หยู่เหวินเห้า เอามือกุมหัวไว้ พยายามรวบรวมสติของตนเอง ยกมือขึ้นอย่างไม่มีแรงอยู่หลายครั้ง พร้อมพูดขึ้นอย่างไม่ชัดเจนว่า “คนที่ไม่เกี่ยวข้อง ออกไปให้หมด“

มามากับฉี่หลอ จึงรีบพากันออกไป พร้อมทั้งปิดประตู

หยู่เหวินเห้ามองดูนาง อย่างค่อนข้างตื่นเต้น “เจ้า…..เจ้าห้ามโกรธ”

หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ได้โกรธ”

“เจ้าโกหก” หยู่เหวินเห้า คิดถึงสถานการณ์คืนก่อนหน้านี้ที่ตนเองพบเจอ นางบอกว่าไม่โกรธสิแปลก

“เจ้าเมามากแล้ว”

เขาตบลงบนโต๊ะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ได้เมา”

หยวนชิงหลิง มองดูฝ่ามือของเขา ตบโต๊ะจนมือแดงบวม จึงพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ ข้าไม่โกรธแล้ว”

“เจ้าตรงโกรธอยู่แน่ ข้าไม่เชื่อเจ้า” หยู่เหวินเห้ากล่าวหา อาศัยเพราะกำลังเมาอยู่จึงระบายพูดออกมาว่า “เป็นเพราะเจ้าคะยั้นคะยอถามข้า ข้าก็พูดปฏิเสธแล้ว เจ้าก็ยังรบเร้าถามอีก”

“ได้ ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรถาม”หยวนชิงหลิงไม่ถือสาเขา สองวันนี้ นางเองก็ทรมาน

หยู่เหวินเห้า เริ่มเข้าสู่โหมดการพูดพล่อยว่า “ถามได้ แต่อย่าคะยั้นคะยอ ข้าก็บอกแล้วไม่มี เจ้ายังไม่เชื่อ ยังจะถามอีก”

หยวนชิงหลิงก็อดไม่ได้ พูดขึ้นว่า “ถ้าข้าไม่คะยั้นคะยอ เจ้าก็ไม่ยอมพูดนิ”

“ข้าก็พูดแล้วว่าไม่มี”นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

นางทนไม่ไหว จึงพูดขึ้นอย่างดื้อรั้นว่า “แต่ความจริงเจ้ามี”

หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “ไม่มี เพราะเจ้าหัวเราะเยาะข้า ข้าก็เลยบอกว่ามี”

หยวนชิงหลิงอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “หมายความว่ายังไง? อะไรคือข้าหัวเราะเยาะ เจ้าถึงมี? ถ้าข้าไม่หัวเราะเจ้า ก็จะไม่มีหรือ?”

“ไม่มี”หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นทีละคำ แววตายังคงเต็มไปด้วยความกล่าวหา

“พร้อมขอคำชี้แจง”หยวนชิงหลิงมองดูเขา

หยู่เหวินเห้าคอหด ถึงแม้จะมึนเมา แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะร้อนไปทั้งใบหน้า และพูดขึ้นว่า “ไม่ว่ายังไงก็ไม่มี”

หยวนชิงหลิงโบกมือพูดขึ้นว่า “ได้ ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่มี”

“เจ้าไม่เชื่อ” เขาหันมาพร้อมกลิ่นหึ่งเหล้า หรี่ตาจ้องมองดูนางพร้อมพูดว่า “ผู้หญิงโกหก”

หยวนชิงหลิงกลั้นลมหายใจไว้ ช่างเถอะ อดไม่ไหว นางตบโต๊ะ เพราะเบิกตาโตพูดขึ้นว่า “พูดมา มีหรือไม่มี”

เขาก้มหน้าก้มตาพูดขึ้นว่า“ไม่มี”ทำไมต้องดุขนาดนี้?

“องค์ชายทุกคนล้วนต้องมี นี่เป็น กฎธรรมเนียมภายในวัง เจ้าพูดเอง” หยวนชิงหลิงพูด อีกครั้งอย่างเสียงดัง

หยู่เหวินเห้าอึ้งไปสักพักแล้วพูดขึ้นว่า “ เสด็จแม่จ่ายเงิน ปลอบโยนเสด็จพ่อ”

“ทำไม?” หยวนชิงหลิงอึ้ง

หยู่เหวินเห้าหันหน้าไปอย่างเก้อเขิน พร้อมพูดว่า “นางข้าหลวงคนนั้นอัปลักษณ์”

หยวนชิงหลิงมองดูเขา อย่างแทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง และพูดขึ้นว่า “อัปลักษณ์มาก เจ้าบอกว่ารูปร่างหน้าตาดีอย่างที่สุดไม่ใช่หรือ?”

“นั่นเป็นความเห็นของเสด็จพ่อ แต่ข้าเห็นว่าอัปลักษณ์มาก” หยู่เหวินเห้าพูดอธิบาย

หยวนชิงหลิงค่อนข้างไม่อยากเชื่อแล้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่เจ้ายังจำได้ว่า นางชื่อหลีเอ๋อ”

“พูดคุยกันอยู่ในตำหนักเฉยๆสามวัน ใครจะจำไม่ได้?” หยู่เหวินเห้ารู้สึกอยากอ้วกออกมาเป็นเลือด โกรธจนมึนหัว โกรธจนตาลายแล้ว

ที่จริงหยวนชิงหลิงไม่ได้ถือสาเรื่องนี้แล้ว แต่ผู้ชายวัยรุ่นปกติคนหนึ่ง มีประเคนถึงขนาดนั้นแล้ว จะแค่พูดคุยกันได้อย่างไร?

“เจ้าไม่ได้รังเกียจที่นางอัปลักษณ์ แต่เพราะตอนนั้นในใจเจ้ามีฉู่หมิงชุ่ยใช่ไหม?” หยวนชิงหลิงถามขึ้น

“ไม่เคยคิด” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้น แต่ท่าทีค่อนข้างแปลกประหลาด

หยวนชิงหลิงมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “คืนก่อนที่ข้าจะได้รับบาดเจ็บหนึ่งวัน เจ้ามีอะไรกับข้าเป็นครั้งแรกหรือ? เจ้าพูดความจริงออกมา ข้าไม่โกรธ”

หยู่เหวินเห้าส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่”

หยวนชิงหลิงลุกขึ้นยืน หันตัวจะเดินออกไป

หยู่เหวินเห้ากระโดดขึ้นมาพูดขึ้นว่า “เจ้าโกหกอีกแล้ว เจ้าบอกว่าจะไม่โกรธ”

หยวนชิงหลิงยื่นมือเปิดประตู หยู่เหวินเห้ากระโจนไปหา ด้วยความที่ยืนไม่นิ่ง จึงล้มลงบนพื้น แต่ยังไม่ลืมที่จะพูดอธิบายว่า “ครั้งแรกเป็นฮองเฮาบังคับให้พวกเราอยู่ด้วยกันครั้งแรก”

เอ่อ ใช่

หยวนชิงหลิงรีบประคองเขาขึ้นมา พร้อมพูดว่า “ข้าไม่ได้โกรธ ข้าแค่อยากดูว่า น้ำยาแก้เมาของลู่หยาเสร็จแล้วหรือยัง? ข้าบอกแล้วว่าไม่โกรธก็จะไม่โกรธ”

หยู่เหวินเห้าก้มหัว แล้วก็กัดตรงข้อมือของนาง

ไม่กล้าที่จะกัดอย่างแรง แต่ก็ไม่อยากเสียศักดิ์ศรี ฟันค้างอยู่บนนั้น แม้แต่รอยฟันก็ทิ้งไว้ไม่ลึก

“พวกเราไม่ทะเลาะกันอีกแล้ว ทะเลาะกันแล้วในใจข้าทรมานมาก” เขามองดูใบหน้าของนาง จ้องมองดูดวงตาของนาง แล้วพูดขึ้นอย่างโศกเศร้า

หยวนชิงหลิง พูดขึ้นด้วยแววตาอ่อนโยนว่า “ได้ พวกเราจะไม่ทะเลาะกันอีก”

“กอดหน่อย” หยู่เหวินเห้าโอบกอดนางแนบอก ร่างกายทั้งตัวกลับทับอยู่บนร่างของนางอย่างหนัก จนล้มลงไป

หยวนชิงหลิงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “นี่เป็นบนพื้น มีอะไรก็ไปพูดกันบนเตียง”

เขาทับอยู่บนร่างของนางอย่างไม่ขยับ

“หยู่เหวินเห้า ลุกขึ้นมา”หยวนชิงหลิงตบหลังของเขา

เสียงลมหายใจอย่างเป็นจังหวะ ดังขึ้นอยู่ข้างหูของนาง

หยวนชิงหลิงปล่อยมือทั้งคู่ลงอย่างอ่อนแรง ดี ยังนอนหลับอีก

สุดท้ายก็ต้องเรียกสวีอีเข้ามา ถึงสามารถขยับตัวเขาได้

หยวนชิงหลิงนวดแผ่นหลังของตน คนคนนี้หนักมาก

น้ำยาแก้เมาก็ได้ดื่ม ตบยังไงก็ไม่ตื่น หยวนชิงหลิงจึงปล่อยให้เขานอน

นางสวมชุดนอน แล้วก็หนุนอยู่ตรงหน้าอกของเขา ไม่มีจริงหรือ? รังเกียจคนอื่นหน้าตาไม่ดี? หยิ่ง

นางหัวเราะ ถึงแม้ความน่าเชื่อถือจะมีไม่มาก หรืออาจเป็นเพราะกลัวนางโกรธดังนั้นจึงพูดโกหก แต่ไม่ว่ายังไง ก็เห็นได้ชัดว่าเขาให้ความสำคัญกับนางมาก

นางก็จะปล่อยวางได้แล้วจริงหรือ

แต่ ไม่มีจริงเหรือ?

นางครุ่นคิดคำถามนี้อยู่ แล้วก็ง่วงหาว ค่อยๆหลับไป

เมื่อนอนถึงกลางดึก เขารู้สึกได้ถึงมีมือคู่หนึ่งกำลังเคลื่อนไหว แล้วก็มีร่างกายที่หนักอึ้งทับลงมา

นางลืมตาขึ้น ยังไม่ทันได้พูดอะไร ริมฝีปากก็ถูกประคบ เหมือนดั่งไฟร้อนรุ่ม กอดรัดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

นางหลับตาลงอีกครั้ง ไม่มีแรงต่อต้าน ง่วงมาก

ริมฝีปากเลื่อนลงไปผ่านลำคอลงไปถึงไหปลาร้า แล้วก็เลื่อนลงไปอีก หยุดอยู่ตรงหน้าอก หยวนชิงหลิงหายใจเข้าลึกๆ ขนลุกหวาดเสียวไปทั้งตัว

นางกอดแผ่นหลังที่แข็งแรงของเขาไว้ หายใจเบาๆอย่างมีความสุข รับเอาความรู้สึกดั่งเปลวไฟอันอบอุ่นที่แผ่ซ่านอยู่ข้างใต้

เขาไม่อ่อนโยนเลยสักนิด ดุร้ายและป่าเถื่อน ตอนที่สอดเข้าไปนั้น ยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดเล็กน้อย แต่ก็เพียงเล็กน้อย ไม่ช้า ด้วยความเคลื่อนไหวของเขา เหลือเพียงความรู้สึกที่ตื่นเต้นและแปลกใหม่

คนที่ตกอยู่ในห้วงความมึนเมา หัวสมองแทบไม่สามารถครุ่นคิด ทำได้เพียงกระทำลงไปตามสัญชาตญาณ

ห้วงเสน่หาภายในห้อง ทำให้ตอเป่าที่อยู่ด้านนอกยังหดเข้าไปภายในรังหมา

จากนั้น หยู่เหวินเห้ากลับมีสติขึ้นมาอย่างมาก เพราะเหงื่อไหลท่วมตัว ทำให้อาการเมาดีขึ้น

โอบกอดหยวนชิงหลิง ริมฝีปากของเขายังนัวเนียอยู่ข้างหูของนาง

หยวนชิงหลิงเหนื่อยอย่างมาก จึงพูดขึ้นว่า “รีบเข้านอน”

“ไม่นอน ไม่ง่วง” เขาคลอเคลียพร้อมพูดว่า “เจ้าไม่สนใจข้ามาสองวันแล้ว ข้าต้องชดเชย”

หยวนชิงหลิงดึงมือของเขาออก ลืมตาขึ้นมองดูเขาพร้อมพูดขึ้นว่า “จะไม่นอนจริงหรือ?”

“ไม่นอน” แววตาของเขาลึกซึ้ง

หยวนชิงหลิงหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ พลิกตัวขึ้นไปทับเขาไว้ แนบชิดบนร่างกายของเขาพร้อมพูดว่า “ได้”

สีดวงตาของเขากลับกลายเป็นน้ำตาลเข้ม มองดูนางอย่างรอคอย

“ทำไมถึงไม่มี?”หยวนชิงหลิงยังถามเรื่องนี้ไม่หยุด แต่ก็อ่อยเขา ริมฝีปากนัวเนียอยู่ข้างหูของเขา

หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “ข้าป่วยไง”

“อะไรเป็นอะไร?”หยวนชิงหลิงหัวเราะเยาะ ลมหายใจพ่นรดอยู่ข้างหูของเขา ทำให้เขาใจเสียวสะท้านไปทั้งตัว

“ครั้งแรกคือเข้าห้องหอกับเจ้า ก็ยังต้องทานยาไม่ใช่หรือ?” เขาพูดขึ้นด้วยเสียงเบา เหมือนเป็นเรื่องที่น่าอับอายมาก

“นั่นเป็นเพราะว่าเจ้าไม่ได้ชอบข้า เจ้าพูดเอง”หยวนชิงหลิงพูดขึ้น

หยู่เหวินเห้าโอบกอดนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “นางข้าหลวงอัปลักษณ์นั่นข้าก็ไม่ได้ชอบ”

“จริงหรือ?”

หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ดังนั้นเสด็จแม่ก็เลยคิดว่าข้าป่วย จ่ายเงินไม่น้อยเพื่อซื้อมามาชี้แนะกับนางข้าหลวง เพื่อช่วยข้าปิดบังเสด็จพ่อ”

หยวนชิงหลิงไม่เข้าใจ จึงถามขึ้นว่า “ทำไมต้องปิดบัง? ออกเสด็จพ่อตรงๆไม่ได้หรือ?”

หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “หากด้านนั้นขององค์ชายมีปัญหา ก็จะไม่มีโอกาสที่จะได้แย่งชิงครอบครองบัลลังก์แล้ว