักษ์คุณธรรมกระมัง? หรือพวกเขาไม่ได้คิดแบบนี้? หากมณฑลเป่ยโจวตกอยู่ในมือของพวกเขาจริงๆ พวกเขาไม่มีความสามารถพอจะปกครองได้แน่นอน มณฑลเป่ยโจวจะต้องตกอยู่ในมือของคนอื่นไม่ช้าก็เร็ว ตระกูลเซ่าของข้าต้องตายโดยไร้ซึ่งหลุมฝังศพ ไม่ว่าจะเป็นแคว้นหานหรือแคว้นเยี่ยนก็ล้วนไม่มีทางปล่อยตระกูลเซ่าของข้าไป เผลอๆ สำนักเขามหายานเองก็คงคิดจะวิธีเขี่ยตระกูลเซ่าทิ้งไปเช่นกัน รีบไป เดี๋ยวนี้ นี่คือโอกาสชนะครั้งสุดท้ายของข้า หากช้ากว่านี้จะไม่ทันการแล้ว เร็ว!”

เมื่อได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ เซ่าซานเสิ่งก็หันหลังออกไปจัดการตามที่สั่งทันที

เพิ่งเดินมาถึงประตูห้องหนังสือ ก็ได้ยินน้ำเสียงเยียบเย็นของเซ่าผิงปอดังขึ้นมาอีกครั้ง “ในเมื่อจะลงมือทั้งที มิสู้ขุดรากถอนโคนซะ ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นในภายหลัง วันหน้าจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงไปหาเหตุผลอะไรมาอ้างอีก… กำจัดนางแพศยาคนนั้นทิ้งไปพร้อมกันซะ ไปเร็ว!” คำพูดสุดท้ายกลายเป็นเสียงตวาด

ไม่เพียงแต่ต้องการสังหารน้องชายร่วมสายเลือดเท่านั้น แต่ยังต้องการสังหารแม่เลี้ยงด้วย! เซ่าซานเสิ่งฟังแล้วจิตใจหนาวสะท้าน แต่สุดท้ายก็ยังรับคำ รีบออกไปโดยเร็ว

เซ่าผิงปอที่ดูเหมือนจะสิ้นเรี่ยวแรงซวนเซถอยไปด้านหลัง ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ ยกมือป้องปากไอ ‘แค่กๆ’ ไม่หยุด เมื่อคลายมือออก บนฝ่ามือเปรอะเปื้อนคราบโลหิตสีแดงที่ดูสะดุดตา จึงอดยิ้มขมขื่นขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้ “หนิวโหย่วเต้า นับว่าเจ้าแน่จริง!”

…………………………………………………………………